อื่นๆ

เรื่อง " ผี " ที่แม่เล่า

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่อง " ผี " ที่แม่เล่า

เกริ่นนำ ก่อนเข้าเรื่อง

สวัสดีค่ะ ทุกคนเชื่อเรื่อง "ผี" กันหรือป่าวคะ สำหรับฉันเรียกว่าทั้งเชื่อและกลัวเลยค่ะ ฉันอาจไม่เคยเจอ “ผี” แบบต่อหน้าจะ ๆ  ขนาดนั้น แต่ก็มีหลายครั้งที่ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับประสบการณ์การเจอเรื่องลี้ลับต่าง ๆ นา ๆ จากคนรอบตัวบ้าง จากเรื่องเล่าในโทรทัศน์ หนังสือต่าง ๆ รวมไปถึงจากคนที่สนิทใกล้ตัวบ้าง แต่เชื่อหรือไม่คะ  ไม่ว่าจะเรื่องไหนที่ฉันเคยได้ยินได้ฟังมา ก็ไม่เคยมีเรื่องไหนที่น่ากลัวเท่ากับเรื่องที่แม่ของฉันเล่าให้ฟังค่ะ อาจจะเป็นเพราะเป็นเรื่องที่แม่ของฉันเจอมากับตัวของตัวเองจริง ๆ ทำให้การเล่าของแม่นั้นออกรสออกชาติได้ถึงใจของฉันจริง ๆ ( ฮ่าฮ่าฮ่า ) นอกจากเรื่องที่แม่ของฉันเล่าให้ฟังจะถึงพริกถึงขิงแล้ว ฉันยังเชื่อได้อย่างสนิทใจว่าเรื่องที่แม่เล่านี้เป็นเรื่องจริง เพราะทุกครั้งที่แม่เล่าให้ฟัง แม่ยังคงจำรายละเอียดของเหตุการ์ณได้ดี ถึงแม้เรื่องนี้จะผ่านมา 70 - 80  ปีมาแล้วก็ตาม

Advertisement

Advertisement

แม่ฉันเป็นคนจังหวัดนครนายก อำเภอบ้านนา เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2480 ซึ่งตอนนั้นความเป็นอยู่และสาธารณูประโยชน์ต่างๆ ยังไม่เจริญอย่างปัจจุบันนี้แล้วยิ่งต่างจังหวัดด้วยแล้วก็ยิ่งกันดารมาก แม่เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนไฟฟ้าน้ำประปาถนนหนทางไม่มีเหมือนกับสมัยนี้หรอก การเดินทางไปในแต่ละที่ก็คือการเดิน ห้องน้ำไม่มีทุกคนต้องไปป่า ทุกบ้านใช้ตะเกียง เตาที่ใช้ในการทำอาหารเขาจะเรียกว่า " เตาก้นเส้า "  ซึ่งมีลักษณะที่เอาดินมาปั้นเป็นก้อนสามก้อนแล้ววางในลักษณะสามเหลี่ยมมีพื้นที่ว่างตรงกลางไว้ก่อไฟ ดินสามก้อนนั้นก็เอาไว้รองรับก้นหม้อที่เราใช้ทำอาหาร บ้านของแม่เป็นบ้านชั้นเดียว ใต้ถุนสูง เวลานอนไม่ต้องกางมุ้งเพราะสมัยนั้นไม่มียุ่งเยอะอย่างปัจจุบัน

1เครดิตภาพ : https://cdn.pixabay.com/photo/2015/10/12/15/05/hand-984170_1280.jpg

Advertisement

Advertisement

เรื่องผีที่แม่เล่า

เกริ่นมาเนิ่นนานเอาเป็นว่าเราจะมาเข้าเรื่องผีที่แม่เล่ากันเลยดีกว่า เป็นเรื่องที่แม่เล่าให้ฉันฟังตั้งแต่ฉันยังเด็กและเล่าให้ฉันฟังบ่อย ๆ ครั้ง แม่บอกว่าจำได้ไม่เคยลืมเลย ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นแม่ของฉันอายุได้ประมาณ 5-6 ขวบเท่านั้น

ภายในบ้านประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 4 คน คนที่ 1 คือพ่อของแม่ ( ตาของฉันนั้นเอง ) ซึ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวของบ้านหลังนี้ คนที่ 2 คือพี่สาวของแม่ซึ่งอายุห่างจากแม่เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น คนที่ 3 ก็คือน้องสาวคนสุดท้อง และคนสุดท้ายของบ้านคือแม่ของฉันเอง  ที่บ้านของแม่ก็จะนอนเรียงกันโดยไม่ได้กางมุ้งอย่างที่บอก แต่คืนนั้นแม่นอนเปลญวนซึ่งผูกติดกับเสาบ้านส่วนคนอื่นๆ ก็มี พ่อ พี่สาว และน้องสาว นอนเรียงกันที่พื้นบ้านเหมือนกับทุก ๆ คืนเคยนอนด้วยกัน ในทุก ๆ ครั้งที่ใครสักคนในสามคนพี่น้องเกิดปวดฉี่หรืออยากเข้าห้องน้ำในกลางดึกก็มักจะเรียกพ่อให้ตื่นไปเป็นเพื่อนบ้าง หรือปลุกเพื่อให้ตัวเองสบายใจว่ามีพ่อตื่นมาด้วย ซึ่งก็ตามประสาของเด็ก ๆ นั้นแหระที่มักจะกลัวความมืด กลัวสิ่งต่าง ๆ ไปเรื่อยเปื่อย และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่แม่ของฉันปวดฉี่ขึ้นมากลางดึก และเมื่อเกิดเหตุการ์ณเช่นนี้คงหนีไม่พ้นที่ต้องปลุกพ่อให้ตื่นขึ้นมาด้วย

Advertisement

Advertisement

“พ่อ ๆ หนู ปวดฉี่ “ เสียงแม่ของฉันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เพื่อปลุกให้พ่อตื่นขึ้นมาเป็นเพื่อน

“ อือ ๆ “ เสียงของพ่อขานรับ เพื่อเป็นการบอกลูกสาวคนกลางให้รับรู้ว่าตื่นแล้ว

2เครดิตภาพ : https://cdn.pixabay.com/photo/2017/10/13/14/15/fantasy-2847724_1280.jpg

เมื่อแม่ของฉันได้ยินเสียงขานรับจากพ่อก็รีบลุกไปยังนอกชานเพื่อไปฉี่ แต่ระหว่างที่กำลังลุกและเดินออกไปยังนอกชานนั้นแม่ของฉันก็เห็นว่ามีผู้ชายกำลังลุกขึ้นและเดินไปทางครัว ด้วยความมืดเพราะไม่ได้จุดตะเกียงไว้ ตอนนั้นแม่คิดว่าเป็นพ่อที่เดินไปครัวเพื่อไปจุดยาดูด ก็ไม่ได้ติดใจที่จะทักหรือถามอะไร และรีบเดินไปฉี่ให้เสร็จจะได้กลับมานอนก่อนที่พ่อจะเดินกลับมา

พอแม่ทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่ก็จะเดินกลับมาที่เปลเพื่อนอนนั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกันที่คนที่แม่เห็นก็เดินกลับมาเหมือนกันและยังเดินดูดยาไฟแดงวาบมาด้วยซึ่งจริง ๆ แล้วไฟในเตาก้นเส้ามันมอดไปนานแล้ว แต่ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น แม่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะเดินชนกัน เมื่อแม่เห็นว่าจะชนกันอยู่แล้วแม่ก็เลยเรียก " พ่อ “ แต่เสียงที่พ่อขานรับไม่ได้มาจากร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม่  แต่กลับเป็นเสียงที่ดังมาจากที่นอน วินาทีนั้นแม่บอกขนลุกไปทั้งตัว เหงื่อแตกยังกับเพิ่งไปวิ่ง 4*100 มาอย่างนั้นเลย แม่ไม่รู้ว่าร่างคนตรงหน้าคือใคร และไม่คิดที่จะถามด้วย เมื่อตั้งสติได้แม่รีบวิ่งกลับไปยังที่นอนห่มผ้าขดตัวเหงื่อแตกจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว แม่กลัวมากจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี แม่บอกว่าตอนนั้นได้แต่ภาวนาขอให้เช้าเร็ว ๆ

3เครดิตภาพ : https://cdn.pixabay.com/photo/2013/07/18/15/09/death-164761_1280.jpg

พอเช้าแม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง พ่อของแม่ได้บอกว่าน่าจะเป็นพี่ชายของพ่อ เพราะพี่ชายของพ่อแกเสียที่บ้านหลังนั้น รูปร่างลักษณะก็คล้าย ๆ กัน แกคงมาขอส่วนบุญ พ่อยังได้บอกแม่อีกว่า อย่าไปกลัวเลย พี่ชายแกไม่ทำอะไรหรอก เพราะแม่เป็นหลานของแกคงแค่มาขอส่วนบุญเท่านั้น

ถึงพ่อจะบอกแบบนั้นแต่แม่ก็เลิกกลัวไม่ได้ อาจจะเพราะด้วยอายุตอนนั้นยังถือว่าเด็กมาก และการเจอแบบระยะประชิดขนาดนั้นคงยากที่จะทำใจให้ไม่กลัวหรือหายกลัวไปได้ง่าย ๆ ฉันยังคิดเลยว่าถ้าเป็นฉันที่เจอแบบแม่เจอ โดยมีอายุเพียงไม่กี่ขวบ ฉันจะเป็นอย่างไร จะก้าวขาออกไหม จะวิ่งมาที่นอนได้หรือป่าว หรือเป็นลมล้มไปตรงนั้นเลย แต่ถ้าเลือกได้ฉันขอไม่เจอเหตุการ์ณเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับเลยจะดีที่สุด

ปัจจุบันแม่ของฉันอายุ 83 ปีแล้ว แม่ยังคงนำเรื่องนี้มาเล่าให้รุ่นหลาน รุ่นเหลนฟัง แต่ทุกครั้งแม่มักจะบอกว่า การที่เรามองเห็นนั้นเรามีบุญนะ เค้ามาขอส่วนบุญของเราเท่านั้น ให้ตั้งจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปเขา เขาจะได้ไปเกิด ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี ไม่มาเบียดเบียน หรือต้องทนทรมารต่อไป แม่ฉันศึกษาเรื่องธรรมะ และปฏิบัติธรรมอยู่สม่ำเสมอในทุก ๆ ครั้งที่แม่ได้ทำบุญ แม่บอกแม่จะนึกถึงวิญญาณต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อแผ่ผลบุญไปให้พวกเขา ให้บุญเขา บุญเราก็ไม่หาย มีแต่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเรื่องผีที่แม่เล่าที่ฉันนำมาเล่าให้ฟังในครั้งนี้ คุณเชื่อหรือไหมคะ แต่สำหรับฉัน ฉันเชื่อสนิทเลยค่ะ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์