อื่นๆ

เมื่อเราเป็นเลสเบี้ยน

2.3k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เมื่อเราเป็นเลสเบี้ยน

เมื่อเราเป็นเลสเบี้ยน

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน บทความแรกของ THAILESTALK กับ TRUE ID INTREND จะเป็นเรื่องอะไรคงไม่ได้นอกจากเรื่องเกี่ยวกับเลสเบียน หรือ เลสเบี้ยน ซึ่งต่อไปนี้ผู้เขียนจะขอใช้คำว่า “เลสเบี้ยน” เพื่อสุนทรีในการอ่านก็แล้วกันนะคะ

เลสเบี้ยนคืออะไร?

เลสเบี้ยน

ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/free-photos-vectors/background">Background photo created by freepik

เลสเบี้ยน คือ หญิงผู้ที่ปรารถนารักโรแมนติกหรือการร่วมเพศกับผู้หญิงด้วยกัน สรุปง่าย ๆ คือ ผู้หญิงที่รักใคร่ในเพศเดียวกันค่ะ มีบางเว็บไซต์ที่ผู้เขียนไปค้นเจอให้นิยามของคำนี้ว่า “หมายถึงหญิงที่ผิดปกติด้านจิตใจ” อันนี้ผู้เขียนค่อนข้างเจ็บปวดค่ะ ฮ่า ๆ (ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่)

อย่างไรก็ตาม หากท่านผู้อ่านที่กำลังลังเลในความเบี้ยน (เลสเบี้ยน) ของตัวเอง อย่าเพิ่งยื่นซองขาวหรือลาออกจากการเป็นตัวเองนะคะ ในฐานะที่ผู้เขียนเองก็ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเพศเดียวกันมาร่วม 8 ปีแล้ว อยากจะบอกกับทุกท่านจริง ๆ ว่าหากเทียบกับอีกหลายประเทศรายรอบและทวีปอื่นแล้ว...เราโชคดีมากที่เกิดในดินแดนขวานทองแห่งนี้

Advertisement

Advertisement

เพราะการเป็นหญิงรักหญิงนั้นสถานการณ์ ณ ตอนนี้ถือว่ามีอิสระกว่าแต่ก่อนมากโขแล้ว

สังคมยุคนี้ถือว่าเป็นยุคที่กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศหรือที่เรียกกันเก๋ ๆ ว่า LGBT (ย่อมาจาก Lesbian, Gay, Bisexual and Transgender) ค่อนข้างโชคดีกว่าสมัยก่อน ๆ เยอะเลยค่ะ ยิ่งอยู่ประเทศไทยที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเราแล้วยิ่งดีกว่าหลาย ๆ ประเทศนะคะ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องรักร่วมเพศ ให้อิสระในความรักและความรู้สึกของประชาชนมากขึ้นหากเทียบกับอดีตที่ผ่านมา และจะดียิ่งกว่านี้หากผู้ใหญ่ที่กำลังบริหารประเทศอยู่ให้โอกาสร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิตหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า พ.ร.บ. คู่ชีวิตสำหรับคู่สมรสเพศเดียวกัน อีกสักครั้ง...ไม่แน่ว่าเราอาจจะเป็นประเทศที่ 29 ที่ให้ความสำคัญกับสิทธิและความเท่าเทียมในทุกเพศสภาพก็เป็นได้

Advertisement

Advertisement

เมื่อเราเป็นเลสเบี้ยน

เลสเบ

ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/free-photos-vectors/love">Love photo created by freepik

ตั้งแต่เราเกิดมาพ่อแม่จะซื้อเสื้อผ้าให้ตามเพศสภาพที่เรากำเนิด ผู้หญิงสีชมพู ผู้ชายสีฟ้า เมื่อเติบโตขึ้นคุณครูที่โรงเรียนมักจะสอนให้เราเดินไปในทิศเดียวกัน ต้องเรียนจากตำราที่ว่าต้องใส่สารตั้งต้นไป x เท่า จึงจะเกิดปฏิกิริยาเคมี ผู้หญิงต้องสวมกระโปรง ส่วนผู้ชายสวมกางเกงเท่านั้น ไม่มีช่องทางให้ใครได้แตกแถว การที่เรา “แตกต่าง” จึงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่อาจทำให้เราถูกสังคมขยับหนีห่างออกไปไกล

ผู้เขียนไม่ปฏิเสธว่าการศึกษาในประเทศไทยน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมรักร่วมเพศของบ้านเรายังไม่เปิดกว้างกว่าที่น่าจะเป็นไป ขอไม่โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเฉพาะเจาะจงนะคะ แต่ด้วยสังคมที่แบ่งเป็นเพียงกระโปรงและกางเกงนี่เองเลยทำให้หลายท่านที่เป็นรักร่วมเพศประสบกับปัญหาในการใช้ชีวิตคู่

Advertisement

Advertisement

บางคนเป็นเลสเบี้ยน...พ่อแม่รับได้ กรณีนี้ คือ คุณเป็นคนที่สามารถยิ้มออกมาได้อย่างเปิดเผย เปิดตัวเองได้เต็มที่ มีอิสระทางร่างกายและจิตใจ อยากคบแฟนผู้หญิงก็สามารถทำได้เลย คุณพ่อคุณแม่อาจเป็นห่วงบ้างตามประสาผู้ให้กำเนิดเพราะหวังดีอยากให้ลูก ๆ มีความสุขค่ะ กลุ่มคนเหล่านี้ถือว่า “โชคดีมาก” ที่พ่อแม่ยอมรับได้ หากท่านผู้อ่านมีครอบครัวที่อยู่ในเคสนี้ให้รักคุณพ่อคุณแม่ให้มาก ๆ นะคะ พวกท่านเปิดโอกาสให้คุณมากเลย (ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้โชคดีค่ะ)

บางคนเป็นเลสเบี้ยน...มีแฟนแล้ว พ่อแม่รู้แล้วแต่ไม่อยากพูดถึงหรือแกล้งทำเป็นไม่รับรู้  เวลาเราพาแฟนเข้าบ้านแล้วบอกว่า “เป็นเพื่อนกัน” กรณีแบบนี้มีเยอะค่ะ แฟนของผู้เขียนเองก็อยู่ในเคสนี้ คือ พาผู้เขียนไปที่บ้านบ่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวน่าจะรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ลึกไปกว่าคำว่าเพื่อนทว่าไม่มีใครพูดหรือตั้งคำถามออกมา ซึ่งพวกเราเองก็ไม่ได้บอกออกไป (เพราะอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ บางเรื่องแค่ไม่กี่ลมปากที่ออกไปอาจสร้างสึนามิลูกใหญ่ได้ ฮ่า ๆ)

หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะเกิดคำถามว่าเราอยู่ได้อย่างไรในสถานการณ์คาราคาซังแบบนี้ ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าครอบครัวของแฟนผู้เขียนนั้นไม่ได้จำกัดหรือขีดเส้นคั้นเขาไว้แต่อย่างใด คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้บังคับเพราะเราล้วนแต่หาเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ได้ตามฐานะตามสมควร เอาง่าย ๆ ก็คือเราเติบโตทั้งทางความคิดและฐานะพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว เลยทำให้ท่านไม่ได้กังวลกับเรามากนัก

หากท่านใดที่ยังอยู่ในกรณีที่มีแฟนแล้วแต่เปิดเผยออกไปไม่ได้แบบนี้ ผู้เขียนแนะนำว่าให้ “เติบโต” และ “ตั้งตัว” ให้ได้ด้วยสองขา(อันล่ำสัน)ของตัวเอง เมื่อใดที่ครอบครัวตระหนักว่าเรานั้นได้ก้าวข้ามความเป็นเด็กจนไม่ต้องได้รับการดูแลแล้ว ครอบครัวจะวางใจให้เราเลือกทางเดินได้อย่างอิสระค่ะ ในทางกลับกันผู้เขียนไม่แนะนำให้ท่าน “หักดิบ” เนื่องจากชีวิตคนเราไม่เหมือนในละคร เราไม่สามารถตัดขาดกับครอบครัว สถาบันเล็ก ๆ ที่สำคัญที่สุดของเราไปได้เด็ดขาดหรอกค่ะ ยิ่งถ้าเรายังเยาว์ ต้องอาศัยปัจจัยสี่จากคุณพ่อคุณแม่เพื่อความอยู่รอด นั่นยิ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเราไม่สามารถหักเลี้ยวออกมาแพ้วถางทางเดินได้เอง อย่าว่าแต่ทางเดินเล็ก ๆ แม้กระทั่งรองเท้าที่จะรองให้เราเหยียบย่างไปยังไม่มีเลยเพราะล้วนแล้วแต่มาจากเงินของพ่อแม่ทั้งสิ้น

พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสว่า “คนเราต้องเดินทางสายกลาง ไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป” ผู้เขียนเองก็เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งจึงยึดถือปฏิบัติตามมาจนเห็นว่าทางนี้คือทางที่ดีที่สุดแล้วค่ะ

กรณีต่อมาเป็นอะไรที่รุนแรงกว่าด้านบนที่ผู้เขียนกล่าวถึง คือ บางคนเป็นเลสเบี้ยนแบบเปิดเผยตัวตนแต่พ่อแม่กลับไม่ยอมรับ หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น ท่านใดที่เข้าข่ายนี้ก็อย่าเพิ่งไปโกรธพวกท่านเลยนะคะ ถึงจะเต็มไปด้วยโทสะก็ให้สอนใจตัวเองว่า “กว่าจะเลี้ยงเรามาจนเติบใหญ่ หมดหยาดเหงื่อและจิตวิญญาณไปเท่าไหร่เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดู ทุกสิ่งที่พวกท่านหวังก็แค่อยากให้เราได้สิ่งที่ดีที่สุด” ... แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการก็ตาม

คุณพ่อคุณแม่ของพวกเราท่านลำบากมามากค่ะ บางครอบครัวแทบจะทำงาน 24 ชั่วโมงแลกกับข้าวดี ๆ สักมื้อ เช้าตรู่ออกไปทำงาน ตกค่ำรีบกลับมานอน บางคืนแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดหาอยู่หากิน ให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อกับแม่จะคว้ามาได้ เมื่อลูกที่เฝ้าฟูมฟักมาไม่ได้ดั่งใจ ท่านอาจจะต่อว่าด่าบ้าง เราก็ปล่อยให้ท่านทำเถอะค่ะ...เพราะหากแก้ที่พ่อแม่ไม่ได้เราก็ต้องแก้ที่ตัวเองก่อน สอนใจตัวเองบ่อย ๆ เข้าเดี๋ยวก็ความโกรธที่มีมันก็จะค่อย ๆ บางเบาไปเอง จนหายในที่สุด

หากว่าท่านใดที่เดินมาไกลกว่าที่ผู้เขียนว่ามาแล้ว หมายถึงตอนนี้ท่านเปิดเผยตัวตนชัดเจนจนมีปากเสียงถึงขั้นถูกไล่ออกจากบ้านมาแล้ว มีทางออกแค่ทางเดียวค่ะ คือ ต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้

ของบางอย่าง ต่อให้เอื้อมจนสุดมือ...เราก็ไม่ได้มันมาค่ะ ความเข้าใจของคนก็เช่นกัน

ไม่ต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้...เวลานี้คือเวลาที่ท่านต้องพิสูจน์ว่าการเป็นเลสเบี้ยนไม่ได้ผิดอะไร ท่านเพียงแค่เป็นมนุษย์เหมือนคนทั่วไปที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งและอยากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไปจนผมขาว

ทางออกของเลสเบี้ยน

ธง

ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/free-photos-vectors/love">Love photo created by freepik

ผู้เขียนได้แนะนำไปข้างต้นแล้วว่า ไม่ว่าท่านจะอยู่ในกรณีที่หนึ่ง สอง สาม หรือสี่ สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือท่านต้องเลี้ยงดูตัวเองให้ได้ก่อน

วัยทำงาน ท่านคือคนที่หาเงินใช้ได้เอง การวางแผนทางการเงินเป็นของที่ต้องทำอยู่ทุกวันค่ะ แก่ตัวไปจะอยู่อย่างไร เอาเงินส่วนไหนมาใช้ ท่านจะต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ ถ้ารากฐานมั่นคงก้าวต่อไปคือท่านจะสามารถช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวเล็ก ๆ ของท่านและส่งเสียพ่อกับแม่ได้ นี่แหละค่ะเป็นอีกหนึ่งในวิธีพิสูจน์ว่าการเป็นเลสเบี้ยนไม่ได้ผิดอะไร เราใช้ชีวิตแบบปกติได้เหมือนคู่รักหญิงชายทั่วไป ขอแค่เราเป็นคนดีของสังคม ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แค่นี้พอแล้ว (หมายเหตุ: ผู้เขียนขอเขียนในทัศคติค่านิยมของคนไทย หากผู้อ่านท่านใดมีความคิดที่เห็นแย้งเกี่ยวกับการเลี้ยงดูพ่อแม่ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ)

ส่วนน้อง ๆ ที่อยู่ในวัยเรียน ครอบครัวยังไม่เปิดกว้าง และยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่นั้น พี่... (ได้ทีต้องขอแทนตัวเองให้ดูไม่แก่สักเล็กน้อย) พี่แนะนำให้ตั้งใจเรียนไปก่อนนะคะ น้อง ๆ อย่าเพิ่งแข็งข้อหรือประท้วงพ่อกับแม่ เอาง่าย ๆ คือ อย่าออกตัวแรงมากเกินไป อะไรที่ปิดได้ต้องปิดค่ะ ในฐานะที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วพี่ขอแนะนำเลยว่า “ยังไม่ต้องบอกพ่อกับแม่” ให้น้องตั้งใจเรียนให้จบ วางแผนชีวิตดี ๆ ทำงานสร้างหลักฐานให้ตัวเองให้มั่นคง แสดงให้พ่อแม่เห็นว่าเราเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ดูแลตัวเองได้ จะไปบอกตอนนั้นก็ยังไม่สายค่ะ

ทุกปัญหาล้วนแล้วแต่มีทางออก บทความนี้เพียงบอกเล่าหนึ่งหนทางจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผู้เขียนเท่านั้น ยังมีอีกเป็นล้านช่องให้เลสเบี้ยนอย่างเราได้เดินออกไป สิ่งที่ผู้เขียนอยากให้ท่านผู้อ่านตระหนักคือ “เราต้องคำนึงถึงเหตุและผล” ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลของตัวเอง

หากถามว่าทำไมพ่อหรือแม่ถึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น? คงเหมือนกับการใช้โทรศัพท์มือถือที่พ่อแม่บางท่านใช้สมาร์ทโฟนไม่เป็น บางท่านแค่แบบปุ่มกดธรรมดายังกดรับสายผิด ๆ ถูก ๆ เลย ผิดกับอีกหลายบ้านที่ใช้กันคล่องปร๋อ ชนิดที่ว่าแอดลูกเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กและส่งรูปสวัสดีเช้าวันจันทร์ถึงอาทิตย์ไม่เว้นแม้แต่วันพระและวันคริสมาสต์ให้เพื่อนและลูก ๆ ในไลน์ทุกเช้า

พวกเรานั้นเกิดกันคนละยุค...พ่อแม่เราเกิดยุคหนึ่งซึ่งยุคนั้นการรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ บางสมัยเป็นเรื่องผิดกฎหมายเสียด้วยซ้ำ ด้วยการเคยเห็นคนรักเพศเดียวกันโดนสังคมรังเกียจ ต่อต้าน หรือประสบการณ์ชีวิตคู่ที่ไม่ยืนยาวมาบ้าง อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ของเรากลัวว่า เราอาจจะถูกคนอื่นรังแก ไม่ยอมรับและท้ายที่สุดลูกที่รักของท่านจะต้องผิดหวังช้ำใจ

ท่านผู้อ่านคะ คงไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนใจและความคิดของมนุษย์ได้เท่ากับ “เวลา” อีกแล้วค่ะ ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจก้อนใหญ่ ๆ ให้กับทุกท่านที่กำลังจะเลือกทางเดินของตัวเอง ก้าวแรกอาจจะผิดไปบ้างแต่ขอให้ทราบไว้ว่าไม่มีใครไม่เคยเดินผิดพลาด ในคัมภีร์หลุนอวี้ที่บรรจุปรัชญาและคำสอนของนักคิดและนักปรัชญาเป็นสังคมที่มีชื่อเสียงของจีนอย่างขงจื้อยังมีระบุไว้เป็นบทนำตอนหนึ่งจากคัมภีร์ 20 เล่ม ว่า “อย่ามัวค้นหาความผิดพลาด จงมองหาหนทางแก้ไข” ต่อให้เป็นเศรษฐีหมื่นล้านหรือหัวหน้าบ้านเมืองก็ยังเคยผิดพลาดด้วยกันมาทั้งนั้น การพิสูจน์ว่าเราถูกต้องไม่ใช่การก้าวสู่เป้าหมายแต่เป็นการที่เราก้าวเดินต่อโดยใช้ความผิดพลาดไปสู่สิ่งที่เราต้องการต่างหากค่ะ

หากชีวิตเราเป็นนิยายสักเล่ม ผู้เขียนขออวยพรให้กับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านพบเจอกับนางเอกของตัวเอง แล้วครองคู่กันจนถึงบทสุดท้ายของชีวิตด้วยรอยยิ้มและความสุขนะคะ

สวัสดีค่ะ

Thailestalk

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ThaiLesTalk
ThaiLesTalk
อ่านบทความอื่นจาก ThaiLesTalk

ThaiLesTalk นักเขียนเลสเบี้ยน

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์