อื่นๆ

ไม่ได้อดๆ อยากๆ แต่ต้องปากกัดตีนถีบ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ไม่ได้อดๆ อยากๆ แต่ต้องปากกัดตีนถีบ

เริ่มเกริ่นในชื่อเรื่อง ท่านผู้อ่านก็น่าจะทราบแล้วนะครับ ว่าบทความนี้ ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์ที่อยากหยิบยกให้ได้อ่านกันก็คือ เป็นเรื่องของการสู้ชีวิต ที่บางสถานการณ์นั้น เราก็ไม่สามารถที่จะเลือกได้ครับ ว่าเราจะต้องประสบพบเจอกับอะไร ด้วยคนเรานั้น มีต้นทุนของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ดังนั้น สิ่งที่จะทำให้คุณเดินต่อไปได้คือ วิธีคิดที่ว่า "ทุกวิกฤตของคุณคือโอกาส" ผู้เขียนขอเน้นคำว่า ทุกวิกฤตินะครับคือโอกาส ที่จะทำให้เราก้าวต่อไปมีลมหายใจต่อไป ไม่ใช่ว่าพบเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคเล็กน้อย แล้วจะต้องมาคิดท้อแท้ มาคิดหนัก จนถึงขั้นปลงกับชีวิต เพราะบางครั้งเพียงแค่เราปรับความคิด   มีมุมมองที่เปลี่ยนไป ก็จะทำให้เรานั้น....เปลี่ยนชีวิตของเราได้

เนื้อหาที่จะกล่าวต่อไปนี้นั้น แท้จริงแล้ว ก็คือส่วนหนึ่งของวิถีของชีวิตที่สำคัญ และยิ่งใหญ่ของผู้เขียนเอง ที่ได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ เพื่อที่จะต่อสู้ดิ้นรนให้ตัวเองและมีชีวิตรอดได้ ชีวิตมนุษย์เราทุกคนนะครับ ต่อสู้ตั้งแต่ยังเป็นเพียงแค่เซลล์ จนกระทั่งมีชีวิต ตั้งแต่กระบวนการปฏิสนธิคุณจะต้องต่อสู้กับสิ่งที่ยังไม่ได้เรียกว่าชีวิตด้วยซ้ำ แต่คุณคือผู้ชนะแล้วคุณ ก็ได้ลืมตาดูโลกใบนี้

Advertisement

Advertisement

แล้วจะทำอย่างไรล่ะครับ ในวันที่ทุกอย่างมันแย่ เรื่องราวของผู้เขียนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนยุคของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็น  มหาวิกฤติของมวลมนุษยชาติเสียด้วยซ้ำ แต่เสียดายที่การเข้ามามีโอกาสเขียนบทความเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือให้แง่คิดกับผู้คนของผู้เขียนนั้น อาจจะเดินทางมาช้าไปนิด แต่สิ่งที่ผู้เขียนมองเห็นคือ โอกาสที่ผู้เขียนจะได้สะท้อนมุมมอง หรือประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า และมีน้ำหนักมากพอ ที่ ประสบพบเจอมาด้วยตนเอง และเอาตัวรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ คำว่า "ตกงาน" มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ ณ วันที่ผู้เขียนได้พรรณนาเป็นตัวหนังสือในวันนี้ ชีวิตผู้เขียนนั้นค่อนข้างมั่นคงแล้ว แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้นั้น ผู้เขียนรู้เพียงว่า ว่าหัวใจของผู้เขียนกำลังเต้น เลือดทุกหยดของผู้เขียน เซลล์ในร่างกายของผู้เขียนทุกเซลล์ กำลังเต้นชนิดที่เรียกว่ายอมแพ้ไม่ได้

Advertisement

Advertisement

อดีตผู้เขียนเป็นนักออกแบบเครื่องประดับครับ เป็นลักษณะงานฟรีแลนซ์ ผู้เขียนทำอยู่ 2 บริษัท และแล้วในวันที่การเสพของสินค้าฟุ่มเฟือยนั้นเปลี่ยนไป ผู้เขียนก็คนหนึ่งครับที่ถูก layout ออกจากบริษัท ซึ่งกว่าจะได้วิชาความรู้ในกระบวนการออกแบบนั้น เริ่มแรกผู้เขียนจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการกำเนิดของอัญมณี รวมไปถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกว่าจะเป็นเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นโลหะที่ใช้ทำ หรือ กระบวนการออกแบบ ซึ่งผู้เขียนได้ให้น้ำหนัก และให้คุณค่ากับการออกแบบเครื่องประดับเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยเป็นคนที่ชอบเกี่ยวกับการออกแบบเป็นทุนอยู่แล้ว จึงเลือกในสิ่งที่คิดว่าดีกับและเหมาะสมกับตน แต่ใครจะคิดล่ะครับ ว่าความงามที่เห็นอยู่นั้นเบื้องหลัง.....ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เป็นธรรมดาครับ มีด้านดีงามภาพสวย ก็ย่อมมีด้านที่ภาพเบลอๆ สีอึมครึม การออกแบบเครื่องประดับนั้น เบื้องลึกจึงมากกว่าการไปนั่งวาดๆ เขียนๆ เพราะเราจะต้องต่อผลงานกับหัวหน้างานเจ้าของบริษัท รวมถึงช่างที่จะต้องผลิตผลงานต้นแบบชิ้นแรกออกมา แต่สิ่งที่สะท้อนกลับมาก็คือ สิ่งที่เราออกแบบนั้นมันอวกาศเกินไปหรือไม่ ทำได้จริงไหม ซึ่งด้วยความที่เป็นตัวของเรา เราก็จะต้องแสดงให้เขาเห็นว่ามันทำขึ้นได้จริง ผู้เขียนจำต้องหัดแกะสลักที่เรียกว่างานมาสเตอร์พีช หรือที่เรียกกันในภาษาช่างว่า "งานช่างแว็กซ์" แน่นอนครับ อุปกรณ์การแกะนั้นก็เป็นการแกะด้วยมือ มีดที่ใช้ที่คมที่สุดก็คือมีดผ่าตัดครับ คุณผู้อ่านลองคิดดูครับว่าถ้าพลาดพลั้งถูกมือเราจะเป็นอย่างไร ในคนที่ชำนาญแล้ว ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่สำหรับพี่คนที่เริ่มต้นใหม่รับรองว่าเจ็บปวดน่าดู

Advertisement

Advertisement

งานช่างจิวเวลรี่

เมื่อคำว่า "ตกงาน" เกิดขึ้นกับชีวิต แต่ความท้อแท้นั้นไม่มี ตัวผู้เขียนก่อนที่จะมาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับนั้น ผู้เขียนก็ต้องเรียนเพิ่มเติมด้านการออกแบบเครื่องประดับ กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านให้คำนิยามที่ว่า "แหวนก็ต้องมาเป็นโต๊ะได้ จี้ หรือต่างหูก็ต้องกลับไปเป็นเก้าอี้ได้" คำพูดนี้แหละครับที่ผุดขึ้น ในวันที่ชีวิตผู้เขียนนั้นอยู่ในจุดที่เรียกว่าตกต่ำที่สุด ผู้เขียนจึงเลือกทำวิกฤตให้เป็นโอกาสช่างไม้


ลักษณะลวดลายในการฉลุ และแกะสลักไม้ กรงนก )

ผู้เขียนผันตัวเองมาเป็นช่างทำกรงนกหัวจุกครับ ที่มีความเกี่ยวพันกันในเรื่องของลวดลายการออกแบบ แต่วัตถุดิบที่ทำแตกต่างกัน ผู้เขียนต้องเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองโดยเริ่มจากสิ่งที่เราถนัดที่สุดก็คือ การออกแบบ แต่พอออกแบบแล้วมันทำได้จริงหรือไม่ล่ะ มันเพี้ยนจากความเป็นจริง แต่ผู้เขียนก็พยายามทำจนสำเร็จ กรงนกหัวจุกใบแรกของผู้เขียน ไม่ใช่ กรงที่สวยงามอะไร แต่ทุกวันนี้ยังเก็บไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่านี่แหละ "กรงใบแรกของผม" ผู้เขียนต้องไปเรียนรู้เกี่ยวกับชนิดของไม้ ว่ามีชื่อแตกต่างกันอย่างไร มีลักษณะของเนื้อไม้แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งแน่นอนครับไม้แต่ละชนิดนั้นความยากง่ายในการทำก็แตกต่างกัน ผู้เขียนจึงต้องไปเรียนรู้กับช่างเฟอร์นิเจอร์ โชคดีครับที่ผู้เขียนเป็นคนที่ผู้ใหญ่รักและเอ็นดู และให้การสนับสนุน จึงได้เรียนรู้กับช่างเฟอร์นิเจอร์ท่านหนึ่ง ตอนนี้ท่านก็มีอายุมากแล้ว แต่สิ่งที่ผู้เขียนได้ก็คือ กระบวนการและวิธีการเกี่ยวกับการทำไม้ จากนั้น ก็เริ่มผลิตกรงที่ถูกมาตรฐานขึ้น เลือกวัตถุดิบไม้ได้ดีขึ้น และยิ่งทำบ่อยๆ จนได้สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ "ทักษะ" ผู้เขียนขายกรงใบแรกได้จนได้ และนั่นก็คือที่มาของการ แปลสภาพตัวตนจาก Jewelry Designer มาเป็นช่างกรงนกหัวจุก

ผู้เขียนประกอบอาชีพทำกรงนกเพื่อเลี้ยงชีพเป็นเวลา 8 เดือน แม่วันนี้ทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้วแต่ผู้เขียนไม่เคยลืมครับ การทำกรงนกขาย ยังคงเป็นหนึ่งงานอดิเรกที่สร้างรายได้ให้ผู้เขียนมาเรื่อยๆ ถึงแม้จะเป็นงานในลักษณะของ Active Income แต่นั่นก็ทำให้ผู้เขียนมีความสุข เชื่อเถอะครับทุกคนล้วนมีวิกฤต แต่คุณจงมองหาเส้นทาง และอย่าปิดกั้นการเรียนรู้ของตัวเอง ให้คุณทุ่มเทตั้งมั่นทำบางสิ่งบางอย่าง เพียงเท่านั้นก็ทำให้คุณอยู่รอดได้แล้วในสังคมลักษณะงานกรงของผู้เขียน

จงสร้างกำลังใจให้กับตัวเองครับ ท้อแท้มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เราจะต้องก้าวต่อไป เราหยุดชีวิตอยู่ตรงนั้นไม่ได้ สิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปคือการวางแผน และตามหลักการที่ผมเคยสัมผัสมาแล้วนั้นแผน 1 ใช้ไม่ได้เสมอ แต่ทำไมต้องมีแผนที่ 1 เพราะแผนที่ 1 นั้นทำให้เกิดแผนที่ 2 3 4 และแผนที่ใช้ได้จริงก็คือแผนถัดๆ ไปจากแผ่นที่ 1 ดังนั้น ชีวิตเราต้องกำหนดแผนจะกำหนดเป้าหมายที่ไม่สูงจนเกินไป เป้าหมายที่คุณสามารถเข้าไปคว้าได้สัมผัสได้ แล้วก็หากระบวนการวิธีการที่จะเข้าผ่านอุปสรรคเพื่อไปถึงเป้าของคุณตรงนั้นถูกคาดว่ามันอาจจะยาก แต่คุณเชื่อหรือไม่ครับว่าคนที่กำลังร่ายบทความให้คุณอ่านอยู่นี้ เคยต่อสู้และมีกำลังใจที่สามารถข้ามผ่านอุปสรรค และกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองมาโดยตลอดกว่าจะมีงานที่มั่นคงถึงทุกวันนี้ เรื่องราวต่างๆนี้ ผู้เขียนอยากให้เป็นกำลังใจกับทุกๆคน นี่เป็นเพียงหนึ่งส่วนของชีวิตความพลิกผันของผู้เขียน  แต่ผู้เขียนเลือกที่จะปักหลักต่อสู้โดยไม่คิดหนี น้ำตาลูกผู้ชายไหลหลั่งนั้นมันเกิดขึ้นได้ตลอดครับ แต่เลือกที่จะร้องไห้แบบไม่ให้ใครเห็น เก็บความอ่อนแอทุกอย่างของผมไว้ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น

คุณอาจจะเริ่มมองหาจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวของคุณ เพื่อที่จะแปรสภาพบางอย่าง คุณทำอย่างไรก็ได้ที่จะไม่ให้ทุนของคุณไม่ว่าจะเป็นทุนทางด้านของเงิน หรือพละกำลัง มันต้องสูญไปอย่างสิ้นเปล่าแต่จงทำมันให้เกิดผลประโยชน์บางอย่างเกิดขึ้น วิธีการที่ทำให้คุณมีกำลังใจบางครั้งการคิดเพื่อที่จะสู้เพื่อตัวเอง กำลังใจมันมีนะครับ แต่มันน้อย คุณอาจจะต้องคิดถึงคนที่อยู่ข้างบน คนที่อยู่ข้างหน้า คนที่อยู่ข้างๆ และคนที่อยู่ข้างหลังคุณ ชีวิตของผู้เขียน ที่สามารถยืนหยัดอยู่ มีชีวิตรอดได้ถึงทุกวันนี้ ใช้วิธีการคิดที่ว่า...ผู้เขียนขอทำให้พ่อกับแม่ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมจะคิดทำเพื่อตัวผมเองโดยตลอด แต่ผลลัพธ์หลังจากการกระทำที่คิดอย่างนั้นก็ยังไม่ประสบความสำเร็จครับ แต่เมื่อผู้เขียนเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้พ่อกับแม่ ก็ราวกับว่าบุญบารมีบางอย่างช่วยเกื้อหนุน จนทำให้ประสบความสำเร็จได้จริง

บางครั้งนั้น ภาระที่ยิ่งใหญ่ หน้าที่รับผิดชอบ ที่ต้องแบกรับ

สิ่งเหล่านี้ ผู้นำคือคนที่สามารถอดทนได้กับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้

ถ้าคุณจะนำทุกคนได้คุณลองคิดง่ายๆ

ว่าคุณจะต้องอดทนมากกว่าคนที่คุณต้องแบกรับนั้นมากมายเพียงใด

เหมือนชื่อเรื่องครับ ไม่ได้อดๆ อยากๆ แต่ต้องปากกัดตีนถีบ

ขออยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้คุณถึงแม้วันนี้เรายังไม่รู้จัก

เรายังไม่เคยพบ แต่ผมเชื่อว่าคุณทำได้

คุณจะข้ามผ่านเรื่องราวเหล่านั้น ในวันที่คุณหันกลับมาคุณจะภูมิใจ

ว่าคุณแข็งแกร่งเพียงใด

จะเป็นแรงผลักสำคัญที่ทำให้คุณเดินต่อไป ได้อย่างมั่นคง

ต้นซาง

11 ม.ค. 66


ภาพปกและภาพประกอบ : ต้นซาง (ผู้เขียน)

ขอบคุณภาพ 1 โดย diamond jewelry macro. จาก pixabay.

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์