ไลฟ์แฮ็ก
เมื่อสมาร์ทโฟนคู่ใจของคุณหายจะตามหายังไงดี?

แน่นอนเลยว่าปัจจุบันสมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยหนึ่งของชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ ใช้ทั้งติดต่อสื่อสาร โซเชี่ยว ธุรกิจ เล่นเกมส์ ฯลฯ
แต่ถ้าสมาร์ทโฟนของคุณหายละ คุณต้องกังวล ข้อมูลสำคัญๆในสมาร์ทโฟน ทั้งข้อมูลการเงิน รูปภาพ วีดีโอ และอื่นๆ แน่นอนคุณคงอยากได้มันกลับมา มากกว่าจะซื้อเครื่องใหม่ใช่ไหม
วันนี้เรามีตัวช่วยที่จะหาสมาร์ทโฟนของคุณที่หายไป ด้วย Find My Device สำหรับชาว android
FIND MY DEVICE คืออะไร ?
เป็นแอปพลิเคชั่นในภาษาไทยที่ว่า หาอุปกรณ์ของฉัน เป็นแอพที่ทาง Google ออกมาสู้กับ Find My Phone ของ Apple โดยแท้จริง ซึ่งมีการใช้งานที่ง่ายมาก เพียงแค่ Log in ผ่าน Gmail ที่ผูกไว้กับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ก็สามารถค้นหา ตำแหน่งของเครื่อง รวมถึงชื่อรุ่น และสามารถล๊อคหรือลบข้อมูลได้ทันที

หรือใช้ค้นหาในคอมพิวเตอร์ได้เข้าไปที่ https://www.google.com/android/find
Advertisement
Advertisement

ก่อนอื่นคุณต้องแน่ใจก่อนว่าคุณได้ตั้งค่าดังต่อไปนี้แล้ว
ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบว่า "หาอุปกรณ์ของฉัน" เปิดอยู่
- เปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์
- แตะความปลอดภัย > หาอุปกรณ์ของฉัน หากไม่เห็น "ความปลอดภัย" ให้แตะความปลอดภัยและตำแหน่งหรือ Google > ความปลอดภัย
- ตรวจสอบว่าเปิด "หาอุปกรณ์ของฉัน" แล้ว
เคล็ดลับ: หากคุณมีแท็บเล็ตที่แชร์กันใช้หลายคน มีเพียงเจ้าของเครื่องเท่านั้นที่จะเปลี่ยนการตั้งค่าเหล่านี้ได้
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบว่าตำแหน่งเปิดอยู่
- เปิดแอปการตั้งค่าในอุปกรณ์
- แตะตำแหน่ง หากไม่เห็น "ตำแหน่ง" ให้แตะความปลอดภัยและตำแหน่ง > ตำแหน่ง
- เปิดตำแหน่ง
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบว่าเปิดการเปิดเผย Google Play อยู่
สำคัญ: หากคุณซ่อนอุปกรณ์ใน Google Play อุปกรณ์นั้นจะไม่แสดงใน "หาอุปกรณ์ของฉัน"
- เปิด play.google.com/settings
- ในส่วน "การเปิดเผย” ให้เลือกอุปกรณ์
Advertisement
Advertisement
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบว่าค้นหาอุปกรณ์ได้
- เปิด android.com/find
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google หากอุปกรณ์นี้มีโปรไฟล์ผู้ใช้มากกว่า 1 โปรไฟล์ ให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google ที่อยู่ในโปรไฟล์หลัก ดูข้อมูลเกี่ยวกับโปรไฟล์ผู้ใช้
- หากมีอุปกรณ์มากกว่า 1 เครื่อง ให้คลิกอุปกรณ์นี้ที่ด้านบนหน้าจอ
ฟีเจอร์การใช้งานแอพเบื้องต้น
เปิดโปรแกรม Google Find My Device หรือเปิดเว็บบราวเซอร์เข้า google แล้วพิมพ์ค้นหา "ตามหาโทรศัพท์" (จำเป็นต้อง Login ด้วย Gmail เดียวกับในโทรศัพท์มือถือที่ต้องการหา) จะได้หน้าตาตามภาพด้วนล่าง

ด้านขวามือจะเป็นตำแหน่งที่โทรศัพท์มือถือเราอยู่ ถ้าอยู่ที่เดียวกับที่เราอยู่ก็ใช้เมาส์กคลิ๊กเมนู "เล่นเสียง" ด้านซ้ายมือ ได้เลย จากนั้นก็ตามหาโทรศัพท์กันครับ (เสียงริงโทนจะดังนาน 5 นาที)
แต่ถ้าไม่ได้ยินเสียงริงโทนของโทรศัพท์มือถือเรา หรือที่แผนที่ ตำแหน่งโทรศัพท์ของเราไปอยู่สถานที่อื่นแสดงว่าเราอาจจะทำหล่นหาย,ลืมไว้ หรือโดนขโมยไป อย่าเพิ่งตกใจครับ ให้เราทำการล็อคโทรศัพท์มือถือก่อนโดยคลิ๊กที่เมนู "รักษาความปลอดภัยอุปกรณ์" คต
Advertisement
Advertisement

- ใส่ข้อความที่ต้องการให้ขึ้นที่หน้าจอมือถือตรงช่อง "ข้อความการกู้คืน"
- ใส่หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ตรงช่อง "หมายเลขโทรศัพท์"
- กดปุมรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ ( โทรศัพท์มือถือจะทำการล็อคหน้าจอทันทีในกรณีที่โทรศัพท์มือถือของเราตั้งรหัสผ่านไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าโทรศัพท์มือถือของเราไม่ได้ตั้งรหัสผ่านไว้โปรแกรมจะให้เราตั้งรหัสผ่านใหม่ทันที )
หน้าจอโทรศัพท์มือถือจะถูกล็อคพร้อมมีข้อความที่เราตั้งไว้ แล้วผู้พบโทรศัพท์ก็จะสามารถโทรศัพท์กลับมาที่เบอร์โทรศัพท์ที่ใส่ไว้ก่อนหน้านี้ได้ หรือถ้าโดนขโมยไปโทรศัพท์ก็จะเข้าใช้งานไม่ได้เพราะติดรหัสผ่าน (ในกรณีที่โทรศัพท์มือถือโดนขโมยแล้วในเครื่องมีข้อมูลสำคัญอยู่ให้เราทำการลบข้อมูลในโทรศัพท์ได้เลยโดยการคลิ๊กเมนู "ล้างข้อมูลในเครื่อง" )
หน้าจอโทรศัพท์มือถือจะถูกล็อคพร้อมมีข้อความที่เราตั้งไว้ แล้วผู้พบโทรศัพท์ก็จะสามารถโทรศัพท์กลับมาที่เบอร์โทรศัพท์ที่ใส่ไว้ก่อนหน้านี้ได้ หรือถ้าโดนขโมยไปโทรศัพท์ก็จะเข้าใช้งานไม่ได้เพราะติดรหัสผ่าน (ในกรณีที่โทรศัพท์มือถือโดนขโมยแล้วในเครื่องมีข้อมูลสำคัญอยู่ให้เราทำการลบข้อมูลในโทรศัพท์ได้เลยโดยการคลิ๊กเมนู "ล้างข้อมูลในเครื่อง" )
นอกจากนี้เรายังสามารถเช็คเส้นทางของโทรศัพท์ได้ด้วยว่าไปอยู่ที่ไหนบ้าง โดยการคลิ๊กที่เมนู "ไทม์ไลน์ของ Maps" (โทรศัพท์มือถือต้องเปิด Location ไว้)


สรุป : เมื่อโทรศัพท์ของท่านหายก็อย่าตกใจหรือกังวลไป ให้รีบใช้แอพดังกล่าวล็อกอินเข้าไป เพื่อค้นหาโทรศัพท์ของคุณ เพราะฟังก์ชั่นต่างๆ สะดวกต่อการค้นหา แต่วิธีที่กล่าวมาก็เป็นวิธีเบื่อต้นที่ทุกๆทำได้ ถึงแม้คนที่เก็บหรือขโมยโทรศัพท์คุณไป ทำการปิดเครื่องหรือ ฮาร์ดรีเซ็ตก็ตาม แต่ก็จะไม่สามารถเข้าใช้งานเครื่องของคุณได้เพราะจะติดล็อค Gmail เหมือนกับติด iCloud ของ ios นั่นเอง
ขอบคุณที่อ่านบทความนี้ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านที่กำลังตามหาโทรศัพท์ที่หายไป
ติดตามบทความเคล็ดลับสมาร์ทโฟน จากเราได้ที่ TrueID intrend
ความคิดเห็น






