เมโสอเมริกา?

ทุกคนคงจะเคยผ่านการเรียนวิชาประวัติศาสตร์จากโรงเรียนกันมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะเชื่อว่า คุณครูต้องเคยสอนว่าต้นกำเนิดอารยธรรมของโลกนี้มีอยู่ 4 แห่งด้วยกันซึ่งก็คือ อารยธรรมจีน อินเดีย เมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณ โดยอาจจะไม่ได้สอนว่าในโลกใหม่หรือทวีปอเมริกานั้นก็มีแหล่งอารยธรรมมากมายเช่นเดียวกับโลกเก่าโดยส่วนมากแล้วจะกระจายอยู่ตามเมโสอเมริกาหรืออเมริกากลาง และแถบเทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้โดยในบทความนี้จะขอยกตัวอย่างอารยธรรมของเมโสอเมริกาเท่านั้น มีอารยธรรมใดบ้าง อยากรู้ เลื่อนลงไปอ่านข้างล่างเลยสิ รออะไรล่ะ

อารยธรรมโอลเม็ค

เป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในแถบเมโสอเมริกาถือกำเนิดเมื่อราว 1500 ปีก่อนคริสตกาลปัจจุบันอยู่ในประเทศเม็กซิโก อารยธรรมโอลเม็คยังเป็นต้นแบบของอารยธรรมรุ่นต่อๆไปอีกด้วย ชาวโอลเม็คนับถือเทพเจ้าหลายองค์และมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับอารยธรรมโบราณอื่นๆ โดยอารยธรรมโอลเม็คมีความโดดเด่นที่มีการสร้างเศียรศิลาอันใหญ่มหึมามากมาย ชาวโอลเม็คยังนับถือเสือจากัวร์เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเชื่อว่ามีมนุษย์เสือจากัวร์อีกด้วย

อารยธรรมแอซเทค

เป็นอารยธรรมที่กำเนิดขึ้นหลังสุดในกลุ่มอารยธรรมพรีฮิสปานิคแต่ก็เป็นอารยธรรมที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดซึ่งชาวแอซเทคนั้นได้อพยพมาจากทางเหนือและตั้งอาณาจักรแอซเทคอันยิ่งใหญ่ในเม็กซิโกปัจจุบัน โดยมีตำนานเล่าขานว่าเทพเจ้าได้บอกชาวแอซเทคว่าให้ตั้งเมืองในที่ๆมีนกอินทรีที่กำลังจับงูอยู่บนต้นกระบองเพชร เมื่อชาวแอซเทคพบอินทรีบนต้นกระบองเพชรก็เริ่มสร้างเมืองและได้ตั้งชื่อเมืองว่า เทนอคติตลัน ซึ่งปัจจุบันคือ เม็กซิโกซิตี้เมืองหลวงของเม็กซิโกในปัจจุบันนั่นเอง โดยในธงชาติเม็กซิโกก็ได้นำเอาตำนานอินทรีบนกระบองเพชรไปวางไว้ตรงกลางธง และชื่อเม็กซิโกนั้นก็มาจากคำว่าเม็กซิกาซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของชาวแอซเทค ในสมัยที่สเปนค้นพบอาณาจักรแอซเทคใหม่ๆอาณาจักรแอซเท็คนั้นยิ่งใหญ่มากๆ เมืองหลวงอย่างเทนอคติตลันยังมีขนาดใหญ่กว่าลอนดอนหลายเท่า กษัตริย์มอคเตซูม่าที่สองยังมีสวนสัตว์ไว้ในเขตพระราชวังและรอบๆเมืองหลายแห่ง มีสระน้ำสวยงามใหญ่โตโอฬารหลายแห่งมีระบบขนส่งน้ำเข้าเมือง และกษัตริย์มอคเตซูม่ายังเสวยน้ำโกโก้วันละหลายลิตรซึ่ง น้ำโกโก้ถือเป็นเครื่องดื่มชั้นดีและนิยมดื่มกันทั่วอเมริกากลางรวมถึงชาวยุโรปด้วย แต่ถึงแม้อาณาจักรแอซเทคจะดูยิ่งใหญ่อาณาจักรแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายป่าเถื่อนเนื่อง จากนิยมบูชายัญมากแต่จะบูชายัญเฉพาะเชลยสงครามหรือคนต่างแดน บูชายัญวันละเป็นร้อยๆพันๆมากกว่าคนดินแดนอื่นๆในอเมริกากลางมากคนในดินแดนใกล้เคียงจึงต้องยอมจำนนแต่ก็เกลียดเข้าไส้ทำให้มีชาวพื้นเมือง จำนวนหนึ่งเป็นพันธมิตรกับสเปนที่มาบุกรุกและตั้งใจจะยึดครองอาณาจักรแอซเทครวมกับการช่วยเหลือจากหญิงสาวชาวนาฮัวนามว่า ลา มาลินเช ทำให้สเปนยึดครองเทน็อคติตลันและอเมริกากลางได้ทั้งหมดในเวลาต่อมา

ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/File%3ACortez_%26_La_Malinche.jpg

อารยธรรมฮวสเท็ค

อารยธรรมฮวสเท็คเป็นอารยธรรมที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนักเนื่องจากแยกตัวออกมาจากชาวมายาอีกทีหนึ่งทำให้ดูคล้ายกับชาวมายามีความเชื่อวิถีชีวิตเหมือนกับชาวเมโสอเมริกาอื่นๆ

ที่มา:https://en.wikipedia.org/wiki/File%3ACastillo_de_Teayo.jpg

อารยธรรมตอลเต็ค/โตลเต็ค

เป็นอารยธรรมที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก กำเนิดขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ.900 มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองตูลาของเม็กซิโก โดยคำว่าตอลเต็คเป็นภาษานาฮัวแปลว่าช่างฝีมือ อารยธรรมแอซเทคที่เจริญรุ่งเรืองก็ได้นำต้นแบบมาจากอารยธรรมตอลเต็ค อารยธรรมตอลเต็คเป็นที่รู้จักกันโดยมีหุ่นทหารหินบนยอดพีระมิดที่โด่งดังเป็นจุดเด่น

ที่มา:https://en.wikipedia.org/wiki/File%3ATelamones_Tula.jpg

อารยธรรมซาโปเท็ค

ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 700 ปีก่อนคริสตกาลมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองโอกซากาประเทศเม็กซิโกชาวซาโปเท็คมีวัฒนธรรมการกินการอยู่คล้ายกับอารยธรรมใกล้เคียงแต่มีจุดเด่นคือเป็นช่างฝีมือดีภายหลังจึงถูกต้อนไปอยู่ในเมืองเทนอคติตลันของอาณาจักรแอซเทค

ที่มา:https://en.wikipedia.org/wiki/File%3AZona_Arqueol%C3%B3gica_Mitla_10.JPG

ที่มาภาพหน้าปก: https://en.wikipedia.org/wiki/File%3ADintel_26_de_Yachil%C3%A1n_3.jpg

นอกจากนี้ก็ยังมีอารยธรรมมิกซ์เท็ค เตโอติฮัวกันและอื่นๆอีกมากมาย

โดยชาวอเมริกากลางนั้นนิยมรับประทานข้าวโพดเป็นอาหารหลัก มีกีฬาเดาะบอลเป็นของตัวเอง มีกระดาษที่ไม่เหมือนกับกระดาษของจีนหรืออียิปต์โบราณ มีตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์โดยจะเป็นอักษรภาพคล้ายกับอักษรเฮียโรกลิฟของ อียิปต์โบราณ ทำให้อารยธรรมเมโสอเริกาเหล่านี้สามารถพัฒนาไปได้ไกลถึงแม้เทคโนโลยีจะยังอยู่ในยุคหินก็ตามแต่ในที่สุดอารยธรรมเหล่านี้ก็ต้องล่มสลายด้วยน้ำมือของสเปนผู้บุกรุก

อาณาจักรและอารยธรรมน้อยใหญ่ทั้งหลายในโลกนี้มีกำเนิดมีเจริญรุ่งเรืองก็ต้องมียุคมืดและถึงจุดแตกดับสลายสักวันขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วโดยปัจจัยที่มีผลก็ มีอยู่หลายประการเช่น ภัยธรรมชาติ การรุกรานจากต่างชาติต่างแดนหรือความขัดแย้งภายใน โดยความขัดแย้งภายในคือปัจจัยที่เร่งให้อารยธรรมหนึ่งๆต้องล่มสลายเร็วที่สุดและมีตัวอย่างให้เห็นหลายตัวอย่างดังเช่นอาณาจักรแอซเทคที่ล่มสลายลงอย่างราบคาบก็เพียงเพราะความโหดร้ายของตนเองที่ทำให้คนกลุ่มอื่นที่เป็นชนชาติเดียวกันกับตนเองไปเข้าข้างศัตรู โดยสเปนอาจยึดอาณาจักรแอซเทคไม่สำเร็จหรืออาจจะทำรุนแรงกว่านี้ถ้าหากไม่เป็นเพราะผู้หญิงนามว่าลา มาลินเช คอยช่วยเหลือสเปน เราจึงสรุปได้ว่าความสามัคคีคือสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาอารยธรรม อาณาจักร ดินแดนของตนไว้ ถ้าหากชาวแอซเทคและชนพื้นเมืองอื่นๆร่วมมือกันสเปนอาจล่าถอยไม่กล้าเหยียบ แผ่นดินโลกใหม่อีกเลย