อื่นๆ
แชร์ประสบการณ์ เกือบเสียแมวให้โรคพยาธิเม็ดเลือด
ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแมวคือสัตว์เลี้ยงที่นิยมมาก อาจเพราะเป็นสัตว์หน้าขนที่น่ารัก ออดอ้อนเก่ง ขนาดตัวไม่ใหญ่มากและเป็นเพื่อนยามเหงาที่ดี แต่การดูแลอีกชีวิตย่อมมีสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือโรคภัย วันนี้ขอนำเสนอประสบการณ์การจริงของแมวที่ติดเชื้อพยาธิเม็ดเลือด
แมวที่นำมาเล่านี้ แม่แมวได้มาคลอดไว้ที่หลังบ้าน แรกเกิดเป็นแมวตัวผู้อ้วนพี สีขนขาวแกมด้วยสีส้ม ประมาณ 3 เดือนต่อมา แมวน้อยเริ่มมี อาการแปลกๆ คือ ไม่ทานอาหารแม้แต่ข้าวคลุกปลาทูที่โปรดปรานก็ไม่สนใจ มีอาการซึม ขนฟู นั่งนอนขดตัวคล้ายเป็นไข้ เดินหมดเรี่ยวแรงและเซไปเซมาเล็กน้อย จิบน้ำเปล่าอย่างเดียว มีเหตุการณ์ที่จำได้ชัดเจนคือ ปกติแล้วลูกแมวจะหย่านมที่อายุ 1-2 เดือน ซึ่งแมวตัวนี้ก็ไม่ได้กินนมแม่แล้วอยู่ดีๆ ก็กลับไปดูดนมแม่แมวเสียงดังคล้ายพยายามเค้นน้ำนมซึ่งไม่มีน้ำนมออกมา
Advertisement
Advertisement
เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจพาแมวไปโรงพยาบาลสัตว์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้รับคำตอบว่า มีความเสี่ยงเป็นธาลัสซีเมีย โดยหมอทำการเจาะเลือดแต่เนื่องจากแมวไม่ได้รับอาหารกับน้ำเพียงพอจึงต้องเค้นเลือด ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด พาแมวกลับบ้านพร้อมด้วยยากินรักษาตามอาการ ผ่านไป 1 สัปดาห์ อาการก็กลับมาเป็นเช่นเดิม จึงพาแมวไปคลินิกสัตว์ในตัวอำเภอ เปลี่ยนสถานที่รักษา หมอวินิจฉัยว่าเป็นพยาธิเม็ดเลือด ควรรีบรักษาให้ไวที่สุด ด้วยความสงสารแมวก็ตั้งใจให้อยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ ในตอนแรกคลินิกจะไม่รับฝากแล้วเพราะเป็นแมวไม่ทราบประวัติ แต่ก็ได้รับความเมตตาจากคุณหมอให้ฝากแมวไว้ที่คลินิกหลายคืน
หลังจากนั้น แมวก็มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตามคำบอกเล่าของคุณหมอว่ากินอาหารได้เยอะเป็นปกติ ไร้อาการซึม ทางผู้เขียนได้รับความรู้มาว่าเชื้อพยาธิที่เป็นปรสิตใช้เห็บ หมัดเป็นพาหะ เมื่อแมวของเราถูกเห็บ หมัดที่มีเชื้อกัด แมวก็จะเป็นโรคนี้ คุณหมอให้คำแนะนำว่าควรหยอดยา เห็บ หมัด ให้แมว 1 ครั้งต่อเดือน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ซ้ำให้น้อยที่สุด
Advertisement
Advertisement
หลังจากระยะฟื้นฟู แมวใช้ชีวิตได้ปกติ ร่าเริงแม้ร่างกายจะเติบโตช้า คงเป็นผลมาจากการป่วยเป็นโรค เปรียบเทียบเช่นเดียวกับเด็กที่ป่วยตั้งแต่เด็ก พัฒนาการจึงไปได้ไม่เต็มที่ สุดท้ายนี้อยากฝากให้ทาสแมวคอยดูพฤติกรรมของคุณเหมียวว่าแปลกไปจากเดิมหรือไม่ ถ้าใช่ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ สำคัญที่สุดคือระวังแมลงดูดเลือดตัวจิ๋วที่อาจพรากชีวิตเจ้านายตัวน้อยของคุณ
ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน:คุณแมวถุงทอง
ความคิดเห็น