เคล็ดไม่ลับรักษาอาการเสียวฟัน

ทางเราขอแนะนำเป็นยี่ห้อ Sensodyne รุ่น Rapid Action สีม่วงอันนี้เลย เราใช้ตัวนี้หลังจากที่ไปพบทันตแพทย์มาแล้ว เขาแนะนำให้ใช้เจ้าตัวนี้เช้า-เย็น โดยแปรงวนทั่วช่องปากเบาๆ นานประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าไปในเนื้อฟันเรานั่นเอง ซึ่งตัวนี้หลังจากใช้มาอาทิตย์นึง อาการก็ดีขึ้นเลยค่ะ ได้ผลจริงๆ ไม่ค่อยเสียวฟันแล้ว ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ค่ะ สำหรับช่วงแรก หากมีจุดที่เสียวมาก ให้บีบเนื้อยาสีฟัน แล้วทาทิ้งไว้ที่จุดนั้น นอนหลับไปได้เลยค่ะ อันนี้คุณหมอแนะนำมา 

ส่วนตัวเคยลองใช้สูตรอื่น แต่เราใช้สูตรนี้แล้วเห็นผลเรื่องเสียวฟันชัดเจนที่สุด หายเร็วที่สุดด้วยค่ะ ลองไปหาซื้อมาใช้กันดูนะคะ

2. เลือกแปรงสีฟันที่ขนไม่แข็งเกินไป

สำหรับแปรงสีฟัน คุณหมอแนะนำว่า ให้เลือกชนิดขนแปรงที่ค่อนข้างนุ่ม เพื่อถนอมเนื้อฟัน และเลือกที่สปริงตัวดี เพื่อเน้นทำความสะอาดให้ทั่วถึง อันนี้แล้วแต่ทุกคนสะดวกเลยค่ะ ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขอเพียงขนนุ่ม ไม่แข็งก็เพียงพอ และเวลาแปรงฟัน คุณหมอแนะนำอีกว่า ให้แปรงวนๆ ไม่ต้องลงน้ำหนักมาก ไม่ต้องแปรงขูด เพราะจะทำให้เหงือกล่นได้ หรือเกิดเลือดออกตามลายฟัน ซึ่งก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาเสียวฟันขึ้นไปอีก หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าต้องแปรงแรงๆ ถึงจะสะอาด ไม่ใช่นะคะ แต่การแปรงฟันที่ดี คือแปรงเน้นให้ทั่วปาก ให้ครบทุกซอกมุมเท่าที่จะทำได้ และควรใช้ไหมขัดฟันช่วยอีกขั้นตอน หลังแปรงเสร็จในบริเวณที่ขนแปรงเข้าไม่ถึง เท่านี้ก็สะอาดแล้วค่ะ 

3. บ้วนปากด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมฟลูออไรด์

อันนี้เราไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ ว่า น้ำยาบ้วนปากจะช่วยเรื่องอาการเสียวฟันได้ด้วย เราเข้าใจว่า น้ำยาบ้วนปากช่วยแต่เรื่องกลิ่นปากมาตลอด อันนี้คุณหมอแนะนำมาค่ะ ให้เลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีสารฟลูออไรด์ ใช้บ้วนอีกแรง หลังทำความสะอาดเสร็จแล้ว โดยวิธีบ้วนปากที่ถูกต้อง คือ ควรอมแล้วกลั้วให้ทั่วช่องปาก อมทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วจึงบ้วนทิ้งค่ะ โดยไม่ต้องบ้วนน้ำเปล่าต่อนะคะ เพียงเท่านี้เช้า-เย็น อาการเสียวฟันก็จะดีขึ้น

โดยยี่ห้อที่คุณหมอแนะนำมา จะเป็น Fluocaril ค่ะ โดยส่วนตัวใช้ขวดสีชมพู รุ่นสำหรับคนดัดฟันด้วย รุ่นนี้ไม่เผ็ดแสบปากเท่าไรค่ะ อมทิ้งไว้ในปากได้สบาย กลิ่นไม่ฉุนด้วย แต่เขาก็มีสูตรอื่นๆ ด้วย ลองไปเลือกดูตามชอบนะคะ

4. งดอาหารที่มีกรดสูง หรือเย็น/ร้อน มากเกินไป

ขอบคุณภาพจาก stockvault.net

เรื่องนี้สำคัญสุดค่ะ สำหรับผู้ที่มีอาการเสียวฟัน อาหารเครื่องดื่มต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ ห้ามทานอาหารดังต่อไปนี้ ในช่วงที่รักษา

• อาหาร/เครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูง เช่น มะนาว ส้ม สัปปะรด มะม่วงเปรี้ยว เป็นต้น
• น้ำอัดลม แอลกอฮฮล์ ชา กาแฟ
• อาหารที่ร้อนหรือเย็นสูง
• อาหารที่มีความแข็ง ต้องใช้แรงในการกัดมาก

เมื่อสมัยก่อน เราเป็นคนชอบกินมะม่วงเปรี้ยวจิ้มกะปิมากๆ เลยค่ะ กินบ่อยมาก แต่เราก็ไม่เคยมีอาการเสียวฟัน จนช่วงหลังๆ ก็มีอาการและเป็นหนักขึ้นมาทันทีเลยค่ะ หลังจากไปอุดฟันผุ คุณหมอก็ทักเลยว่า ฟันกร่อนไปเยอะนะเนี่ย อายุยังไม่เยอะ เท่านั้นแหละค่ะ เลิกกินเลย กลัวมาก เพราะเนื้อฟันเรา มันไม่สามารถเติมหรือรักษาให้ขึ้นใหม่ได้นะคะ ถ้าเนื้อฟันยิ่งบาง ก็ยิ่งเสียวมาก และสุดท้ายต้องครอบฟันปลอมเท่านั้น หลังจากนั้นจึงไปให้หมอเช็คอีกรอบค่ะ เพื่อรักษาอาการเสียวฟัน ตอนนี้ดีขึ้นมากๆ แล้ว แต่ก็ยังระวังและเลือกกินอาหารเครื่องดื่มอยู่ดีค่ะ 

นอกจากนี้พวกอาหารที่แข็งๆ เช่นพวกถั่วต่างๆ ที่ต้องกัดดังกร๊อบๆ อันนี้งดเลยนะคะ ทานอะไรอย่าใช้ฟันแงะหรือฟันกัดเพื่อแกะเปลือกเด็ดขาด เพราะนั่นก็ทำลายเนื้อฟันเช่นเดียวกันค่ะ

5. หมั่นตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6 เดือน

ขอบคุณภาพจาก pixabay.com

ขั้นตอนสุดท้าย หากมีอาการรุนแรง ลองรักษาเบื้องต้นแล้ว แต่อาการเสียวไม่หายหรือดีขึ้น เราแนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์ค่ะ เนื่องจากอาการเสียวฟัน เกิดได้จากหลายสาเหตุมากๆ รีบไปตรวจเช็คจะดีที่สุดค่ะ 

ทั้งนี้สำหรับคนที่ไม่มีอาการ ก็ควรหมั่นไปพบแพทย์ ไปขูดหินปูน ไปเช็คฟันผุเพื่อรีบอุดให้เรียบร้อยนะคะ ฟันเป็นอวัยวะที่ต้องหมั่นเอาใจใส่ หมั่นรักษาให้ดี เพราะมีแต่จะเสื่อมลง และไม่สามารถรักษาไว้ให้คงสภาพเหมือนตอนเป็นเด็กได้นะคะ เมื่อยิ่งมีอายุมากขึ้น ฟันก็เริ่มจะอ่อนแอลงตามวัย ทั้งนี้เราเพียงทำความสะอาดเบื้องต้นให้ดีที่สุด และไปพบแพทย์เป็นประจำ เลือกทานอาหารที่ดี ไม่ทำร้ายฟัน เท่านี้ก็ช่วยได้มากแล้วค่ะ

อยากให้ทุกคนมีฟันที่แข็งแรง ยิ้มสวย ไม่ต้องเจ็บปวดนะคะ ไว้โอกาสหน้าจะมาแนะนำเคล็ดลับดูแลตัวเองกันอีก รอติดตามค่ะ