อื่นๆ

เคล็ดลับสู้ภัยแล้งของลูกชาวสวนลำไย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เคล็ดลับสู้ภัยแล้งของลูกชาวสวนลำไย

           สวัสดีครับ...วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์ของลูกชาวสวนให้ท่านผู้อ่านได้ฟัง  ผู้เขียนอยู่อำเภอจอมทอง  จังหวัดเชียงใหม่  คนอำเภอจอมทองส่วนใหญ่นั้นอาชีพเกษตรกรส่วนมาก  จะเป็นชาวสวนลำไย  ใน 1 ปี ก็มีการเก็บเกี่ยวกันปีละครั้ง บางคนก็เก็บลไยในฤดูก็คือช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป  ราคาส่วนใหญ่ก็แล้วแต่โชควาสนาแหละครับ  เพราะบางปีนั้นก็ราคาถูก ๆ เพราะลำไยออกผลกันมากทำให้ราคาถูก  หลายคนจึงหันไปเก็บเกี่ยวนอกฤดู  จึงทำให้ราคาสูงขึ้นแต่ถึงยังไงก็ตามความสำคัญของการเก็บเกี่ยวลำไยก็คือ  การใส่ใจและดูแลให้ต้นลำไยนั้นอยู่รอดไม่ให้มันตายนั่นเองครับ  แต่ปีนี้แล้งมากจนใบเหี่ยวแห้งน้ำในลำธารหรือน้ำห้วย  ไม่มีแห้งขอดเลยครับประกอบกับผู้เขียนนั้นมีสวนลำไย   ซึ่งมีสวนลำไยประมาณไร่กว่า ๆ ไม่มากเท่าใดนัก แต่ถึงยังไงก็คงขาดน้ำไม่ได้อยู่ดี

Advertisement

Advertisement

           ผู้เขียนเลยคิดว่าน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีถึงแม้จะไม่ได้น้ำมากแต่ก็พอให้รอดช่วงวิกฤติได้ก็พอ  คุณพ่อเลยเสนอแนะให้ใช้วิธีการพ่นน้ำ  น่าจะดีกว่า  จะเปรียบเสมือนว่าเราเองแม้ไม่ได้ทานข้าวอิ่ม ๆ แต่เราก็พอมีน้ำพอประทังชีวิติในช่วงเวลาให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้   พอได้ความคิดที่ดี ๆ นี้แล้วจึงได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับชาวสวนทันที เตรียมถังใส่น้ำให้เต็มถังเลยครับอย่าลืมใช้พลาสติกหุ้มเดี๋ยวน้ำทะลักออกน่ะครับระหว่างเดินทาง ,เครื่องพ่น ,สายยางสำหรับเครื่องพ่น  หลังจากนั้นก็มัดให้แน่น ๆ เลยครับไม่งั้นจะหลุด และตกระหว่างทางได้ครับ  เมื่อพร้อมแล้วเราก็ออกเดินทางไปพร้อมกันเลยครับ….

นน

             เมื่อถึงสวนลำไยก็เริ่มจัดแจงอุปกรณ์ในการพ่นน้ำให้อาหารทางรากของต้นลำไยให้พร้อม  ดึงสายพ่นให้ยาวจนสุด ๆ ไปเลยครับ เพราะว่าเราจะพ่นจะได้ง่ายไม่ต้องมาดึงที่แกนม้วนบางทีอาจจะหมุนออกยากเพราะว่าในการพ่นน้ำไม่ได้เป็นเส้นตรง   มันจะคดเคี้ยวไปมาทำให้ไม่สะดวกในการดึงสายและลากสายในขณะที่เราพ่นน้ำได้ครับ

Advertisement

Advertisement

สสสส          เตรียมตัวให้พร้อม  ปรับวาล์วสำหรับจะพ่นน้ำให้เป็นลักษณะละอองฝอย  เพื่อให้เพิ่มพื้นที่บริเวณสัมผัสกับน้ำได้มากขึ้น  และซึมได้เร็ว ผู้เขียนจะเป็นคนพ่นเองเลยครับงานนี้ส่วนคุณพ่อจะเป็นผู้คอยสตาร์ทเครื่องและคอยเปลี่ยนสายยางสำหรับดูดน้ำจากถังไปอีกถัง  ทำให้ง่ายและสะดวก อย่าลืมน่ะครับ  ใครที่มาสวนใช้วิธีนี้เป็นไปได้มา 2 คน น่ะครับ เพราะต้องพ่นน้ำให้กับต้นไม้คนหนึ่ง  อีกคนต้องคอยดุแลเครื่องพ่นบางทีอาจจะติด ๆ ดับ ๆ และต้องคอยเปลี่ยนสายยางสำหรับดูดน้ำด้วยครับ  ตอนนี้พร้อมล่ะยังครับ  ถ้าพร้อมแล้วเราก็เริ่มกันเลยล่ะกันน่ะ

าา

        ถ้ายังไม่เคยได้พ่นเลยจากครั้งแรกให้เราเปิดทางให้น้ำได้สัมผัสกับพื้นดินก่อนเลยครับ  เอาใบไม้ลำไยที่แห้ง ๆ ออกก่อนเลยแล้วพ่นบริเวณโคนต้น  ไม่ควรพ่นกระจายไปทั่วรอบ ๆ บนใบไม้หรือพื้นดินบริเวณกว้าง  เพราะนอกจากรากจะไม่ได้รับน้ำแล้ว  น้ำยังจะระเหยไปในอากาศได้ง่าย  ในการพ่นอาจใช้วิธีการนับในใจหรือจับเวลาก็ได้  เหตุผลง่าย ๆ เพราะเรามีเวลาจำกัด  ไม่งั้นถังน้ำทั้ง 3 หมดก่อนที่จะไปถึงต้นอื่น ๆ แน่นอนเลยครับ ผู้เขียนใช้วิธีการนับ 1 - 100 คร่าว ๆ บางทีน้ำเหลือเราก็ซ้ำอีกทีได้ครับ  ดีกว่าน้ำขาดใช่ไหมล่ะ

Advertisement

Advertisement

าา

      พ่นบริเวณโคนต้นลำไยให้ชุ่มเลยครับ  นั่นไง  เห็นตามภาพไหมครับ  ชุ่ม ๆ แฉะ ๆ เลย จากนั้นก็กลบใบลำไยต่อพ่นซ้ำอีกทีเพื่อให้ต้นไม้ได้เย็นชื่นใจไปเลย  และทำให้ใบมันย่อยสลายทำให้เป็นปุ๋ยได้อีกทาง  เพราะอีกไม่กี่เดือนจะถึงฤดูฝนก็ได้ปุ๋ยเป็นธาตุอาหารพอดีเลยครับ

าาาาาา

ถามว่าผู้เขียนมีความสุขไหมในการมาสวนมาไร่อย่างนี้  ตอบไปเลยว่ามีความสุขมาก ๆ เลยครับ เพราะมีหลายประเด็นด้วยกัน  ไม่ว่าจะเห็นกับธรรมชาติ  ได้ยินเสียงนกร้อง  เห็นต้นไม้แม้ว่าจะแห้งแล้งไปนิดนึง 5 5 แต่ก็มีความสุขน่ะ ยิ่งเวลาได้พ่นน้ำให้ต้นลำไย  เหมือนว่าเราป้อนข้าวป้อนน้ำให้ลูกยังไงยังงั้นครับ เพราะมันไม่มีโอกาสได้เดินหรือวิ่งไปหาอาหาร  หรือแม้กระทั่งพูดบอกว่าฉันหิวเลย จริงไหมครับ  ยิ่งร้อน ๆ แบบนี้ขณะที่พ่นน้ำแล้ว  น้ำได้สัมผัสกับผิวกายก็เย็นดีน่ะครับ  ลองมาพ่นน้ำด้วยกันไหมครับ อิอิ 

สสส        นอกจากการพ่นน้ำทางรากแล้วก็อาจจะมอบโบนัสเล็ก ๆ ให้ต้นลำไยสักหน่อย ผู้อ่านอาจจะ  งง  สักหน่อย ไม่มีไรหรอกครับผู้อ่านคิดเอง นั่นก็คือการพ่นน้ำทางใบให้ต้นลำไยนั่นเอง  เพียงเพราะว่าตอนกลางวันและช่วงบ่าย ๆ อากาศมันร้อนจริง ๆ ใบของต้นลำไยมันก็เฉาเหี่ยวแห้ง น่าสงสารแทนเลยครับ

        การทำงานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรคเดี๋ยวผู้เขียนจะขอเล่าอุปสรรคให้ฟังเลยน่ะครับ  นอกจากถ้าเครื่องพ่นเราไม่เสียหรือไม่แก่ตามอายุของมันก็คงจะเป็นภัยธรรมชาติ  ไม่ใช่พายุลูกเห็บ  หรือ ดินถล่มอะไรหรอกน่ะครับ  มันก็คือ มดน้อยแดงนั่นเอง มดแดงนี้มันจะเกาะต้นลำไยและจะไข่ไว้  บางพื้นที่ตามต้นไม้โดยทั่วไปเขาก็จะหามันเอาไปขายบ้าง  เอาใส่แกงผักหวาน  เอาทอด  หรือใส่น้ำพริกก็อร่อยเหาะไปเลย  มดแดงนั้นถ้าไม่สังเกตก้ไม่เห็นมันหรอก  ไม่ใช่ว่ามันซ่อนแอบกับเราหรอกน่ะ  แต่เพราะเราไม่มีเวลาหามัน หรือตัวมันเล็กเข้ากับธรรมชาติได้ดี  ถ้าเผลอมาเกาะเราปุ๊บก็จะกัดปั็บทันที  ไม่มีเวลาให้ท่านผู้อ่านมานั่งนับ 1 - 3 หรอกครับ เพราะมันคิดว่าเราเป็นศัตรู  จึงต้องป้องกันตัวก่อน..

สสสสสเมื่อพ่นน้ำใส่ต้นลำไยใกล้จะเสร็จแล้วปัญหาต่อไปคงไม่พ้นสายพันกันต่อครับ  เหตุผลและปัญหาก็เกิดจากกิ่งไม้ที่เกลื่อนอยู่ทำให้สายไปพันเข้าประกอบกับสายมันยาวด้วยทำให้พันม้วนเข้าด้วยกัน  บางทีก็ไปพันกับตอไม้  ต้นลำไยอีกตังหาก  ต้องใจเย็น ๆ น่ะครับค่อย ๆ เอากิ่งไม้ออกแล้ว ๆ ค่อย ๆ ดึงสายใหม่อย่ารีบร้อน

สสสผู้เขียนใช้เวลาพ่นไปเกือบประมาณชั่วโมง วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว  เพราะคงไม่มีเวลาได้เล่นโทรศัพท์มือถือ  หรือนั่งอ่านหนังสือนิยายแน่ ๆ ขณะพ่นน้ำ 5 5 เพราะต้องคอยดูกิ่งไม้ทั้งที่เท้าและบริเวณตรงหน้าของเราด้วยไม่งั้นเผลอดจิ้มตาเข้า  เพราะต้นลำไยต้นเล็กไม่สูงต้องคอยมุดกิ่งไม้ไปมาจากต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง  เพลินเลยล่ะครับ  บรรยากาศยามเย็นนี้ไม่ร้อนหรอกครับถ้าเรามาให้น้ำกับต้นลำไยหรือพืชสวนของท่านผู้อ่าน  นอกจากจะเย็นฉุ่มฉ่ำเต็มที่แล้ว ตัวเราเองก็ไม่ร้อนจากแสงแดดที่คอยแผดเผาช่วงเช้าหรือบ่ายอีกน่ะครับ  อีกอย่างใช้เวลาไม่นานมากหรอกครับ  แนะนำให้มาช่วงเย็นประมาณสัก16.00 น.ขึ้นไป แต่ค่ำเกินไปก็มืดอันตราย ไม่ว่าอาจจะเจองู กิ่งไม้ หรืออาจจะสะดุุดหกล้มได้น่ะครับ  มาเช้ากว่านี้ก็ร้อนไปหน่อย

ารก่อนกลับต้องลากสายยางให้เป็นแนวเส้นตรงและสลับกันไปมาเพราะสายยาวมาก ๆ เลยละครับ ครั้งต่อไปถ้ามาก็อย่าลืมล่ะครับ  ว่าเคลียร์สถานที่ก่อนพ่นน้ำให้กับพืชสวนของเราเองให้ง่ายกับการปฏิบัติภาระกิจครั้งนี้ของเรา เช่น กิ่งไม้ต่าง ๆ ให้กองรวมอยู่ห่าง ๆ จากที่เราจะพ่นน้ำไม่งั้นคงจะเป็นเหมือนผู้เขียนแน่เลยครับจึงนำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังสนุก ๆ กัน
สสสเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก้อย่าลืมมัดเชือกให้แน่น ๆ ไม่งั้นตกกลางถนนเสียดายแย่เลยถ้ากลับมาแล้วหาไม่เจอ  หรือไม่ก็อาจจะเกิดอันตรายกับผู้อื่นด้วยครับ  กลับถึงบ้านก็อย่าลืมรีบอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย  เพราะเชื้อโรคมีอยู่ทุกที่ป้องกันดีกว่าน่ะครับ  นี่แหละครับชีวิตของลูกชาวไร่ชาวสวน  จะสนุกบ้างเป็นครั้ง ๆ ไป การพ่นให้น้ำกับต้นลำไยจะเป็นเคล็ดลับเฉพาะกิจเท่านั้นครับไม่งั้นต้นลำไยได้ยืนต้นตายเหมือนกับที่อื่น ๆ แน่เลยครับ ไม่คุ้มเลยใช่ไหมล่ะ การให้น้ำกับต้นลำไยผู้เขียนจะให้วันเว้นวันครับเพราะจะได้เย็นฉุ่มฉ่ำกันไปเลย

าาา

จงเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ทุกอย่างแม้ว่าบางครั้งเหตุการณ์จะไม่เกิด  เหมือนกับช่วงนี้แม้ว่าอากาศจะร้อนแต่ช่วงเย็น ๆ ก็เหมือนกับว่าฝนจะตก ถ้าผู้เขียนกับคุณพ่อหวังพึงว่าเย็นนี้ฝนจะตกต้นลำไยก็คงจะยืนต้นตายไปแล้ว กันไว้ดีกว่าแก้ดีกว่าน่ะครับ ไม่ยากลำบากหรอกครับ  คิดว่าไปเล่นน้ำสงกรานต์กับต้นไม้และทำบุญให้อาหารมันละกันจริงไหมครับ...  

ภาพโดย:สันติ  แสนใจบาล

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์