อื่นๆ
เคล็ดไม่ลับ เลือกซื้อ ‘กีต้าร์โปร่ง’ ด้วยตัวเอง ไม่ยากอย่างที่คิด

"เคล็ดไม่ลับ เลือกซื้อ ‘กีต้าร์โปร่ง’ ด้วยตัวเอง ไม่ยากอย่างที่คิด"
ช่วง “Stay Home, Stay Save…” ยาวๆ แบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มรู้สึกเบื่อ อยากหาอะไรทำเพลินๆ ที่นอกเหนือไปจากกินกับนอนนิ่งๆ มันน่าจะมีกิจกรรมที่ช่วยสร้างสีสันความบันเทิงภายในบ้านอีกสักอย่างสินะ! ไม่ต้องคิดไปไกลครับ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเสียงดนตรี ชอบฟังเพลง และอยากจะหัดเล่นเครื่องดนตรีสักชิ้นที่ไม่ต้องไปเรียนที่ไหนไกล แค่เข้าเน็ต เปิดดูยูทูบ แล้วค้นหาแชนแนลครูสอนดนตรีออนไลน์สักคน เท่านี้ก็เสร็จภาระกิจแล้ว
สำหรับเครื่องดนตรีที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ว่านี้ ก็มีหลายอย่างครับ แต่วันนี้ขอแนะนำเป็น “กีต้าร์โปร่ง” ก่อนละกัน เนื่องจากหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง ยิ่งเป็นช่วงเก็บตัวอยู่กับบ้านแบบนี้ ร้านขายเครื่องดนตรีหลายแห่งก็มีบริการออนไลน์ สั่งซื้อแล้วไปส่งกีต้าร์กันถึงหน้าบ้านเลย สะดวกรวดเร็วจริงๆ ... เอาละครับ เกริ่นมาซะยาว ยังไม่ได้เข้าเรื่องของเราเลย ถ้าคุณอยากหัดเล่นกีต้าร์โปร่งด้วยตนเอง แต่ยังไม่มีกีต้าร์อยู่ในมือละก็ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ…ไปซื้อกีต้าร์กันครับ!!
Advertisement
Advertisement
จะซื้อกีต้าร์โปร่งตัวแรก ต้องรู้อะไรบ้าง
- อย่างแรกที่คุณต้องรู้ก็คือ กีต้าร์โปร่งนั้นมีหลายขนาด ซึ่งแต่ละขนาดก็มีความแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของโทนเสียง ระดับความดังเบาเวลาดีด และความยากง่ายในการจับคอร์ดกีต้าร์ ถ้าคุณเป็นคนตัวเล็ก แต่ดันไปซื้อกีต้าร์ทรงใหญ่ ที่มีคอกีต้าร์กว้างๆ มาหัดเล่นก็จะยิ่งเพิ่มความยากลำบากขึ้นไปอีก ดังนั้น ใครที่ตัวเล็กๆ นิ้วมือไม่ยาว กีต้าร์ทรงเล็ก ไซส์มินิ ที่มีคอแคบๆ หน่อย จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ส่วนใครที่ตัวใหญ่ และมีนิ้วมือค่อนข้างยาว คุณจะได้เปรียบในเรื่องนี้ เพราะกีต้าร์ทุกขนาด ทุกไซส์ คุณสามารถนำมาหัดเล่นได้อย่างไม่ยากเย็น
สำหรับผู้เขียนเองก็มีกีต้าร์อยู่หลาย 10 ตัว ด้วยความที่ชอบสะสมและเล่นกีต้าร์ด้วย ตัวที่หยิบมาเล่นอยู่บ่อยๆ จะเป็นกีต้าร์ทรง D หรือบางยี่ห้อจะเรียกทรง Ds (Dreadnought) ซึ่งเป็นกีต้าร์ที่เห็นได้ทั่วไป ด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่ลองจากทรงจัมโบ้ จึงเหมาะกับการเล่นตีคอร์ดร้องเพลงทั่วไป และอีกทรงที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือ กีต้าร์ทรง OM (Orchestra Model) ซึ่งเหมาะกับการเล่นแนวฟิงเกอร์สไตล์ หรือฟิงเกอร์ปิ็กกิ้ง ที่ต้องเน้นเสียงกีต้าร์ให้ดังกระชับยิ่งขึ้น กีต้าร์ทรงนี้มีขนาดความหนาและความกว้างของลำตัวที่ไม่ใหญ่มาก จึงให้เสียงตัวโน้ตจากสายทั้ง 6 เส้น คมชัดกว่ากีต้าร์ทรงอื่นๆ นั่นเอง (สำหรับกีต้าร์ที่ขึ้นต้นด้วยทรง O ทั้งหลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับแนวฟิงเกอร์สไตล์มากๆ)
Advertisement
Advertisement
(ภาพประกอบจากผู้เขียน)
จากภาพกีต้าร์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ จะเป็นทรง D เหมาะสำหรับเล่นเพลงตีคอร์ดทั่วไป แต่ถ้าอยากได้เสียงกระหึ่มมากยิ่งขึ้นแนะนำเป็นทรง J (Jumbo) และ Grand J ส่วนกีต้าร์ทรง O ทั่งหลาย และทรง GP (Grand Performance) จะเหมาะกับแนวโซโลอย่างพวกฟิงเกอร์สไตล์ เป็นต้น
2. กีต้าร์ไม้อัด ไม้แท้ ไม้เทียม คืออะไร? มือใหม่ต้องใส่ใจไหม? สำหรับมือใหม่หัดเล่น การเลือกซื้อกีต้าร์ด้วยตัวเอง คุณควรจะมีข้อมูลในส่วนนี้ด้วย เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณได้กีต้าร์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคาแล้ว ยังทำให้คุณเป็นต่อ เมื่อคุณอยากจะต่อรองราคากับผู้ขายอีกด้วย ลองนึกภาพดูนะครับ ถ้าเราเดินไปซื้อกีต้าร์แบบมึนๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ชื่อยี่ห้อก็ยังเรียกไม่ถูก แบบนี้ก็อาจจะได้ของไม่ดีกลับบ้านก็เป็นได้
(ภาพประกอบจากผู้เขียน)
Advertisement
Advertisement
จากภาพ วิธีสังเกตดูว่ากีต้าร์ตัวไหนเป็นไม้แท้ ไม้เทียมหรือไม้อัด ให้เราดูที่ขอบของโพรงเสียงกีต้าร์ครับ (รูกลมๆ ตรงกลาง) ถ้าเป็นไม้แท้ๆ เราจะเห็นเส้นลายไม้ลากลงมาตั้งฉากกับโพรงเสียงกลมๆ ครับ ส่วนพวกกีต้าร์ไม้เทียมหรือไม้อัด ซึ่งนำเอาแผ่นไม้มาประกบกันจะเห็นเป็นเส้นขนานไปกับโพรงเสียง
กีต้าร์ไม้อัด : ใช่แล้วครับ กีต้าร์ไม้อัด ก็ทำมาจากเศษไม้ที่นำมาอัดกาวเข้าด้วยกันเป็นแผ่น แล้วอาจจะเคลือบด้วยสีที่หนาเตอะ ถ้าเกรดต่ำหน่อยก็จะเป็นพวกขี้เลื่อยไม้ นำเมาอัดขึ้นรูปเป็นแผ่นๆ กีต้าร์พวกนี้มีราคาค่อนข้างถูก ตั้งแต่ 800 -2,000 บาท (แต่พ่อค้าบางคนหัวหมอ ตั้งราคาสูงเพื่อหลอกขายคนที่ไม่มีความรู้เรื่องกีต้าร์เลย!) ถ้าซื้อมาให้ไว้เป็นของตกแต่งบ้านก็ได้อยู่ครับ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อมาเพื่อหัดเล่นกันนะ เพราะกีต้าร์พวกนี้มักจะไม่ได้มาตรฐาน วัสดุอุปกรณ์ก็ไม่ทนทาน เล่นไปสักพักคุณอาจจะเจอกับปัญหาสาระพัดอย่างตามมา
กีต้าร์ไม้แท้ : ถ้าคุณเป็นพวกเงินถุงเงินถัง กีต้าร์ไม้แท้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ เพราะตัวกีต้าร์ทำมาจากไม้จริงๆ ซึ่งจะให้สุ้มเสียงที่มีคุณภาพดีที่สุด แถมยังแข็งแรงทนทานที่สุดด้วยเช่นกัน ไม้ที่นำมาทำกีต้าร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก ไม้สน ไม้เมเปิล ไม้ซีดาร์ ไม้โรสวูด ไม้มะฮอกกานี เป็นต้น
สำหรับกีต้าร์ไม้แท้ยังแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อยๆ คือ
- ไม้แท้ทั้งตัว (All Solid): เป็นกีต้าร์ไม้แท้ที่มีราคาแพงสุดในกลุ่ม (ตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักแสนบาท)
- ไม้หน้าแท้ (Top Solid): กีต้าร์ที่มีไม้แผ่นหน้าเป็นไม้แท้ และส่วนอื่นๆ เป็นไม้เทียมหรือไม้อัดจะมีราคาปานกลาง ไม่สูงมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในหลักพัน บางยี้ห้อที่ดังๆ มีชื่อเสียงก็อาจจะตั้งราคาเอาไว้ในหลักหมื่นก็มีให้เห็นเช่นกัน
- ไม้หน้า/ ไม้หลัง แท้ (Top/ Back Solid): เป็นกีต้าร์ที่มีไม้แผ่นหน้าและแผ่นหลังทำจากไม้จริงๆ (ไม้แท้ๆ ไม่ยัดไส้) กีต้าร์กลุ่มนี้จะให้คุณภาพเสียงรองลงมาจากกลุ่มแรก ส่วนราคาค่าตัวก็จะอยู่ระหว่างสองกลุ่มแรก
กีต้าร์ไม้เทียม: เป็นกีต้าร์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา ซึ่งเหมาะกับมือใหม่หัดเล่น ไม้เทียมที่ว่านี้ก็ทำมาจาก ลามิเนต (Laminate) ซึ่งเป็นการนำไม้บางๆ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาอัดประสานด้วยกาวให้เป็นไม้แผ่นเดียวกัน กีต้าร์ที่ทำจากลามิเนตก็ยังมีแบ่งตามคุณภาพของลามิเนตด้วยเช่นกัน ถ้าราคาถูกๆ หน่อย ก็จะใช้ลามิเนตประเภทเดียวกับที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จำพวกโต๊ะคอมพ์ พื้นไม้กระดานลามิเนต ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ เป็นต้น กีต้าร์พวกนี้ให้เสียงค่อนข้างทึบ ไม่กังวานเท่าที่ควร ถ้าจะซื้อมาหัดเล่นก็พอได้อยู่ครับ ส่วนอีกประเภทหนึ่ง จะเป็นลามิเนตที่ผลิตขึ้นมาสำหรับทำเครื่องดนตรีโดยเฉพาะ ซึ่งกีต้าร์ในกลุ่มนี้จะให้เสียงดังกังวาน ทนต่อสภาพอากาศต่างๆ ได้ดี แน่นอนว่าราคาจะแพงกว่ากีต้าร์ที่ทำจากลามิเนตเกรดเฟอร์นิเจอร์ด้วยเช่นกัน
จากภาพ เป็นขั้นตอนการทำลามิเนต (Laminate) ด้วยตัวเอง โดยใช้กาวลาเท็กซ์ประสานไม้เข้าด้วยกัน ถ้าเป็นพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จะใช้แผ่นไม้มากกว่า 3 แผ่น มาอัดประสานด้วยกาวให้เป็นไม้แผ่นเดียวกัน แต่ถ้าเป็นกีต้าร์ก็จะใช้แผ่นไม้ไม่เกิน 3 แผ่น
3. กีต้าร์โปร่งไฟฟ้า เป็นตัวเลือกสำหรับมือใหม่ด้วยหรือไม่? สำหรับกีต้าร์โปร่งที่ติดตั้งภาคขยายเสียง สามารถต่ออกลำโพง และมีภาคไฟฟ้าปรับจูนโทนเสียงได้ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่คุณจำเป็นต้องมีลำโพง(ตู้แอมป์) เพื่อทำหน้าที่ขยายเสียงด้วย การหัดเล่นกีต้าร์ที่ต่อสายสัญญาณเสียงผ่านตู้แอมป์เป็นอะไรที่ฟินมากๆ คุณจะได้ยินเสียงที่ดังชัดกว่าการดีดสายเปล่าๆ แน่นอนว่ามันจะช่วยให้คุณอยากนั่งเล่นไปนานๆ แม้จะกดคอร์ดผิดช่องจนเสียงเพี้ยนก็ตาม ส่วนราคากีต้าร์โปร่งไฟฟ้าก็จะสูงกว่ากีต้าร์โปร่งธรรมดาเล็กน้อย (ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าที่ทำจากไม้แท้หรือไม้เทียมด้วย ราคาก็จะเป็นไปตามสัดส่วน) จากประสบการณ์ส่วนตัว ขอแนะนำให้มือใหม่เลือกใช้กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าจะง่ายกว่าครับ แค่เราออกแรงกดเบาๆ ก็ได้ยินเสียงจากตู้แอมป์แล้ว แต่ถ้าเป็นกีต้าร์โปร่งธรรมดาเราต้องใช้แรงกดสายค่อนข้างมาก จึงจะได้ยินเสียงกีต้าร์ชัดเจน เสียงไม่บอด พอหัดเล่นไปนานๆ เข้าก็จะออกอาการเมื่อยล้าได้ง่ายกว่า สุดท้ายก็เลิกเล่นไปซะงั้น! ดังนั้น ถ้าคุณมีงบเหลือเฟือเลือกกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าจะคุ้มค่าที่สุดครับ!
จากภาพ กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าจะมีภาคขยายเสียงในตัว สามารถปรับระดับโทนเสียงต่างๆ และระดับความดังเบาผ่านโวลุ่มได้ทันทีบางยี่ห้อจะมีเครื่องตั้งสายกีต้าร์มาให้ในต้วด้วย
4. มือใหม่จะเลือกใช้สายกีต้าร์แบบไหนดี? สำหรับสายกีต้าร์โปร่งที่ทางร้านใส่มาให้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสายเบอร์ 11 ซึ่งเป็นสายที่มีความนุ่ม ให้เสียงดังกังวานในระดับปานกลาง เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ฝึกหัดเล่นกีต้าร์ หากใช้งานไปนานๆ จนสายเป็นสนิมขึ้นมา แล้วเราต้องการเปลี่ยนสายใหม่ แนะนำให้ใช้สายเบอร์ 11 เหมือนเดิมไปก่อนในช่วงที่ยังหัดเล่นอยู่ นั่นก็เพราะว่าคอกีต้าร์ของคุณจะรับแรงดึงจากสายเท่าเดิม ถ้าไปใส่สายใหญ่ๆ อย่างเบอร์ 12 ,13 คอกีต้าร์ก็อาจะยกตัวขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งส่งผลต่อการจับคอร์ดกีต้าร์ในตำแหน่งต่างๆ ด้วยเช่นกัน ส่วนสายเคลือบที่มีการเคลือบสารพิเศษเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน จะมีราคาสูงกว่าสายทั่วๆ ไป ซึ่งถ้าคุณไม่มีปัญหากับเงินในกระเป๋าละก็ สายเคลือบก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย เพราะคุณจะไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนสายกีต้าร์บ่อยๆ ด้วย : D
จากภาพ มือใหม่หัดเล่นควรเลือกสายกีต้าร์ที่เหมาะสม สายที่มีขนาดเล็กเช่นเบอร์ 10 อาจจะช่วยให้เราไม่เจ็บมือในตอนแรกก็จริง แต่หลังจากคุณเล่นเป็นแล้วจะพบว่าเสียงมันไม่ดังกังวานเท่าที่ควร ดังนั้น สายเบอร์ 11 จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าในช่วงที่หัดเล่น เพราะหลังจากนั้นคุณสามารถเปลี่ยนไปใส่สายที่ใหญ่ขึ้นอย่างเบอร์ 12 หรือ 13 โดยไม่สร้างความลำบากในการเล่นมากนัก
ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
ข้อตกลงและเงื่อนไข|Copyright © True Digital & Media Platform Company Limited. All rights reserved