ไลฟ์แฮ็ก

แชร์ประสบการณ์ อาชีพเสริม ช่วงโควิด-19 พนักงานพีซี (บูธโปรโมชั่น) ในห้างสรรพสินค้า

174
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
แชร์ประสบการณ์ อาชีพเสริม ช่วงโควิด-19 พนักงานพีซี (บูธโปรโมชั่น) ในห้างสรรพสินค้า

ภาพประกอบ5

เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายคน ต้องเจอผลกระทบหลายอย่าง แตกต่างกันไป โดยเฉพาะเรื่องการเงินและความเป็นอยู่ บางคนถูกเลิกจ้าง ถูกลดเงินเดือน บางคนต้องปิดกิจการหรือต้องหยุดพักกิจการเอาไว้ก่อน ผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ผู้เขียนจึงได้ออกหาอาชีพเสริมที่พอทำได้ ในช่วงที่ยังมีโควิด-19 เพื่อจะเป็นรายได้พิเศษอีกช่องทางหนึ่ง

วันนี้ผู้เขียนจึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ อาชีพเสริมที่ผู้เขียนได้ทำในช่วงโควิด-19 เพื่อมาแบ่งปันประสบการณ์ และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ยังคงหางาน ทั้งที่ต้องการงานประจำหรือเป็นเพียงอาชีพเสริม

อาชีพเสริมที่ผู้เขียนจะมาแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้คือ การเป็น พนักงานพีซี (บูธโปรโมชั่น) ในห้างสรรพสินค้า โดยปกติแล้วตามห้างสรรพสินค้า มักจะมีโซนที่เอาไว้ จัดบูธโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น

Advertisement

Advertisement

ซึ่งบูธเหล่านั้นมักจะเป็น สินค้าเดิมที่มีขายอยู่แล้วแต่เอามาจัดโปรโมชั่น หรือสินค้าใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเป็นผู้ค้ากับทางห้าง ซึ่งทางห้างจะจัดโซนโปรโมชั่นเพื่อให้แบรนด์สินค้านั้นๆ ได้โปรโมทตัวเองและได้ทดลองขายในห้างนั้นๆ ซึ่งบูธโปรโมชั่นนี้ มักจะต้องหาพนักงานพีซีมายืนอยู่ประจำบูธ  ซึ่งระยะเวลาในการทำงานนั้นก็อยู่ประมาณ 7-15 วัน จบงานได้เงินเลย (อันนี้ผู้เขียนชอบ) หรือ บางทีสินค้าที่เราไปทำ ขายดีทำให้ได้ต่อสัญญาเป็นเดือน หรือสองเดือนแล้วแต่เค้าตกลงกัน เราก็ได้ทำงานต่อ ไม่ต้องหาแบรนด์สินค้าใหม่

ดังนั้นผู้เขียนจึงอยากแชร์ประสบการณ์ รายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานเป็น พนักงาน พีซี (บูธโปรโมชั่น) ในห้างสรพพสินค้า ให้กับผู้ที่สนใจ ที่กำลังหางานทำหรือผู้ที่กำลังตัดสินใจในการจะทำงานนี้

รายละเอียดดังนี้

ภาพประกอบ1

Advertisement

Advertisement

1. เวลาการทำงาน

เวลาการทำงานนั้น ขึ้นอยู่กับแบรนด์สินค้า ว่าจะให้ยืนแบบไหนกี่ชั่วโมง แล้วแต่ตกลง บางแบรนด์สินค้าก็ให้ยืน ตั้งแต่ห้างเปิดถึงห้างปิด บางแบรนด์สิ้นค้า ก็ให้เข้าห้างเปิดถึง 2 ทุ่ม หรือสลับกะเช้าบ่าย เข้า 9 โมงเช้าหรือ 10 โมง แล้วเลิก 6 โมง มีคนมาต่อช่วงบ่ายโมง แล้วเลิก 4 ทุ่ม ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ตกลงกันกับเจ้าของแบรนด์ แต่โดยปกติส่วนมาก ก็จะให้ยืนห้างเปิดถึงห้างปิด

2. เวลาพัก (รับประทานอาหาร)

ส่วนเวลาพัก ก็แล้วแต่ตกลงเช่นกัน โดยมากจะให้พัก ชั่วโมงครึ่ง หรือ 2 ชั่วโมง คือ กลางวันพัก 1 ชั่งโมง เย็นพักอีกครึ่งชั่งโมงหรือ 1 ชั่วโมง แต่บางแบรนด์สินค้าก็ให้พักแค่ ชั่วโมงเดียวแล้วแต่เลือกเวลาเอา โดยมากจะให้พักช่วงเที่ยง ถึง บ่าย 2

3.การแต่งกาย

การแต่งกายส่วนมากจะให้ใส่ เสื้อคอโปโลสีดำและกางเกงผ้า ไม่ให้ใส่กางเกงยีนส์ หรือบางแบรนด์สินค้าจะมีชุดยูนิฟอร์มให้ใส่ แล้วแต่ แบรนด์สินค้านั้นๆ

Advertisement

Advertisement

ภาพประกอบ2 แก้ไข

4. รายได้หรือ ค่าจ้างค่าแรง

รายได้ หรือ ค่าจ้างทำงาน ในส่วนของการออกบูธโปรโมชั่น จะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน ตั้งแต่วันละ 450-800 บาท หรือมากกว่านั้น แต่โดยมาก จะเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 500 บาท จบโปรโมชั่น ก็จ่ายเงินเลย และไม่มีการหักภาษี 3 เปอร์เซ็น คือตกลงกันที่เท่าไหร่ก็เท่านั้นเลย แต่ก็มี ที่เคยเจอบางแบรนด์ ที่หักและบางที ก็ไม่บอกพนักงานก่อนทำงานว่าจะหัก 3 เปอร์เซ็น มาหักตอนวันจ่ายเงิน ซึ่งไม่แฟร์กับคนทำงานเพราะถือว่าไม่โปร่งใส หากจะหัก ควรต้องบอกก่อนทำงาน

ต้องตกลงกันก่อนทำงาน ให้คนทำงานได้ตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ เพราะบางทีก็ไม่คุ้มกับค่าเหนื่อยค่าเดินทาง หรือบางแบรนด์ก็จ่ายล่าช้า และเคยเจอ เพื่อนพนักงานบางคนเล่าว่าเคยโดนโกง เจ้าของแบรนด์ ไม่ยอมจ่ายค่าแรง จนต้องฟ้องร้อง ขึ้นโรงขึ้นศาล กันเลยทีเดียว

แต่เท่าที่ผู้เขียนทำมา ก็ไม่เคยเจอแบบนั้น มักจะเจอเจ้าของแบรนด์ใจดี ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นก่อนรับงานก็ต้องพิจารณาให้ดี ลองถามปรึกษาคนที่เคยรับงานมาก่อน หรือดูดีๆ ก่อนรับงาน ว่าแบรนด์นั้นเคยมีประวัติอย่างไรบ้าง เจ้าของแบรนด์ดูแล้วเป็นยังไง มีท่าทีแบบไหน เค้าคัดเลือกคนงานได้ เราก็สามารถเลือกงานได้ด้วยเช่นกัน

5.ระเบียบข้อกำหนด หรือข้อห้ามของทางห้าง

การจะทำงานในห้างสรรพสินค้านั้น จำเป็นต้องรู้กฎระเบียบข้อห้าม ของห้างนั้นๆ ด้วยและแต่ละห้างกฎระเบียบข้อห้ามก็แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็ใกล้เคียงกัน ซึ่งส่วนมาก ก็มีไม่มากนัก เท่าที่เคยเจอมาก็จะมี การต้องติดบัตรพนักงานเวลายืนพื้นที่ และเข้าไปในโรงอาหารพนักงาน การเข้างานให้ตรงเวลาตามห้ามบอก ซึ่งบางห้าง ก็ต้องไปเช้ากว่าปกติ เพราะมีการประชุมก่อนเข้างาน การแต่งกายให้ถูกระเบียบ ห้ามมีรอยสักที่เห็นได้ชัดเจน หากมีก็ต้องปกปิดให้มิดชิดไม่ให้เห็น ห้ามย้อมผมสีฉูดฉาด ส่วนใหญ่ต้องผมสีดำหรือน้ำตาล  การใช้โทรศัพท์ ก็จะห้ามเล่นโทรศัพท์ในเวลาทำงาน บางห้างห้ามนั่งในเวลาทำงานให้ยืนตลอดทั้งวัน ห้ามหายจากพื้นที่ขายนาน โดยไม่ใช่เวลาพักเบรก ห้ามใช้หูฟังเวลายืนพื้นที่ขาย และข้อยิบย่อยอีกมาก โดยแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนจะเข้าทำงานที่ไหน ก็ต้องศึกษาดูก่อนว่าห้างนั้นๆ มีกฎระเบียบอะไรบ้าง ที่เราทำได้และทำไม่ได้บ้าง เพื่อที่จะได้ตัดสินใจก่อนทำงานจริง

ภาพประกอบ4

6.อาหารการกิน

เรื่องอาหารการกินนั้น โดยส่วนมาก จะมี โรงอาหารพนักงาน ให้กับพนักงานอยู่แล้ว เกือบทุกห้าง ซึ่งราคาอาหารนั้น ก็จะมีราคาที่ถูกกว่าในห้างมาก ซึ่งจะเป็นราคาอาหาร สำหรับพนักงานโดยเฉพาะ ราคาอาหารบางที่ถูกกว่ากินข้าวนอกห้างอีก (อันนี้ผู้เขียนชอบ) และอาหารก็มีให้หลากหลาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรกิน ผู้เขียนว่ากลัวจะเลือกไม่ถูกแบบผู้เขียนมากกว่า

7. ข้อดี ข้อเสีย ในการทำงานนี้

ข้อดี

1. ทำงานเป็นช่วงๆ ประมาณ 7-15 วัน ซึ่งทำให้ไม่จำเจ ทำจบงานครบโปรโมชั่น แล้วก็พัก ค่อยรับงานใหม่ได้ หรือจะทำต่อ ก็หางานไม่ยาก เพราะจะมีคนคอยถามหา คนทำงานอยู่แล้ว

2. เมื่อจบงาน จบโปรโมชั่น แล้วได้เงินเลย ได้เงินไว ไม่ต้องรอถึงตอนสิ้นเดือน แต่อันนี้ก็แล้วแต่ตกลงกับแบรนด์อีกที ซึ่งส่วนใหญ่เท่าที่ผู้เขียนเคยทำ จบงานแล้วได้เงินเลย จะมีช้าบ้างก็นิดหน่อย หรือตามรอบบิลจ่ายของบริษัท ซึ่งเค้าก็จะบอกก่อนทำงาน หากไม่บอกก็ต้องถามเลย เพราะจะได้รู้ก่อนตัดสินใจทำงาน

3. การทำหลายๆ แบรนด์ ทำให้ได้เรียนรู้ และได้ความรู้เพิ่มเติม เนื่องจากการที่เราต้อง นำเสนอขายสินค้านั้นๆ ให้กับลูกค้า จึงจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับสินค้านั้น ให้มากที่สุด ซึ่งก่อนทำงานเค้าจะ บรีฟงาน ก่อนทำอยู่แล้ว ซึ่งนั่นจะทำให้เรา ได้ความรู้เพิ่ม อย่างเช่น ตัวผู้เขียน เมื่อก่อนไม่เคยรู้เรื่อง เกี่ยวกับชาเลย แต่พอได้มาทำงานนี้ ก็ได้ความรู้เรื่องชามากขึ้น ยิ่งทำหลากหลายแบรนด์ ก็ยิ่งได้ความรู้ที่กว้างมากขึ้น และบางทีบางอย่างก็เป็นความรู้หรือเคล็ดลับที่คนทั่วไปไม่รู้ เราก็จะได้ความรู้ที่ลึกขึ้น

4. เมื่อซื้อสินค้าบางชนิดก็จะได้ ราคาพิเศษเป็นราคาพนักงาน ซึ่งจะถูกกว่าราคาปกติ และทางห้างก็มักจะมีสินค้าที่ลดราคา ให้กับพนักงาน มาขายให้กับพนักงานเป็นช่วงๆ ซึ่งทำให้เราได้ สินค้าดีและถูกกว่าปกติทำให้เราประหยัดเงินเพิ่มขึ้น

5. ได้ฝึกทักษะการขาย ในบางคนก็อาจจะขายของไม่เป็น แต่พอไปทำงานนี้ ก็ทำให้รู้จังหวะการขาย การปิดการขาย ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างมาก หากอยากขายของได้ เพราะบางคนเชียร์ขายได้แต่ปิดการขายไม่ได้ ดังนั้นการทำงานนี้ จึงเป็นสนามทดลอง ในการฝึกทักษะนี้อย่างดี

6. ได้รู้จักผู้คนมากขึ้น ทำให้มีคอนเนคชั่นเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าการทำงานนี้ต้องได้พบปะผู้คนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า เพื่อนร่วมงาน ซึ่งนั่นจะทำให้เรา ได้ฝึกฝนการเข้าสังคมไปในตัว และอาจจะทำให้เรา ได้เพื่อนดีๆ เพิ่มขึ้นมา หรือเผลอๆ บางทีอาจจะได้คนถูกใจในที่ทำงาน ได้แฟนโดยไม่รู้ตัวก็ได้

ข้อเสีย

1. เวลาในการทำงาน ยาวเนินเกินไป เพราะต้องทำตั้งแต่ห้างเปิดถึงห้างปิด กินเวลาเกือบ 12 ชั่วโมง ทำให้เสียเวลาในชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน มากเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาทำอย่างเรื่องอื่นที่อยากทำ แต่ก็ยังมีบางแบรนด์ที่ให้ทำเป็นกะ ก็จะได้ทำแค่ 8 ชั่วโมง ซึ่งเท่าที่ผู้เขียนทำมาเจอน้อยมาก ส่วนมากจะทำห้างเปิดถึงห้างปิดเสียส่วนใหญ่

2. เป็นงานที่ต้องยืนทั้งวัน ทำให้ร่างกายเมื่อยล้า อาจทำให้เป็นเส้นเลือดคอดได้ เพราะบางห้างห้ามนั่งเลย จึงทำให้ ใช้ร่างกายหนักเกินไป แต่ถ้ายืนจนชินแล้วก็อาจจะหายปวดได้ แต่สำหรับผู้เขียน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ลองเข้าไปทำงานแบบนี้ใหม่ๆ ด้วยแบรนด์นั้นขายดีจึงทำให้ได้ต่อสัญญา จากยืน 15 วัน ได้ทำต่ออีก 15 วัน ทำให้ผู้เขียนปวดเมื่อยขามาก จนร้าวถึงหลัง สุดท้ายเมื่อจบรายการ ก็ต้องไปพึ่งการนวด 3 ชั่วโมงเต็มๆ จึงทำให้ เส้นหายตึงได้

3.  กฎระเบียบของทางห้างที่เข้มงวด อาจทำให้คนที่ไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบเบื่อได้ ทุกองค์กรย่อมมีกฎระเบียบของตัวเอง ซึ่งอยู่ที่ว่าเราจะยอมรับและทำตามได้หรือไม่ ดังนั้นหากอยากทำงานก็ต้องยอมรับกฎระเบียบของที่ทำงานนั้นให้ได้ หรือไม่ก็ต้องเลือกว่าจะทำงานนั้นหรือไม่ ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำงานนั้นๆ ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

ภาพประกอบ3

8.ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ถึงจะทำงานนี้ได้

เรื่องคุณสมบัติของผู้ทำงานนั้น ก็แล้วแต่แบรนด์ว่าจะซีเรียสส่วนไหน ส่วนมากก็จะมีดังนี้

1. อายุในการทำงาน บางแบรนด์ก็ระบุอายุเลย ว่าต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะทำได้ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ 18 ปีขึ้นไป จนถึง 35 ปีหรือบางแบรนด์ก็ระบุ น้อยกว่าหรือมากกว่านั้น เรื่องอายุก็ขึ้นอยู่ที่ แต่ระแบรนด์จะกำหนดไม่ได้ตายตัวอะไร และบางแบรนด์ก็ไม่ได้ระบุเลย แค่ทำงานให้เค้าได้ก็พอ

2. วุฒิการศึกษานั้น ลักษณะของงานพีซี ออกบูธนั้น ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องนี้เท่าไหร่ วุฒิ ม.3 ก็สามารถทำได้ แค่สื่อสารกับผู้คนได้ ขายของให้เค้าได้ เพียงแค่นี้ก็พอ ผู้เขียนเคยเจอคนที่เป็นพีซี ซึ่งอายุ เกือบ 50-60 ปี ก็จบกันประมาณ ป.4หรือ ป6 แต่ ณปัจจุปันก็อาจจะต้องวุฒิ ม. 3 ขึ้นไป ซึ่งจริงๆ แล้วเค้าไม่ได้ดูวุฒิการศึกษาอะไร แค่สมัคร แล้วเจอตัว อาจจะสัมภาษณ์นิดหน่อย ก็รู้แล้วว่าได้งานหรือไม่ ซึ่งถ้าเคยทำงานนั้นแล้ว ก็จะมีคนแนะนำงานให้โดยไม่ต้องสัมภาษณ์อีก เพราะมีประสบการ์แล้ว ตัวผู้เขียนเองก็ได้งานต่อๆ มา จากงานที่เคยทำแล้ว เจอเจ้าของแบรนด์อื่นๆ เค้าเห็นเราทำงานได้เค้าพอเค้ามีงานที่ไหนก็จะชวนเราไปทำเอง แทบไม่ต้องหางานใหม่บ่อยๆ มีงานป้อนให้ตลอดอยู่ที่เราจะรับทำหรือไม่

3. ส่วนเรื่องอื่นก็จะมีแค่ ห้ามมีรอยสัก หากมีก็ต้องปิดให้มิดชิด ห้ามให้เห็น อันนี้ก็เข้าใจ ในส่วนของภาพลักษณ์ของแบรนด์

4. ต้องมีความอดทน ไม่ทิ้งร้านหายไปนานๆ ซึ่งผู้เขียนเคยเห็น คนถูกให้ออก เพราะไม่ค่อยอยู่ร้านหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ  ดังนั้นคุณสมบัติหนึ่งต้องมีคือความอดทน

5. ความซื่อสัตย์ หากจะต้องทำงานที่ต้องรับผิดชอบของๆ คนอื่นแล้ว ความสื่อสัตย์ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะ สินค้าบางแบรนด์เค้าจะนับให้ครบถ้าขาดหรือหายก็ต้องไปดูว่าหายไปไหน บางแบรนด์นั้นให้เก็บเงินสดเลยซึ่ง อาจจะล่อตาล่อใจของพวกที่โลภมากได้ ผู้เขียนเคยรับรู้มา บางร้านพีซีแอบเอาเงินของแบรนด์นั้นไป สุดท้ายทางแบรนด์จับได้ จนต้องฟ้องร้องกัน และมีประวัติไม่ดีติดตัว ดังนั้นแล้วอย่าได้หาทำ เพราะอนาคตในการทำงานนั้นแทบไม่มีเลยหากมีคดีติดตัว จงซื่อสัตย์และรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง

9..เตรียมตัวอย่างไรในการทำงานนี้

การทำงานนี้แทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย แค่รู้ว่าร้านอยู่ตรงไหน แล้วไปทำงานให้ตรงเวลา เช็คดูว่าเค้าให้แต่งกายยังไงก็แต่งตามเค้า บางแบรนด์หรือบางพื้นที่ ก็ไม่ได้เคร่ง เรื่องการแต่งกายมากนัก แค่ให้สุภาพก็พอ  ดังนั้นการเตรียมตัวก็ดูให้แค่เหมาะสมก็พอ ทำตามระเบียบที่เค้าวางไว้แค่นั้นก็พอ

10.หางานได้จากที่ไหน

ในปัจจุบัน เมื่อมีโลกออนไลน์ การหางานจึงง่ายกว่าแต่ก่อนมาก งานพีซี โปรโมชั่นในปัจจุบันนั้นสามารถหาในกลุ่มเพจ ต่างๆ บน เฟซบุ๊ก ได้อย่างง่ายดาย เช่น กลุ่มงานพีซี แล้วยังมีกลุ่มงานตามพื้นที่หรือเขตต่างๆ ที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อนๆ ให้เลือกสมัครได้ ดังนั้นเพื่อนๆ ลองเข้าไป เสิร์ช หาดูในกลุ่ม เพจเฟซบุ๊ก ได้เลยนะคะ การหางานนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ลองเข้าไปหาดูกันนะคะ

เป็นยังไงบ้างคะกับการ แชร์ประสบการณ์ อาชีพเสริม ช่วงโควิด-19พนักงานพีซี (บูธโปรโมชั่น) ในห้างสรรพสินค้าของผู้เขียน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้เขียนหวังว่าเพื่อนๆ ที่กำลังหางานทำ คงจะเข้าใจ เรื่องการทำงานนี้ ขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ได้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ในการตัดสินใจในสมัครทำงานนี้ ด้วยรายได้ที่มากกว่า ค่าแรงขั้นต่ำ แต่ก็ต้องแลกมากับเวลาที่เสียไป ต้องชั่งใจว่าตัวเพื่อนๆ เองจะคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะทำหรือไม่  ส่วนตัวผู้เขียนเองก็หวังว่า การแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้าง ไม่มากก็น้อย ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนโชคดี ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ และรักที่จะทำมัน หากยังไม่ใช่งานที่ชอบ แค่อยากจะหาประสบการณ์ เอาเงินมาไว้กินหนม เหมือนที่ผู้เขียน เจอกับเด็กมหาวิทยาลัย มาทำบ่อยๆ  ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดี ที่จะได้รู้จริงๆ ว่าตัวเองชอบอะไร และทำอะไรได้ดี แถมได้เงินไว้ใช้โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ด้วย สุดท้ายนี้ ไม่ว่างานไหน ก็มีทั้งยากและง่าย จงเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่ออนาคต แล้ววันหนึ่งเพื่อนๆ จะขอบคุณกับประสบการณ์ที่เจอ

ภาพประกอบโดย  ผู้เขียน (แสงอาทิตย์ยามเช้า)

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์