เคล็ดลับทำธุรกิจกับเพื่อนสนิทให้รุ่ง

168

ทนายน้อยหน่า

05 ก.พ. 2020|3 min read

อ่านบทความอื่นจาก ทนายน้อยหน่า

คัดลอกลิงค์

แจ้งตรวจสอบ

เคล็ดลับทำธุรกิจกับเพื่อนสนิทให้รุ่ง

เรื่อง/ภาพ: ทนายน้อยหน่า

ขอบคุณรูปภาพปกจาก pexels

ในชีวิตคนเราการมีเพื่อนดีย่อมเป็นโชคดีของชีวิต เพื่อนบางคนได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เช่นเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ เป็นหุ้นส่วนชีวิต เป็นคู่รัก เป็นสามีภรรยา

พระอาจารย์ไพศาล วิศาโล เคยกล่าวคำพูดที่เราชอบมากคือ "โลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้ามีแต่มิตรที่เพิ่งรู้จัก"

เพื่อน

ขอบคุณรูปภาพจากpixabay

คนที่ใกล้ชิดถึงระดับเป็นหุ้นส่วนกันได้ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนแบบไหนย่อมต้องมีโอกาสเห็นข้อเสียของกันและกัน หุ้นส่วนธุรกิจหลายคนเคยเป็นเพื่อนรักกันแต่ต้องมาเลิกคบเพราะเปิดบริษัทด้วยกัน จนมีคำกล่าวเล่นๆว่าดังแล้วแยกวง

หุ้นส่วนชีวิตหลายคู่ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยาจดทะเบียนสมรส หรือใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นคู่ชายหญิง หรือคู่ LGBT ที่เคยรักกันมากแต่ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนแบบไหนการเห็นข้อเสียของกันและกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรากับเพื่อนสนิทก็ไม่ต่างกัน เริ่มจากเป็นเพื่อนสนิทแล้วมาทำธุรกิจด้วยกัน ความคิดเห็นในการทำงานย่อมมีโอกาสขัดแย้งกัน แต่อะไรทำให้ยังคงร่วมงานกันได้ อยากแบ่งปันเคล็ดลับว่าทำธุรกิจกับเพื่อนสนิทให้รุ่งมีอะไรกันบ้างมาดูกัน

1.ยอมรับก่อนจะร่วมธุรกิจกันว่า ถ้าเราทำคนเดียวได้เราทำไปแล้วเพราะตัดสินใจง่ายไม่ต้องรอความเห็นจากใคร ดังนั้นการที่ตัดสินใจทำธุรกิจกับเพื่อนก็เพราะเพื่อนมีในสิ่งที่เราไม่มี เช่น เพื่อนคนหนึ่งเก่งการขายแต่ไม่เก่งการทำงานหลังบ้านประเภทงานเอกสาร เพื่อนคนหนึ่งเครือข่ายดีที่เรียกว่า Connection เยอะแต่ไม่มีเวลามาบริหารธุรกิจด้วย ส่วนอีกคนไม่เก่งการขายไม่มีเครือข่ายแต่เก่งการทำงานด้านระบบเอกสารด้านการบริหารงาน ดังนั้นจึงมาร่วมธุรกิจกัน

เพื่อนร่วมทำธุรกิจ

ขอบคุณรูปภาพจากpixabay

2.ตั้งเงินเดือนให้แต่ละคนตามเวลาที่ใช้ ไม่จำเป็นว่าก่อตั้งธุรกิจด้วยกันต้องตั้งเงินเดือนเท่ากัน ใครใช้เวลาในการทำงานมากก็ตั้งเงินเดือนมาก ใครใช้เวลาในการทำงานน้อยก็ตั้งเงินเดือนน้อย ใครไม่ใช้เวลาในการทำงานเลยก็ไม่ต้องรับเงินเดือนรับแต่เงินปันผลอย่างเดียว แต่กำหนดค่าตอบแทนให้เป็นครั้ง ๆ เช่นมาประชุมได้เท่าไหร่ ไปรับใบสั่งซื้อจากลูกค้าได้เท่าไหร่

เงิน

ขอบคุณรูปภาพจากpixabay

สมมติมีเพื่อนร่วมธุรกิจกัน 4 คน ทุกคนต้อง 1.มาประชุม 2.ต้องไปรับใบสั่งซื้อจากลูกค้า 3.ต้องพาลูกค้าไปทดสอบสินค้า ซึ่งงานที่กล่าวมาเป็นงานที่อาจจะมีสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่จะมีเพียง 2 คนที่ใช้เวลาทำงานส่วนหลังบ้านเพิ่มเติมเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นทุกคนที่ทำงานลำดับที่ 1หรือ 2 หรือ 3 จะได้ค่าตอบแทนเป็นครั้ง ๆ ของงานนั้นที่ได้กำหนดล่วงหน้าไว้แล้วว่าแต่ละงานได้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่เฉพาะ 2 คนที่ทำงานหลังบ้านประจำทุกวันที่ได้เงินเดือนแน่นอน และทุกคนได้รับเงินปันผลประจำปีเท่า ๆ กัน การกำหนดแบบนี้คนที่ทำงานมากกว่าจะได้รับผลตอบแทนโดยรวมมากกว่าก็จะทำให้ตัดปัญหาเรื่องที่ว่าบางคนทำมากกว่าอีกคนแต่ได้เงินเท่ากัน

Contract

ขอบคุณรูปภาพจากpixabay

3.แยกบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับธุรกิจให้ชัดเจน แม้แต่เป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อยไม่กี่บาท และใช้ระบบโอนเงินแบบมีหลักฐานตรวจสอบได้ง่าย เช่นการโอนเงินทางแอพธนาคาร เพราะถ้าให้เป็นเงินสดต้องมาคอยทำเอกสารเซ็นรับเสียเวลาอีก

แยกรายจ่าย

ขอบคุณรูปภาพจากpixabay

4.หากมีประชุมต้องยอมรับกติกาว่าใช้เสียงส่วนใหญ่ แม้ว่าเหตุผลอาจดูไม่เข้าท่า แต่เมื่อผ่านการอภิปรายมาแล้วและยังลงความเห็นเช่นว่านั้นโดยเสียงส่วนใหญ่ก็ต้องยอมรับ เพราะแต่ละคนก็มีประสบการณ์ในชีวิตกันพอสมควรเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น หลายเหตุการณ์ในชีวิตที่แก้ปัญหาได้ก็มาจากการใช้ความรู้สึกที่เรียกว่าสัญชาติญาณไม่ใช่เรื่องของเหตุผล ดังนั้นต้องเคารพในความคิดเห็นนี้

เพื่อน ๆ ประชุม

ขอบคุณรูปภาพจากpixabay

5.หากในการร่วมงานมีความเห็นที่ไม่ตรงกันอย่างรุนแรงจนแทบจะทะเลาะกัน ให้นึกถึงความสัมพันธ์ดี ๆ ในอดีตว่าทุกคนต่างมีข้อเสีย ยามที่เราแสดงกิริยาไม่น่ารัก เอาแต่ใจตัว เอาความคิดเห็นเราเป็นใหญ่ เพื่อนสนิทเราก็ยังให้อภัยและคบกันจนมาชวนกันเปิดธุรกิจด้วยกัน ในทางกลับกันยามที่เพื่อนสนิทเราแสดงกิริยาที่เรารับไม่ได้ เราก็สำนึกว่าเพื่อนเรายังอดทนในนิสัยที่ไม่น่ารักของเราได้อีกทั้งยังให้อภัยเราได้ แสดงว่านิสัยพื้นฐานเพื่อนเราเป็นคนมีน้ำใจ การที่เพื่อนเรามีพฤติกรรมแตกต่างจากเดิมบางขณะย่อมไม่ใช่นิสัยปกติแต่อาจเกิดจากความเครียดจากงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เราตระหนักได้แบบนั้นก็มีแต่ความเข้าใจในตัวเพื่อน และให้กลับไปอ่านข้อ 1 ใหม่

เพื่อนช่วยเหลือกัน