เปลี่ยนสีรถ ราคาประหยัด ทำยังไง แจ้งขนส่งไหม

เปลี่ยนสีรถ ราคาประหยัด ทำยังไง แจ้งเปลี่ยนสีกับขนส่งไหม

สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้นิกซ์จะมาเล่าประสบการณ์เสียวๆให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ แต่เอ๊ะหน้าปกบอกว่าเรื่องเปลี่ยนสีรถนะ แล้วมันจะเสียวยังไง เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับว่าทำไมเปลี่ยนสีรถมันถึงเป็นเรื่องเสียวไปได้ ไปดูกันครับ

ขอย้อนไปอดีตก่อนก็แล้วกันครับ นี่คือน้องมาสด้า2 (Mazda2)คันเก่งของผมเองครับ สีแบบนี้มันคือสีเทาดำครับ แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาของมันไม่เหมือนตอนออกจากศูนย์มาใหม่ๆ แน่นอนครับ เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบแต่งรถเป็นชีวิตจิตใจ มันรู้สึกอึดอัด ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ยังไงก็ไม่รู้เวลาขับรถบ้านเดิมๆ (คนบ้าแต่งรถเท่านั้นถึงจะเข้าใจ) นอกเรื่องไปนิดนึง มาเริ่มเข้าประเด็นกันเลยก็แล้วกันครับ สำหรับที่มา ที่ไป ที่ผมตัดสินใจเปลี่ยนสีผิวเจ้ามาสด้า2 คันนี้ก็มาจากสิ่งต่อไปนี้ครับ

และนี่ก็เป็นประสบการณ์เสียวครั้งที่ 2 ของผมกับเจ้ามาสด้า2 คันนี้ เหตุการณ์นี้มันช่างปวดใจมากสงสารน้องมาสด้าเสียจริง โดนแล้วโดนอีก ครั้งนี้มีรางสังหรครับ ก่อนออกจากบ้านจิ้งจกตกใส่หัวครับ รีบค้นหาใน Google ทันทีครับ ผลก็ออกมาว่าไม่ดี ไม่ควรออกจากบ้าน แต่ว่าผู้หลัก ผู้ใหญ่ชวนไปรับประทานอาหารนี่สิครับ จะโทรไปบอกท่านว่า "ขออนุญาตครับผมไปไม่ได้แล้วครับ เพราะเมื่อสักครู่นี้จิ้งจกตกใส่หัวครับ" ก็คงจะไม่รุ่งแน่ๆ😓 เลยเอาวะ ไปก็ไป ไม่มีอะไรหรอก แค่จิ้งจกมันหมดแรงที่จะเกาะกำแพงพอดี และแล้วผมก็ได้ไปนั่งรับประทานอาหารอย่างปลอดภัย สักพักเพื่อนไปเข้าห้องน้ำก็โทรมาแล้วบอกว่า แฟนคุณคอพับๆๆๆ เฮ้ย!!!ไม่ใช่ โทรมาบอกว่า"มาดูรถหน่อย" เอาแล้วไงเสียงสวรรค์ ลงไปดูก็พบร่องรอยหน้าผากของน้องมาสด้า2 ของผมบุบตามภาพ เนื่องจากรถกระบะขับถอยหลังมาชนซะอย่างงั้น ยังโชคดีที่คนชนยังคงอยู่ ไม่ได้หนีไปไหน ก็เช่นเดิมต้องเรียกประกัน คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีประกันครับ แต่ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรามากนัก เพราะคู่กรณียังอยู่ ประกันชั้น 1 ของเราก็ออกใบเคลมให้ผม แล้วเขาก็จะไปเคลียร์กับฝ่ายคู่กรณีกันเอาเองครับ

แต่การที่ฝ่ายคู่กรณีไม่มีประกัน จะมีผลกระทบกับเราตรงที่ไม่สามารถเบิกค่าเสียผลประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อมได้ ถ้าต้องการเงินส่วนนี้ก็ต้องเสียเวลาในการเรียกร้องจากฝ่ายตรงข้าม ผมก็ไม่มีเวลาจะทำอะไรที่มันวุ่นวายแบบนั้นครับ ก็เลยจบๆกันไป ได้ใบเคลมแล้วก็แยกย้ายครับ

ตอนเช้าก็ได้เห็นร่องรอยบุบแบบชัดๆ ก็ตามภาพครับ ประสบการณ์เสียวครั้งนี้แผลไม่ใหญ่ครับถ้าซ่อมก็ไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ครับ แต่เริ่มมีความคิดสายมูเตลูเข้ามาในหัวครับ เดิมก็เป็นคนชอบสายมูอยู่แล้วครับ ผมเกิดวันพฤหัสบดี ซึ่งตามความเชื่อสายมูแล้ว จะไม่ถูกโฉลกกับสีดำครับ อันนี้ผมก็ไม่มีความคิดที่จะขับรถสีดำอยู่แล้วครับ แต่มาสด้า2 สีอื่นผมก็ไม่ชอบ และเจ้าคันนี้มันก็ลงในเล่มทะเบียนว่าสีเทาครับ ผมก็เลยเข้าข้างตัวเองว่ามันไม่ใช่สีดำ มันคือสีเทา (แต่มันเทาดำนะ) และแล้วก็ตัดสินใจเอาวะซ่อมทั้งที เปลี่ยนสีผิวให้น้องมาสด้า2 ไปเลยจะได้ถูกโฉลกกับเราด้วย (สายมูเตลูเท่านั้นที่เข้าใจ) ประกอบกับวิญญาณนักแต่งรถเข้าสิงพอดีอีก เลยเป็นเหตุให้ตกลงปลงใจในการเปลี่ยนสีรถในครั้งนี้อย่างง่ายดาย แล้วเปลี่ยนสียังไงให้ใช้งบน้อยที่สุดละ

เปลี่ยนสีแบบประหยัดสุดคือพ่นเอาเองครับ จะบ้าหรอ คงไม่มีใครพ่นเอาเองหรอกครับถ้าไม่ใช่เจ้าของร้านทำสีรถ ก่อนอื่นเลยท่านต้องทำประกันภัยชั้น 1 ไว้ก่อนครับ แต่การมีประกันชั้น 1 ก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่ๆอยากแต่งรถ อยากเปลี่ยนสีรถ ก็ไปแจ้งเคลมประกันขอเปลี่ยนสีรถ รับรองว่าไม่ได้แน่นอนครับ ส่วนใหญ่ประกันภัยจะจ่ายให้เฉพาะกรณีเกิดอุบัติเหตุเท่านั้นครับ แล้วอยากเปลี่ยนสีละจะเคลมประกันยังไง ก็ต้องทำแบบผมครับง่ายๆ และสบายมากครับ ก่อนอื่นต้องหาอู่ทำสีรถที่เป็นอู่ในเครือกับประกันภัยของเราครับ แต่สำหรับผมมันก็ไม่ง่ายอีกละสิครับ เพราะรถผมเป็นประกันภัยของ มิตซุย สุมิโตโม ที่ศูนย์แถมมาให้แล้วผมก็ต่อประกันนี้มาโดยตลอด ซึ่งเป็นประกันที่หาอู่ซ่อมตัวถังและทำสีในเครือได้ยากมาก เนื่องจากประกัน มิตซุย นี้จะเน้นการซ่อมห้าง หรือซ่อมศูนย์ครับ ผมก็ค้นหาอยู่นาน จนได้พบกับอู่เล็กๆ ในจังหวัดสมุทรปราการ ทำได้ทั้งซ่อมตัวถัง และรับเคลมสีรอบคันทุกประกันภัย ปกติประกันของผมจะซ่อมศูนย์ครับ แต่ถ้าเข้าซ่อมศูนย์ก็ไม่มีทางเคลมเปลี่ยนสีได้ ก็เลยตัดสินใจไปอู่เล็กๆ ที่จังหวัดสมุทรปราการนี้ครับ ก็สอบถามกันทาง Facebook ก็ได้บทสรุปที่ตอบโจทย์ผมทุกอย่างเลยครับ ทั้งซ่อมตัวถังฟรีจากใบเคลมของเราได้ ทั้งแจ้งเคลมเปลี่ยนสีรอบคันให้เราได้โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยครับ แค่ขับรถไปจอดที่ร้านเท่านั้น ที่เหลือร้านดำเนินการให้หมดทุกอย่างครับ และแล้วผมก็ขับรถไปที่ร้านพอถึงร้านก็ตกใจนิดนึงครับ เพราะสภาพร้านยังไม่ค่อยน่าเข้าไปทำสักเท่าไร แต่ผมเป็นคนแต่งรถอยู่แล้วก็ไม่ค่อยได้ทำกับร้านหรูหรอกครับเลยไม่กลัว (การลงทุนมีความเสี่ยง)😂 ไหนๆก็ขับจากกรุงเทพมาถึงสมุทรปราการแล้วก็ลองเสี่ยงดู การบริการก็เป็นไปอย่างที่คุยครับ แค่จอดก็จบ คุยกันเสร็จเตรียมเอกสารเสร็จ เชิญกลับบ้านได้ ร้านก็ขับรถออกไปส่งให้ขึ้นแท็กซี่แถมจ่ายค่าแท็กซี่ให้อีก 500 บาทด้วยครับ บริการประทับใจจริงๆครับ

ปกติแล้วถ้าทำสีกับอู่ที่ไม่ใช่ในเครือกับประกันของเรา เราจะต้องจ่ายเงินค่าทำสีทั้งหมดก่อนครับ แล้วประกันจะโอนเงินให้เราเมื่อรถซ่อมเสร็จเรียบร้อยครับ และที่ลำบากไปกว่านั้นคือเราต้องแจ้งเคลมเองและนำใบเคลมไปเข้าอู่ครับซึ่งเคลมยากแน่นอนครับ แต่ร้านนี้ประทับใจผมมากครับ ผมไม่ต้องจ่ายเงินก่อนสักบาทครับ และไม่ต้องแจ้งเคลมประกันเอง ร้านดำเนินการให้ทุกขั้นตอน จนผมรับรถกลับบ้านแล้วร้านบอกว่าถ้าประกันโอนเงินมาแล้วพี่โอนมาให้หนูด้วยนะคะ โอ้สุดยอดแห่งร้านทำสี 😍

แต่การเคลมสีรอบคันกับประกันก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆนะครับ ทางร้านเขาก็ต้องมีวิธีการทำให้รถเราสามารถเคลมสีรอบคันได้ (ทุกท่านน่าจะพอทราบชะตากรรมของรถเรานะครับ) อย่าไปรู้มันเลยว่าร้านเขาเคลมยังไง ทั้งนี้เราต้องเสียค่าเอ็กเซส(Excess)นะครับ เจ้าค่าเอ็กเซสนี้ก็คือค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ ที่จะเกิดขึ้นกับการเคลมประกันภัยชั้น1 เท่านั้น จะเสียในกรณีที่อุบัติเหตุนั้นเราไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ หรือความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ หรือความเสียหายที่ไม่สามารถหาที่มาของการเกิดเหตุได้ ราคาค่าเอ็กเซสของแต่ละประกันภัยก็จะไม่เท่ากันนะครับ ส่วนใหญ่จะเสียจุดละประมาณ 1,000 บาท ส่วนการเคลมของผมในครั้งนี้เสียค่าเอ็กเซส 4,000 บาทครับ เพราะประกันประเมินเป็น 4 เหตุการณ์ ออกใบเคลมให้ 4 ใบครับ ถ้าท่านเคลมทำสีรอบคันสีเดิม ก็จะเสียเงินทั้งหมดแค่ 4,000 บาทนี้ครับ แต่ถ้าเปลี่ยนสีรถด้วยจะต้องเพิ่มค่าทำสีในส่วนที่อยู่ด้านในครับ เพราะประกันจะจ่ายให้เฉพาะค่าทำสีด้านนอกครับ เนื่องจากด้านในขอบประตูไม่ได้มีร่องรอยความเสียหายใดๆนั่นเองครับ ค่าส่วนต่างด้านในนี้ผมเสียอีก 5,000 บาทครับ (ราคาส่วนต่างนี้ก็แล้วแต่ร้านทำสีครับ)

ถ้าท่านไม่อยากเสียค่าเอ็กเซส ท่านจะต้องวางแผนเหตุการณ์ให้ดีก่อนครับ ถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ร่องรอยรอบคันครับ ซึ่งจะต้องมีหลักฐานที่ยืนยันที่มาของเหตุการณ์ได้ในทุกจุด ทางที่ดีที่สุดต้องเรียกเคลมให้ได้ใบเคลมทีละเหตุการณ์ครับ สะสมใบเคลมจนครบรอบคัน ท่านก็จะสามารถเคลมสีรอบคันได้แบบไม่เสียเงินสักบาทครับ แต่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และคงไม่มีใครอดทนเห็นรถของเรามีร่องรอยได้นานขนาดนั้นหรอกครับ😁

และนี่คือราคาเต็มที่ประกันจ่ายในการทำสีรอบคันให้น้องมาสด้า2 ของผมครับ 28,600 บาทครับ ซึ่งผมได้ใช้เงินของผมไปทั้งสิ้น 9,000 บาทในการเปลี่ยนสีรถครั้งนี้ครับ ถือว่าคุ้มสำหรับผมครับ

ใช้เวลาในการซ่อมรอยบุบของฝากระโปรง กันชนเบิกศูนย์มาใหม่ และเปลี่ยนสีผิว เพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นครับ เนื่องจากร้านนี้เปิดทำงานทุกวันครับ

ผลงานออกมาผมก็พอใจครับ ร้านบริการดีทุกระดับประทับใจ ดำเนินการให้ทุกเรื่อง แค่ขับรถไปจอดทุกอย่างก็จบตามสั่ง ตอบโจทย์คนเวลาน้อยอย่างผมมากๆครับ

ร้านนี้ก็คงเหมาะกับรถระดับกลาง และระดับล่างๆแบบผมครับ สำหรับรถหรูก็ไปทำในร้านหรูๆจะดีกว่าครับ ผมก็ขอชี้เป้าไว้หน่อยก็แล้วกันครับเผื่อจะมีประโยชน์กับคนแนวๆเดียวกับผมครับ😁 อู่ S.K.Service ครับบริการทุกระดับประทับใจจริงๆ ฟันธงครับ

การเปลี่ยนสีรถท่านจะต้องไปแจ้งเปลี่ยนสีที่ขนส่งด้วยนะครับ แต่สำหรับเจ้ามาสด้า2 คันนี้ไม่ต้องแจ้งครับ เพราะในเล่มทะเบียนลงไว้ว่า สีเทาครับ  ไม่ว่าผมจะเปลี่ยนเป็นสีเทาโทนไหนมันก็ยังเป็นสีเทาอยู่ดี ผมเลยไม่จำเป็นต้องไปแจ้งเปลี่ยนสีรถนั่นเองครับ สบายไป😋

แต่ถ้าท่านเปลี่ยนสีที่แตกต่างไปจากที่ลงไว้ในเล่ม ท่านก็ควรจะต้องไปแจ้งเปลี่ยนสีที่ขนส่งนะครับ รถคันเก่าของผมก็เคยแจ้งเปลี่ยนสีครับ ไปที่ขนส่งแจ้งไม่ยากครับ ยังไงก็ขอให้ถูกกฎหมายไว้ก่อนนะครับ

สุดท้ายนี้ผมก็ขอฝากทุกท่านที่ขับรถเป็นประจำโดยเฉพาะท่านที่เดินทางไกลเป็นประจำ ควรจะทำประกันภัยชั้น1 ไว้นะครับ และควรติดกล้องบันทึกหน้ารถไว้ด้วยครับ ยิ่งมีกล้องบันทึกหลังรถด้วยยิ่งดีครับ แล้วจะง่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุครับ อย่าคิดว่าเราขับรถไม่ประมาทแล้วจะไม่เกิดอุบัติเหตุครับ ดูตัวอย่างจากประสบการณ์ของผมก็บ่งบอกได้แล้วว่าเราไม่ประมาทอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาครับ อย่าเสียดายเงินกับสิ่งจำเป็นเหล่านี้ครับ ผมก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านที่สนใจครับ

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความของผมครับ

แต่งภาพหน้าปกโดย canva

ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !