อื่นๆ

เตรียมความพร้อมก่อนบินลัดฟ้าไปเรียนต่อปริญญาตรี ที่ประเทศอังกฤษ (UK Bachelor Degree)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เตรียมความพร้อมก่อนบินลัดฟ้าไปเรียนต่อปริญญาตรี ที่ประเทศอังกฤษ (UK Bachelor Degree)

ทำไมต้องไปเรียนต่อปริญญาตรี ที่ประเทศอังกฤษ (UK Bachelor Degree) ด้วย?

เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่า ว่าทำไมใครต่อใคร ถึงพยายามจะส่งบุตรหลานไปเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษกัน จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหน้าตาทางสังคมแต่เพียงอย่างเดียว แต่การที่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษนั้น จะช่วยทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ ในการทำงานได้อย่างเจาะลึก จากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในสาขาวิชานั้นๆ อย่างแท้จริง ทั้งนี้ อาจารย์ที่สอนในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ก็ล้วนแล้วแต่ผ่านการเรียนปริญญาในรั้วมหาวิทยาลัยต่างประเทศด้วยกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ การไปศึกษาหาความรู้จากต้นตำหรับด้วยตัวเอง ย่อมได้ความรู้มากกว่าการมานั่งเรียนกับลูกศิษย์ของปรมาจารย์อีกทอดหนึ่งอีกทีอยู่แล้ว

เรียนต่อปริญญาตรี อังกฤษ

หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษ

Advertisement

Advertisement

หลักสูตรปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษนั้นค่อนข้างยืดหยุ่น ทำให้เด็กๆ สามารถเลือกรูปแบบในการเรียนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตได้หลากหลายหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็น

1. ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี

เริ่มต้นจากหลักสูตรแรก สำหรับคนที่อยากจะไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ ให้จบภายในระยะเวลา 3 ปีแล้วล่ะก็ ให้เลือกเรียนเป็นพวกหลักสูตรนานาชาติในกลุ่มสาขาวิชาที่ไม่ต้องเข้าห้องปฏิบัติการ หรือต้องลงมือปฏิบัติอะไรมากมายนัก อาจมีการทำเวิร์คช้อปบ้างเล็กๆ น้อยๆ เช่น การเรียนในสาขาเกี่ยวกับวรรณกรรมหรือวิชาทางด้านศิลปะศาสตร์ ที่สามารถเข้าฟังสัมมนา การอบรมต่างๆ จนครบหน่วยกิตที่กำหนด แล้วสอบจบด้วยวิชาเอกที่เลือกไว้ แบบนี้ก็เรียนจบแล้ว อารมณ์คล้ายๆ การประมวลผลความรู้ก่อนสอบจบในประเทศไทยนี่แหละ

2. ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี

Advertisement

Advertisement

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะไปเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ ในหลักสูตรที่ต้องลงมือปฏิบัติเสียงส่วนใหญ่ อย่างสาขาวิชาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ต่างๆ ในกรณีนี้ ระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการเรียนก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย โดยจะเป็นปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปีแทน ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการลงทุนทางด้านเวลามากจนเกินไป เนื่องจากหลักสูตรเหล่านี้ในประเทศไทยนั้น ก็ใช้ระยะเวลาในการเรียนประมาณ 4 ปีเท่ากันนั่นเอง

3. หลักสูตร Fast Track

สำหรับใครที่ใจร้อน อยากเรียนจบไวๆ บอกเลยว่าคุณเองต้องเลือกเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษในหลักสูตร Fast Track ล่ะ เพราะหลักสูตรนี้นั้นเรียนจบเร็วอย่างเหลือเชื่อ ใช้เวลาเพียง 2 ปีก็ได้ปริญญาตรีกลับบ้านแล้ว พอคุณสามารถเรียนจบได้เร็วมากขึ้น ก็มีโอกาสในการทำงานจริงๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากกว่าคนในรุ่นเดียวกัน เหมาะกับคนอยากรีบเรียนให้จบ ไม่ได้อยากไปท่องเที่ยว หรือหากิจกรรมอื่นๆ ทำในประเทศอังกฤษในระหว่างเรียนมากนัก

Advertisement

Advertisement

4. สูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course

สำหรับคนที่อยากฝึกงานระหว่างเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษนั้น เราขอแนะนำให้ลงทะเบียนเรียนแบบ sandwich course ซึ่งใช้เวลาเรียนแบบเดียวกันกับในประเทศไทยเลย เพราะว่าก่อนจบต้องมีการฝึกงานในสนามจริงก่อนจบ แต่ที่ประเทศอังกฤษเขาไม่ได้ฝึกงานกันไม่กี่เดือนแบบที่ไทยนะ ที่นี่เขาฝึกงานกันยาว 1 ปีเต็มก่อนจบ ซึ่งมันดีมากๆ ต่อการหางานในอนาคต เพราะเราจะมีประวัติการทำงานติดตัวไปด้วย ที่ไหนบอกว่ารับคนมีประสบการณ์การทำงานเท่านั้น เราก็สามารถสมัครได้

5. สูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE)

สำหรับใครที่อยากเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ แต่ภาระเยอะ หรือทุนทรัพย์น้อย ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE) นั้นเหมาะกับคุณมากๆ เพราะว่าใช้เวลาเรียนแบบจริงจังแค่ 1 ปี เท่านั้น ส่วนอีก 2 ปีที่เหล่าจะเป็นการเรียนแบบ Part time ทำให้มีเวลาไปรับจ๊อบหาเงินมาโปะค่าเทอมได้จนเรียนจบหลักสูตรนั่นเอง

6. สูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE)

สูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE) เป็นอีกหนึ่งหลักสูตรของคนต้องรีบใช้ปริญญาแบบด่วนๆ เพราะแค่เรียนเต็มเวลาเพียง 2 ปี ก็ได้ใบปริญญาไปนอนกอดแล้ว เพียงแต่ว่าจะไม่สามารถใช้ปริญญาใบนี้ไปเรียนต่อระดับปริญญาโทได้ หากต้องการคว้าปริญญาในระดับที่สูงขึ้น คุณต้องไปลงทะเบียนเรียนเพิ่มอีก 1 ปี ถึงจะใช้ปริญญาใบนี้ไปเรียนปริญญาโทต่อได้นะ

เรียนต่อปริญญาตรี อังกฤษ ต้องรู้อะไรบ้าง

เอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการสมัครเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ

  • เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ สิ่งแรกที่ควรเตรียมให้พร้อมเลย ก็คือ คะแนน IELTS ในระดับ 6.5 หรือสูงกว่านี้ ซึ่งจริงๆ แล้วจะใช้ TOEFL iBT มายื่นก็ได้ แต่ต้องขอแนะนำเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ไม่ควร ยกเว้นหมดทางเลือกแล้วจริงๆ เพราะ IELTS นั้นเป็นแบบทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเครือจักรภพอังกฤษ ถ้านำคะแนน TOEFL iBT มาใช้ ก็จะให้อารมณ์ประมาณว่า ไปเที่ยวประเทศอังกฤษ แต่พวกเงินดอลลาร์ไปช้อปปิ้ง ซึ่งจริงๆ มันก็ทำได้ แต่ก็ไม่ควรทำ เหมือนเวลาเราเข้าเมืองตาหลิ่ว เราก็ควรจะหลิ่วตาตาม อ้อ ถ้าจะใช้ TOEFL iBT จริงๆ คะแนนต้องมากกว่า 80 คะแนนนะ
  • ผลการเรียนก็จำเป็น พยายามอย่าให้เกรดต่ำกว่า C แต่ถ้าจะให้ดีแบบพอมีโอกาสได้เรียนต่อ คงต้องได้อย่างน้อย 2.75 หรือ C+ ขึ้นไป ถึงจะเข้าเรียนปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยระดับกลางๆ ได้ แต่ถ้าใครให้ 3.00 หรือ B ขึ้นไปแล้วล่ะก็ จะมีโอกาสติดทุกมหาวิทยาลัยที่เลือกเกือบทุกที่เลย
  • ส่วน Statement of Purpose - SOP อันนี้สำคัญมากๆ ต้องบอกให้เขารู้ชัดเจนเลยว่าทำไมถึงอยากเรียนที่นี่ และอยากจะแนะนำว่า ถ้าเขียนบอกว่าเตรียมหัวข้อวิจัยจบไว้แล้วเนี่ย โอกาสได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาต่อจะมีสูงมากๆ เลย
  • Recommendation Letter หรือจดหมายแนะนำตัวก็สำคัญนะ ให้อาจารย์ที่สนิทกันเขียนให้ก็จะดี เพราะเขาจะประเมินพฤติกรรมเราว่าจะเรียนได้จนจบไหมจากเอกสารตัวนี้แหละ
  • อย่าลืมเตรียมเอกสาร Requirements ที่มหาวิทยาลัยแจ้งด้วยล่ะ เพราะแต่ละที่ขอเอกสารไม่เหมือนกัน

เรียนต่อปริญญาตรี อังกฤษ เอกสาร

จะไปเรียนต่อปริญญาตรีมหาวิทยาลัยไหนในอังกฤษดี?

อยากจะบอกเลยจริงๆ เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ นั้นอัดแน่นไปด้วยมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกเต็มไปหมด อย่างที่ดังมากๆ และเป็นที่รู้จักกันดี คือ มหาวิทยาลัย Oxford อันเลี่ยงชื่อทางด้านวิชาการและอาคารเรียนที่สวยงามราวกับมีมนต์ขลัง ขนาดภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter ยังต้องมาถ่ายทำกันที่นี่เลย แต่ก็จะเตือนเอาไว้หน่อย ว่าที่นี่เรียนกันหนักหน่วงและดุเดือดมากๆ และที่สำคัญกว่านั้นเนี่ย ค่าเทอมแพงและแรงมากๆ แต่คนที่จบมาได้ก็เป็นหัวกะทิระดับแนวหน้าเลยจริงๆ นะ อย่างคุณท็อป จิรายุส เจ้าของ BitKub บริษัท startup ระดับ Unicorn ตัวที่ 2 ของประเทศไทยก็จบมาจากที่นี่ นอกจากนี้ก็มีที่อื่นที่ดังๆ รองลงมาอย่างเช่น Cambridge และ Imperial College

เรียนต่อปริญญาตรี อังกฤษ มหาลัยไหนดี

ขมวดประเด็นการเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ

บอกได้เลยว่าถ้าใครได้มีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษเนี่ย ถือได้ว่าได้ค่าประสบการณ์ชีวิตที่สูงมากจริงๆ เพราะนอกจากจะได้ไปแสวงหาความรู้จากต้นสายปลายทางแล้ว ยังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ทำให้มีคอนเน็คชั่นกับผู้คนทั่วโลก ต่อไปจะทำงานอะไรก็สะดวก เพราะสามารถปรึกษากับคนที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของโลกได้ แต่ก็อย่าลืมว่าการไป เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ นั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ใน 1 ปีนี่อาจจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทเลยทีเดียว เพราะแบบนี้จึงไม่ควรคิดที่จะไปเล่นๆ ถ้าจะไปก็ต้องตั้งใจจริงๆ ให้คุ้มกับเงินที่เสียไป และคะแนน IELTS กับ SOP ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะนี่คือใบเบิกทาง ที่จะทำให้น้องๆ สามารถไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษได้นั่นเอง

ขอบคุณภาพปก โดย freepik

ขอบคุณภาพประกอบบทความ 1 โดย freepik

ขอบคุณภาพประกอบบทความ 2 โดย eva058929 จาก freepik

ขอบคุณภาพประกอบบทความ 3 โดย freepic.diller จาก freepik

ขอบคุณภาพประกอบบทความ 4 โดย nirat.pix จาก freepik

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์