อื่นๆ
เพื่อนใหม่ในห้องสมุด
เรื่องราวของฉัน เกิดขึ้นเมื่อตอนฉันอยู่ม.ปลาย ถ้านับเวลาก็ผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ทุกอย่างมันยังคงชัดเจน จนฉันนึกว่า...มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
.
.
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2554
ฉันชื่อพลอย
เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
จริง ๆ ฉันควรจะบอกว่า ไม่มีใครอยากจะมาสุงสิงกับฉันมากกว่านะ
ฉันเข้าเรียนที่นี่ได้เกือบ 2 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ม.5 ช่วงแรก ๆ ที่มาที่นี่ ฉันก็เหมือนเด็กคนอื่น ๆ
เรียน พักกลางวันก็ไปทานข้าวที่โรงอาหาร เป็นเด็กหน้าห้อง ไม่ถึงกับตั้งใจเรียนมากนัก แต่ก็ไม่เคยทิ้งการเรียนเลย
จนกระทั่งฉันทะเลาะกับเพื่อนในกลุ่ม 1 คน แต่ทว่า...การทะเลาะกันครั้งนี้ มันกลับทำให้ฉันโดนแบนจากเพื่อนทั้งห้อง
และเรื่องราวมันยิ่งเลวร้าย มีข่าวลือเกิดขึ้นมากมาย ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความจริง แต่ทุกคนกลับเชื่อมันอย่างสนิทใจ จนไม่มีใครคุยกับฉันอีกเลย
Advertisement
Advertisement
หลังจากนั้น ฉันจึงใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ย้ายมานั่งที่มุมหลังห้อง เดินไปไหนมาไหนคนเดียว ต้องแอบมากินข้าวที่ใต้ต้นไม้มุมตึก หลาย ๆ ครั้งก็มักจะโดดเรียนไปห้องสมุด ซึ่งมันคือจุดเริ่มต้นให้ฉันรู้จักกับเพื่อนใหม่ เพื่อนที่ดูเหมือนจะมีอะไร ๆ คล้ายกับฉัน เธอชื่อ..ฟาง
ฉันเจอฟางครั้งแรก เมื่อตอนเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ห้องสมุดใกล้จะปิด ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฟางนั่งตรงข้ามฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีเราสองคนก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากันแล้ว มันแปลกมากเลยนะ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมา ฉันก็ไม่เคยมีรอยยิ้มเลยสักครั้ง แต่เมื่อฉันเจอฟาง ฉันกับรู้สึกดีและอยากเป็นเพื่อนกับเธออย่างบอกไม่ถูก เราสองคนยิ้มให้กัน ก่อนฉันจะลุกเดินออกไป และหลังจากวันนั้น ฉันก็มักจะเจอฟางที่มุมประจำตรงหน้าล็อกเกอร์เก็บหนังสือเก่า ๆ เสมอ
Advertisement
Advertisement
ฟางอยู่ม.5 เหมือนกันกับฉัน เราเรียนคนละห้องกัน เธอเป็นเด็กเรียนเก่งได้อยู่ห้อง King แต่ฉันอยู่ห้องแค่ Queen
ทั้ง ๆ ที่อยู่ห้องติดกันแท้ ๆ แต่ฉันกลับไม่เคยเจอเธอเลย เหมือนฟางจะเข้าใจสีหน้าของฉัน เธอเลยบอกว่าเธอมักจะอยู่แต่ในห้องสมุด
ดังนั้นทุกครั้งที่ฉันจะมาเจอฟาง ฉันสามารถมาหาเธอที่มุมประจำ นั่นก็คือหน้าล็อกเกอร์เก็บหนังสือเก่า ๆ ที่อยู่ในห้องสมุดนั้นได้เลย
เราสองคนดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี ถึงแม้เวลาใครเดินผ่านไปผ่านมาจะมองหน้าเราสองคนเหมือนพวกตัวประหลาด พวกแปลกแยก แต่ฉันก็ไม่สนใจใครอีกแล้วเพราะตอนนี้ฉันมีฟาง เพื่อนที่เข้าใจฉันมากที่สุด
อยู่มาวันหนึ่ง ฟางถามฉันว่า "พลอยเคยคิดอยากจะหายไปไหม?" ฉันตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า "อื้มมม เราไม่เคยคิดจะอยากอยู่ที่โรงเรียนนี้แม้แต่วินาทีเดียว"
ฟางตอบกลับมาว่า "เราก็เหมือนกัน ไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว"
Advertisement
Advertisement
น้ำเสียงเศร้าของเธอ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเราสองคนนี่แหละ เหมือนกันที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเล่าให้ฟังว่าอะไรทำให้เธอต้องมาหลบอยู่แต่ในห้องสมุดเหมือนฉัน แต่ฉันก็คิดว่ามันคงหนักหนาสำหรับเธอ และเธอก็คงไม่อยากจะพูดถึงมันอีก
ก่อนที่ฉันจะแยกย้ายกับฟาง อยู่ ๆ เธอก็ชวนฉันมาที่ห้องสมุดนี้ในวันอาทิตย์
ในตอนแรกนั้น ฉันได้ปฏิเสธไป เพราะวันอาทิตย์ห้องสมุดปิด แต่ฟางยืนยันว่าเธอสามารถทำให้ฉันเข้ามาได้
ฉันถามเธอว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่เธอก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบฉัน
แม้ฉันจะไม่อยากไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเธอแล้ว ฉันก็คิดว่าเธอคงมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่างที่บอกใครไม่ได้
ฉันจึงตกลงรับปากว่าจะมาเจอที่นี่ตอนบ่ายโมง
เมื่อฉันมาถึงที่ห้องสมุด ก็พบว่าประตูมันถูกเปิดอยู่แล้วจริง ๆ
ฉันจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปเปิดมันออกมา พร้อมส่งเสียงเรียกฟาง ทว่า... กลับไม่มีใครตอบกลับมา
ฉันจึงตัดสินใจถอยออกมา เพื่อจะกลับไปรอตรงหน้าตึกเรียน แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงลากเก้าอี้ดังออกมาจากในห้องสมุด....
ฉันเข้าใจว่าเป็นฟาง จึงเดินเข้าไปข้างใน พร้อมสอดสายตาหาเธอ
อยู่ ๆ ก็มีมือใครไม่รู้มาปิดจมูกและปากฉันจากด้านหลัง แม้ว่าฉันจะดิ้นเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้เลย
ฉันเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก จนมือนั้นค่อย ๆ คลายออก พบว่าเป็นฟางนั่นเองที่เข้ามาแกล้งฉัน
ฉันหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกที ทั้งห้องสมุดก็เต็มไปด้วยความมืด เงียบ และว่างเปล่า
ฉันตะโกนเรียกชื่อฟาง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
ฉันเอื้อมมือไปกดเปิดไฟในห้องสมุด แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้
จึงใช้ไฟจากมือถือช่วยส่องเป็นทางเดินหาทางเดินไปประตู
แต่เมื่อฉันเดินถึงประตู ฉันก็พบว่ามันถูกล็อคจากด้านนอก ความกลัวที่มีอยู่แต่เดิม มันเพิ่มมากขึ้นจนในของฉันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา
ฉันเดินไปเปิดไฟที่ห้องสมุด แต่มันก็ไม่ติด เมื่อฉันจะโทรหาฟาง แต่มือถือเจ้ากรรมก็เกิดดับขึ้นมาดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น
เวลานี้ ฉันคิดอะไรไม่ออก ฉันจะพยายามตะโกนขอให้ใครสักคนช่วยแต่ก็ไม่เป็นผล
ครืดดดด... เสียงลากโต๊ะดังมาจากฟากหนึ่งของห้องสมุด ฉันตะโกนถามออกไปว่าใช่ฟางไหม? แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
ฉันตะโกนออกไปด้วยความกลัวและโมโห ฉันไม่สนุกกับการเล่นแบบนี้ ให้ปล่อยฉันออกไป!!!
อยู่ ๆ ล็อกเกอร์ด้านหลังห้องสมุด ก็สั่นแรงขึ้นมา เหมือนมีใครกำลังพยายามจะออกมาจากในนั้น
ฉันถอยกรูติดประตู พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็กลับมาเงียบงัน ไม่มีใครจะเข้ามาช่วยฉัน พร้อม ๆ กับตู้ล็อกเกอร์ที่หยุดสั่นไปเช่นกัน
แต่อยู่ ๆ ฉันมือ ๆ หนึ่งลากฉันจากจากหน้าประตูไปตรงล็อกเกอร์อย่างรวดเร็ว ฉันกรีดร้องสุดเสียง! แต่ในตอนนั้น กลับมีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังออกมาราวกับจะแข่งกับเสียงของฉันเช่นกัน
ร่างกายของฉันเหมือนถูกพันธนาการไว้กับสิ่งที่ทองไม่เห็น ฉันพยายามดิ้นหนี แต่ก็ไม่สามารถหลุดไปได้เสียที ความกลัวของฉัน มันมีมากเกินกว่าฉันจะรู้สึกเจ็บ
แสงของดวงจันทร์ ส่องเข้ามาพอให้เห็นภาพลาง ๆ และสิ่งที่ทำให้ฉันกลัวมากขึ้น คือเลือดสีแดงที่ค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากตู้ล็อกเกอร์อย่างช้า ๆ
ฉันร้องไห้อ้อนวอนขอให้เค้าปล่อยฉันไป ฉันร้องไห้และสวดมนต์ในทุกบทที่นึกออก แต่ก็มีเสียงสวดมนต์แว่วมาข้างหูราวกับกำลังล้อเลียนฉันอยู่
เธอพูดขึ้นว่า “มาอยู่ตรงนี้เถอะ ฉันอยากไปจากที่นี่เต็มทีแล้ว มาอยู่ตรงนี้เถอะ เธอน่ะ เหมาะสมที่สุดแล้ว!”
เสียงที่เปล่งออกมา มันคือเสียงของฟาง! ประตูล็อกเกอร์เปิดออก เผยให้เห็นขวดแก้วสีใส ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นหยากไย่ แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือโครงกระดูกของมนุษย์ ยันต์สีแดง และสายสิญจน์ ที่ล้มระเนระนาด
ใบหน้าของฟางที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีดำ ผมหยิกติดหนังหัว ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาประชิดหน้าฉัน ก่อนมือไหม้เกรียมของเธอจะค่อย ๆ ลูบไล้มาที่ใบหน้า
ฉันในตอนนี้ ไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมาได้แล้ว ความกลัวแล่นพล่านจนสุดหัวใจ
“เธอมาอยู่ที่นี่แทนฉันนะ” เมื่อพูดจบ ฟางก็หัวเราะออกมา
ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องตายอยู่ที่นี่เสียแล้ว แต่ในขณะที่ฉันนึกถึงหน้าของหลวงตาขึ้นมา อยู่ ๆ ตัวของฉันก็สามารถขยับได้ ฉันพยายามใช้เรี่ยงแรงที่ยังมี วิ่งหนีไปยังทางประตูอีกครั้ง
แต่ทว่า.... ประตูกลับล็อคสนิทเหมือนเดิม
เก้าอี้ในห้องสมุด ถูกผลักล้มทีละตัว รวมถึงหนังสือที่อยู่บนชั้นวางก็โดนผลักลงพื้น ทว่า เสียงกรีดร้องที่ดังกว่านั้น ทำให้ฉันลนลานจนแทบขาดใจ มือของฉันพยายามหยิบคว้าสิ่งของใกล้ตัวเพื่อมาเป็นตัวช่วย ถึงแม้มันจะช่วยไม่ได้ก็ตาม
และอีกครั้ง... ฉันถูกกระชากที่หัวเข้าเต็มแรง ครั้งนี้ฉันถูกยัดเข้าไปในล็อกเกอร์ มือสีดำเย็บเฉียบลูบไล้ที่แก้มฉัน พร้อมบอกว่า “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเธอก็จะไม่เจ็บปวดอีกแล้ว มาเป็นตัวตายตัวแทนของฉันเถอะ”
สิ้นเสียงนั้น มือของเธอก็จับคอฉันหมุนอย่างช้า ๆ ฉันมั่นใจว่า อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น คอของฉันจะสามารถหมุนได้โดยรอบและมันก็คงจะเป็นจังหวะเดียวกันกับการที่ฉันหยุดหายใจ....
แต่อยู่ ๆ ประตูห้องสมุดได้เปิดออก มือของฟางปล่อยออกพร้อมกับการหายไป ไฟห้องเปิดขึ้น ฉันพบว่าพี่สาวของฉันวิ่งร้องไห้เข้ามากอดฉัน ข้างหลังนั้นคือหลวงตา หรือตาแท้ ๆ ของฉันเองนอกจากนี้ยังมีอาจารย์นพ อาจารย์บรรณารักษ์ของห้องสมุดแห่งนี้อีกด้วย
แม้จะไม่เห็นฟางแล้ว แต่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ดังมากพอ ที่จะทำให้คิดได้ว่าเธอกำลังสะอื้นอยู่ข้างหูฉัน หลวงตาเดินไปยังล็อกเกอร์เพื่อจะหยิบขวดโหลนั้นขึ้นมา แต่เสียงของฟางก็ตะวาดดังลั่นว่าให้ออกไป!!! จนไฟในห้องแตกบางส่วน ทว่าหลวงตานั้นก็ยังไม่หยุด
หลวงตาบอกให้ฟางหยุดสร้างเวรสร้างกรรมเสียที แต่ยิ่งหลวงตาพูดเท่าไหร่ ฟางก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น เธอบอกกับหลวงตาว่า “ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!”
พี่สาวของฉัน ล้มลงยกมือไหว้กับพื้น ว่าให้ปล่อยเราสองคนไป แม้ฉันจะมีคำถามในใจมากมายแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรเลย
ฟางพุ่งเขามาหาพี่ของฉัน พลันใช้มือบีบคออย่างเต็มแรง จนเธอลอยขึ้น แต่ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรได้มากนัก หลวงตาใช้สายสิญจน์ล้อมที่ตัวของเธอไว้
ฟางกรีดร้องสุดเสียง และเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นว่าเธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
หลวงตาหยิบขวดแก้วพร้อมกระดูกขึ้นมา ก่อนจะสวดอะไรสักอย่าง
ฟางค่อย ๆ หายไป....
ฉันยืนมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น อาจารย์นพพูดขึ้นมาว่า ขอให้ครั้งนี้เค้าจะเอาไปเก็บใกล้กุฏิหลวงตา จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
พี่สาวฉันยอมเล่าความผิดร้ายแรงในอดีตให้ฟังว่า
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เธอกับฟางเป็นเพื่อนรักกัน แต่พี่สาวฉันอิจฉาที่ฟางเรียนเก่งกว่า จึงปล่อยข่าวลือต่าง ๆ นานาทำให้ฟางถูกไล่ออก
ฟางเครียดจนมาปรึกษากับอาจารย์นพ เพราะเป็นช่วงที่เธอกำลังอ่อนแอ จึงตกหลุมรักอาจารย์นพเข้าอย่างจัง แต่เธอไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้ว พี่สาวของฉันกำลังแอบคบกับอาจารย์นพอย่างลับ ๆ มาเกือบปีแล้ว
เมื่อพี่สาวฉันเห็นดังนั้น พี่สาวฉันจึงลากฟางไปที่ป่าหลังโรงเรียน แล้วทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนพลั้งมือฆ่าฟางด้วยการบีบคอไป
พี่สาวฉันกลัวความผิด จึงจับช่วยกันกับอาจารย์นพเผาศพของฟาง รวมทั้งไปหาหลวงตาเพื่อขอให้สะกดวิญญาณของฟางไว้ที่นี่
หลังจากสะกดวิญญาณของฟางแล้ว อาจารย์นพก็ขอย้ายมาประจำที่ห้องสมุดแทนการเป็นอาจารย์แนะแนว เพื่อให้มั่นใจว่าลอกเกอร์ที่ซ่อนกระดูกนี้จะไม่ถูกเปิดออก
แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจ ว่าทำไมขวดโหลเหล่านั้นถึงกระเด็นออกมา จนทำให้วิญญาณของฟางออกมาได้
ช่วง 7 ปีก่อนหลังจากเกิดเรื่อง ญาติพี่น้องของเธอเข้าแจ้งความเพื่อตามหา จนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตามหาพบ
พี่สาวของฉันกลัวความผิด กลัวหมดอนาคต จึงพยายามเงียบและทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป
ตำรวจเองก็ปิดคดีไปแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้น แม้ฉันจะพยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แต่เหมือนเธอเองก็ยังเคียดแค้นฉันและครอบครัวอยู่ เพราะในบางครั้งที่ฉันกรวดน้ำให้เธอ ที่กรวดน้ำก็มักจะถูกผลักตกลงพื้นเสมอ....
ขอบคุณรูปภาพประกอบบทความจาก https://en.m.wikipedia.org/wiki/School_library
ความคิดเห็น