ไลฟ์แฮ็ก
ไปทำ Au Pair กันเถอะ

นอกจาก Work And Travel ของอเมริกา กับ Work And Holiday ของออสเตรเลีย ที่หลายคนได้ยินมาบ้างแล้ว ส่วนมากไป 3-4 เดือนเพื่อทำงานไปด้วย เที่ยวด้วย แต่ก็มีกฎของวีซ่าที่แตกต่างของประเทศนั้นอยู่ แต่ก็มีโครงการอีกโครงการหนึ่งก็คือ Au Pair เวลาที่จะไปทำออแพร์ (Au Pair) นั้น ทุกคนจะนึกถึงไปทำที่อเมริกาก่อนอันดับแรก แล้ว Au Pair คืองานอะไรล่ะ มีแค่อเมริกาจริง ๆ หรือ?
Credit pic : pexels
Au Pair ก็คืองานพี่เลี้ยงเด็ก เป็นงานแบบ Fulltime ทำงานบ้าน เช่น ทำอาหาร อาบน้ำซักผ้า จะพักอาศัยในบ้านพักของครอบครัวอุปถัมภ์ (Host Family) ในประเทศนั้น ๆ การทำออแพร์ส่วนมากจะรับคนต่างชาติเข้ามาทำงาน มีค่าแรงให้ไม่ว่าจะรายสัปดาห์หรือรายเดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่ระบุไว้ จะต้องมีความใจเย็น รักเด็กมากในระดับหนึ่ง เพราะขึ้นอยู่กับโฮสต์ว่าจะให้ดูแลเด็กในช่วงอายุเท่าไหร่ บ้างอาจจะเป็นเด็กโต เด็กเล็ก และเด็กทารกที่เพิ่งเกิดจนกระทั่งหัดเดิน
Advertisement
Advertisement
Credit pic : pexels
ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ Au Pair
การรับผู้สมัครต่างชาติเข้ามา ช่วงอายุจะไม่เกินตามที่ประเทศนั้นกำหนดเลย และจะไม่ต่ำกว่า 18 ปีตามกฎหมายของประเทศต้นทาง
1. กลุ่มประเทศที่รับผู้สมัครอายุ 18-25 ปี
- Germany
2. กลุ่มประเทศที่รับผู้สมัครอายุ 18-26 ปี
- Belgium
3. กลุ่มประเทศที่รับผู้สมัครอายุ 18-27 ปี
- USA
4. กลุ่มประเทศที่รับผู้สมัครอายุ 18-30 ปี
- Norwey
- Denmark
- Sweden
- France
- Netherlands
- Australia
5. กลุ่มประเทศที่รับผู้สมัครอายุ 18-65 ปี
- Canada
เราสามารถทำงานและได้รับเบี้ยเลี้ยงตามที่กำหนดไว้ในแต่ละประเทศได้ แล้วเราสาามารถเลือกลงว่าจะไป 3, 6, 9 และ 12 เดือนได้ จะได้เปรียบกว่าในกรณี Work And Travel ตรงที่ถ้าหมดโครงการแล้วสามารถเที่ยวต่อได้เดือนนึง แต่ไม่สามารถทำงานต่อได้ ส่วนออแพร์ต่อระยะเวลาได้หลังจากทำครบกำหนดตามที่ลงไปนั้น แล้วเรายังทำต่อโดยไม่ผิดกฎวีซ่าของแต่ละประเทศ และไม่ผิดกฎหมายด้วย แนะนำว่าถ้าจะลุยทำงานต่างประเทศ ควรลองมาออแพร์ก่อน จะได้ไม่มีปัญหาวีซ่าถ้าเราตั้งใจจะทำงานในต่างประเทศจริง ๆ
Advertisement
Advertisement
Credit pic : pexels
แนวทางในการทำงานออแพร์
1. คุณสมบัติการรับสมัคร
ต้องดูว่าการรับสมัครแต่ละประเทศว่าจำกัดขั้นต่ำไหม คุณสมบัติมีอะไรบ้าง รับชา⁶ยหรือหญิง ส่วนมากจะรับผู้หญิง (ถ้าจบครูหรือพยาบาลมาจะได้เปรียบ) แล้วปลายทางต้องการทำในระยะเวลาเท่าไหร่ ที่สำคัญไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือไม่มีประวัติเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ เราจะต้องแข็งแรงดี
2. ที่บ้านโอเคไหม
ถ้าเรามีข้อมูล วัฒนธรรมที่โน่นว่าเขาเป็นยังไง แล้วที่บ้านโอเคก็แล้วไป แต่ถ้าไม่โอเคก็ต้องคุยกันดี ๆ ตั้งแต่เนิ่น ๆ ถามเลยว่าเพราะอะไรถึงไม่โอเค ถ้าหากไม่โอเคจริง ๆ ก็ลองเปลี่ยนแนวอื่นดู
3. ศึกษาเรื่องวีซ่า
ยกตัวอย่าง ถ้ากรณีไปอเมริกา วีซ่าจะเข้ายากที่สุด ควรศึกษาข้อมูลวีซ่าและกฎหมายในแต่ละรัฐด้วย เนื่องจากเป็นรัฐรวม จะปกครองแบบรัฐใครรัฐมัน ส่วนของออสเตรเลีย กฎหมายจะยืดหยุ่นกว่า และวีซ่าจะดำเนินการเร็วกว่าของอเมริกา ฉะนั้นถ้าจะไปประเทศที่กล่าวมาข้างต้นหรือไปที่อื่น ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ
Advertisement
Advertisement
4. สแกน Agency ดี ๆ
การได้เอเจนซี่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ต่อให้โครงการแพงแค่ไหน ต้องไม่เห็นแก่เงินอันดับแรก และจะต้องดูแลเราดีตลอดไปทำออแพร์ อีกทั้งต้องช่วยเหลือด้านความปลอดภัย ข้อกฎหมายเบื้องต้นให้กับผู้ที่จะไปด้วย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นอีกทาง
5. อย่าเลือก Host Family จากเว็บไซต์หาเอง ให้เลือกจากเอเจนซี่เสนอ
เพราะเอเจนซี่จะแสกนว่าครอบครัวนี้เข้ากับเราได้ไหม จะตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และตรวจสอบว่ามีคุณสมบัติดีพอที่จะให้เราไปทำได้ไหม ทั้งนี้ไม่ควรหาจากเว็บไซต์เอง เพราะไม่ได้แสกนความปลอดภัยจากเอเจนซี่โดยตรง จะเป็นการได้มาโดยไม่คุ้มเสียเปล่า ๆ
6. คำนวณค่าใช้จ่าย
นอกจากคำนวณว่าได้เบี้ยเลี้ยงเท่าไหร่ ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายส่วนตัวว่า ไปที่โน่นใช้งบเท่าไหร่ถึงจะพอในแต่ละเดือน สกุลเงินอะไร เพราะแต่ละประเทศมีอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกัน ให้ไปดูที่ธนาคารว่าเรทเท่าไหร่ในช่วงที่เราจะไปออแพร์ ส่วนใหญ่ประเทศที่นิยมไปทำออแพร์ ส่วนใหญ่จะเป็นโซนยุโรปกับอเมริกา คำนวณค่าใช้จ่ายดี ๆ
Credit pic ภาพปก : https://www.pexels.com/photo/woman-reading-book-to-toddler-1741231/
ความคิดเห็น






