ไลฟ์แฮ็ก
"ไม่โอเคกับพี่เลี้ยงเลย" 10 วิธีรับมืออารมณ์ตนเอง เมื่อเราไม่โอเคกับพี่เลี้ยงในที่ฝึกงาน

Credit pic : https://unsplash.com/photos/slWBjTGhREQ
สวัสดีจ้าทุกคน...บทความนี้จะเป็นเรื่องของการฝึกงาน แน่นอนว่าทุกคนจะมีหัวหน้า มีพี่เลี้ยง อย่างละคน หรือหัวหน้ากับพี่เลี้ยงเป็นคนเดียวกัน ผู้เขียนเองจะแชร์ประสบการณ์กับการฝึกงานที่รู้สึกว่า มันไม่ใช่ Feeling ที่คิดไว้ มันข่มเกินไป โดนบูลลี่เกินไป โดนแซะจนเกินไป หรือบางคนอาจจะโดนเขม่นจนเกินลิมิตไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม เอาง่าย ๆ คือ ไม่ว่าฝึกงานจะเป็นงานอะไร เราต้องทำอะไร หรือเราอาจจะอดทนกับสิ่งนั้น จนเราเริ่มรู้สึก "ไม่โอเคกับพี่เลี้ยงเลย"
เอาล่ะ...เป็นธรรมดาที่เด็กอย่างเราจะรู้สึกแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เราก็แก้ไขอะไรที่เขาไม่ได้นอกจากตัวเราเอง จะมาแนะนำ 10 วิธีการจัดการอารมณ์ตนเอง รับมือกับพฤติกรรมของพี่เลี้ยงเหล่านั้นให้เป็น
Credit pic : https://unsplash.com/photos/wD1LRb9OeEo
Advertisement
Advertisement
10 วิธีรับมืออารมณ์ตนเอง เมื่อเราไม่โอเคกับพี่เลี้ยงในที่ฝึกงาน
1. "น้ำนิ่งไหลลึก" เอาไว้ก่อน
บางเรื่องเราต้องเงียบบ้าง ไม่ใช่แปลว่าให้เรารูดซิบปากจนมิดชิด ไม่ให้เอ่ยอะไร แต่เราก็ควรนิ่งเพื่อคิด นิ่งเพื่อสังเกตบรรยากาศที่ฝึกงานว่า เกิดอะไรขึ้น เป็นยังไง และสังคมโดยรอบอะไรเป็นปัจจัยให้เรารู้สึกไม่ดี เรานิ่งเพื่อสังเกตคนเหล่านั้นเพื่อที่เราจะได้ "อยู่เป็น" กับสังคมที่เราไม่ถูกสเปก และช่วยให้เรามีสติทั้งในการเรียนรู้งานและมีสติในการใช้ชีวิตท่ามกลางคนที่เราไม่ชอบได้
2. ถ้าเขาโจมตีเรา "จงสุภาพ"
ความสุภาพไม่เสียหายอะไรเลย...สุภาษิตนี้สามารถใช้ได้จริง เพราะความสุภาพก็เป็นเสน่ห์ สื่อให้เห็นว่าเรามีความหนักแน่นทางความคิด ทางจิตใจ ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา การอ่อนน้อมก็สื่อว่าเราเป็นคนมารยาทดี แม้ว่าใครจะหยาบคาย หรือโจมตียังไง เราก็คือคนที่ดูดีที่สุด ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง สิ่งเหล่านั้นจะย้อนเข้าหาผู้กระทำตัวแบบนั้นเสมอไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่างน้อยดีกว่าหยาบคายให้ภาพตีกลับหาตัวเอง...จริงไหมจ๊ะ?
Advertisement
Advertisement
3. ทำหูทวนลมไว้บ้าง ถ้ามีอะไรขัดใจ
การที่เราจะเป็นมืออาชีพไม่ควรเอาเรื่องรกหูมาใส่ใจ เราควรเรียบเรียงลำดับความสำคัญให้เป็นว่าอะไรควรโฟกัสจุดไหน ไม่ว่าเขาจะซุบซิบยังไง ทำหูทวนลมไว้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ไม่ใช่บื้อจนอีกฝ่ายบูลลี่ได้ทุกเมื่อ
4. แกล้งโง่ให้เป็น
การที่เราแกล้งโง่ก็เหมือนกับการ Play Safe ให้ตัวเองว่า บางเรื่องเราก็ต้องแกล้งโง่ดูเพื่อเก็บข้อมูล เก็บรายละเอียดทั้งตัวพี่เลี้ยงเองและสิ่งที่อยู่รอบตัว บางครั้งยิ่งเราอวดฉลาดมากเท่าไหร่ เราจะถูกเพ่งเล็ง หมั่นไส้มากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้ และจะจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกด้วยนะ
5. ตบด้วยของกิน
แม้ว่าเราจะไม่ชอบพี่เลี้ยงแค่ไหน แต่การให้ของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ซื้อชานมไข่มุก เอาขนมมาเลี้ยงในที่ฝึกงาน เลี้ยงตามกำลังที่มี หรือไม่ก็สั่ง Grab เข้ามา หรือถ้ามีงบจำกัดก็ลองแกล้งถามดูว่าจะฝากให้ซื้ออะไรไหม จะได้แวะไปที่นั่นที่นี่ที่ไหนก็ว่าไป เขาจะได้รู้ว่าเรามีน้ำใจ ให้เขาแปลกใจด้วยของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ และรู้จักปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอีกด้วย
Advertisement
Advertisement
Credit pic : https://unsplash.com/photos/YXemfQiPR_E
6. บ่นกับเพื่อนที่ชะตาเดียวกัน
การที่เราได้ระบายอะไรก็ตามเป็นการปลดปล่อยความเครียด ไม่ว่าจะบ่นหรือร้องไห้ออกมา จะช่วยบรรเทาความเฟลในใจลงได้ อาจจะเจอตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ซึ่งการฝึกงานก็เป็นจุดเริ่มต้นการเริ่มจะมีความเครียดเข้ามาด้วย ฉะนั้น การที่เราได้บ่น ได้พูดอะไรบ้างเราจะรู้สึกดีขึ้น บางทีเราก็จะได้สติ ได้แนวคิดที่ดีเข้ามาในชีวิตของเราบ้างล่ะ แต่ขอย้ำว่าคุยกับคนที่ไว้ใจดีกว่า เพราะถ้าระบายกับคนที่ไม่ชอบเรา ปากคนอาจจะยาวกว่าปากกาก็ได้
7. ไม่โอเคก็พูดไปตรง ๆ อย่างนุ่มนวล
ถ้ากรณีที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดอย่าเพิ่งโต้เถียงทันที เพราะมันจะดูว่าเราก้าวร้าว แต่ต้องรอใจเย็น ๆ ก่อนแล้วคุยกันตรง ๆ คุยอย่างนุ่มนวลไปเลยว่า ไม่โอเคกับสิ่งที่ทำนะ ไม่พอใจที่ทำแบบนี้เลย จะเป็นวิธีการพบกันครึ่งทางอีกแบบหนึ่ง ส่วนเขาจะเอาไปนินทาต่อหรือไม่ อยู่ที่แต่ละบุคคลแล้วล่ะ ถ้ามีสามัญสำนึกจริงจะไม่เอาไปนินทาพร่ำเพรื่อ
8. ปรึกษาที่บ้าน หรือคนที่เรารัก
ถ้าเป็นเรื่องที่เราไม่สบายใจ สามารถพูดคุยกับทางบ้าน หรือคุยกับคนที่รัก ใครจะหาว่าเราเป็นคนขี้ฟ้องก็แล้วแต่ ทนเท่าที่ลิมิตเรารับไหวพอ ไม่ต้องยอมจนเราเสียความเป็นตัวเอง ไม่ว่าใครจะใช้วิธีไหนทำกับเรา ต้องหนักแน่นทางจิตใจให้มาก ๆ จะได้ดึงสติในยามที่เราตกใจหรือวิตกกังวล ถ้าเราได้ข้อคิดจากทางบ้านที่เป็นผู้ใหญ่หรือคนที่เรารัก มันจะเป็นยาชูกำลังใจที่ดีมาก อย่างน้อยในยามที่ไม่โอเคกับที่ฝึกงาน หันไปเห็นความสบายใจ มันก็ชื่นใจมากเลยล่ะ...ว่าไหม
9. อะไรที่เกินควบคุม ให้ "ช่างแม่ง"
คำว่า "ช่างแม่ง" ไม่ได้แปลว่าเราไม่สนใจสิ่งใดเลยที่อยู่รอบตัว แต่การช่างแม่งเป็นการปล่อยในเรื่องที่นอกเหนือการควบคุม ไม่ให้คิดให้รกหัวใจ เพราะถ้าคิดมาก มันจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้งานได้ ฉะนั้นอะไรที่ยากเกินกำลังเรา ลำดับความสำคัญให้เป็น แล้วเราจะจัดการอารมณ์หยุมหยิมได้ไม่ยาก
10. คุยกับอาจารย์ประจำนิเทศ
กรณีที่โดนคุกคามรุนแรง ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม จนเราไม่ต่างอะไรจาก "หัวเดียวกระเทียมลีบ" เราควรปรึกษาอาจารย์นิเทศ (อาจารย์ที่ปรึกษาในช่วงฝึกงาน) เอาไว้บ้างก็ดี เพื่อหาทางป้องกัน ช่วยเราในยามฉุกเฉินได้ ถ้ามีปัญหา อาจารย์จะช่วยแนะนำ ซักถาม บอกกล่าวเราว่าในช่วงนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง จะได้มีแผนรับมือกรณีพี่เลี้ยงรุมเด็กฝึกงานด้วยวิธีต่าง ๆ ได้มาก ใครเจอแบบบูลลี่รุนแรงทั้งชีวิตจริงและในโซเชียลมีเดีย ปรึกษากับอาจารย์นิเทศไว้เลย จะได้แก้ไขปัญหาที่เราเจอได้
Credit pic ภาพปก : https://unsplash.com/photos/slWBjTGhREQ
ความคิดเห็น






