3 เหตุผลที่ทำให้ 'ผม' ลาออกจากงาน

105

นายหนุ่ม

29 ก.ย. 2022|3 min read

อ่านบทความอื่นจาก นายหนุ่ม

คัดลอกลิงค์

แจ้งตรวจสอบ

ผมเชื่อว่าคนที่ทำงานประจำทุกคนหรือน่าจะเกือบทุกคน ต้องเคยมีความรู้สึกว่าอยากจะลาออกจากงานประจำแน่ ๆ และหลายคนอาจจะเพียงแค่คิดหรือคิดนานกว่าจะตัดสินใจ แต่หลายคนก็ตัดสินใจลาออกง่ายๆ ได้ทันทีเหมือนกัน ผมเป็นคนหนึ่งที่ลาออกจากงานประจำที่อาจจะถือว่าบ่อยก็ได้ เพราะในช่วง 20 ปีของการเป็นพนักงานประจำ ผมลาออกจากที่ทำงานเปลี่ยนงานถึง 8 ครั้ง เฉลี่ยทุก ๆ 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว…ฮา

“แล้วทำไมถึงอยากลาออกล่ะ?” เหตุผลของคนอื่นนั้นผมไม่ทราบได้ บางทีอาจจะเหมือนหรือต่างกัน แต่เหตุผลของตัวเองนั้นพอจะบอกกันได้ครับ ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ผมลาออกจากงานประจำพอจะแบ่งออกเป็นช่วง เป็นเวลาได้ประมาณนี้

Working

1.อยากได้เงินเดือนมากขึ้น แน่นอนมันเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้ผมลาออกจากงานทีเดียว ซึ่งมันจะเกิดในช่วงแรกๆ ของวัยทำงานผมครับ โดยในช่วงจบใหม่เริ่มทำงานที่แรกนั้น ก็ถือว่าได้เงินเดือนที่ดูน่าพอใจทีเดียว แต่พอผ่านไปสัก 2 – 3 ปี ความโลภก็บังเกิด และด้วยการใช้ชีวิตที่ผมบอกกับตัวเองว่าเป็นวัยสร้างตัว วัยเริ่มต้น ผมจึงมีความต้องการสิ่งต่างๆ โน้นนี้นั้นมากยิ่งขึ้น เงินเดือนที่ผมเคยบอกว่า 'พอใจ' ก็ชักจะเริ่ม 'ไม่พอใช้' และอีกเรื่องที่ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นคือความ ‘อิจฉา’ ครับ เฮ้ย..เพื่อนคนนั้น เพื่อนคนนี้ ทำไมมันได้เงินเดือนเยอะนักนะ ผมก็ทำงานแบบเดียวกัน ทำงานได้ไม่ต่างกันก็น่าจะได้เงินเพิ่มขึ้นได้สิ ผมเลยใช้เหตุผลนี้ลาออกเปลี่ยนงานในช่วง 4-5 ปีแรก

Working

2. อยากเลื่อนตำแหน่ง อยากมีตำแหน่งที่สูงขึ้น เหตุผลนี้มันมาในช่วงกลางของการทำงาน ผมใช้เหตุผลนี้ในช่วงทำงานมาได้ประมาณ 10 ปี ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ผมมีเป้าหมายตำแหน่งงานในสายอาชีพตัวเองที่ชัดเจน แต่ทำงานที่เดิมคงไปไม่ถึงเป้าหมายแน่ เพราะหัวหน้างานคนเดิมก็ยังทำงานได้อีกนานหลายปี และอีกทั้งไม่มีทีท่าว่าจะลาออกหรือเปลี่ยนงานใหม่ซักที เมื่อที่ทำงานเดิมให้ไม่ได้ ผมจึงต้องเปลี่ยนงานหาที่ใหม่ ผมใช้เหตุผลนี้เปลี่ยนงานอยู่สองครั้งจึงถึงตำแหน่งงานที่ผมต้องการ แล้วทำไมถึงอยากได้ อยากเลื่อนตำแหน่งนักละ อย่าลืมนะครับว่าตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น มันแสดงถึงศักยภาพและความสามารถในการทำงาน แสดงถึงการยอมรับของที่ทำงานนั้น ผมเองก็มีความต้องการแบบนั้นเช่นกัน

Working

3. ถึงจุดอิ่มตัว นั้นเป็นเหตุผลที่ผมใช้ในการลาออกจากงานประจำครั้งสุดท้ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง ‘ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว’ ช่างฟังดูเป็นเหตุผลหรือคำพูดที่สวยหรู แต่จริงแล้วคำนี้ในความหมายของผม คือ ‘เบื่องานเต็มที่แล้วโว้ย!’ เบื่อจนผมไม่สนใจเรื่องเงินเดือนหรือตำแหน่งใดๆ แล้ว ขอเพียงแค่พาตัวเองออกมาจากภาวะนั้นก็พอ เมื่อได้เงินเดือนที่พอใช้เหลือใช้แล้ว และตำแหน่งหน้าที่ก็อยู่ในระดับสูงของหน่วยงานละ ไม่สามารถจะเติบโตไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่ก็ถือว่าในสายงานตัวเองก็เป็นที่น่าพอใจ แต่ความต้องการของคนมันไม่มีคำว่า ‘พอ’ ซักทีครับ สิ่งที่คนทำงานมา 20 ปีอย่างผมต้องการคือ ‘ความสบายใจ’ หลายคนคงเคยได้ยินคนที่ทำงานมานานพูดหรือบ่นเสมอๆ ว่า อยากทำงานที่สบายใจ ไม่เครียด ไม่กดดัน เลิกงานกลับบ้านแล้วมีความสุขกับลูกๆ ได้ มีวันหยุดที่เป็นวันหยุดจริงๆ ซะที แต่นั้นมันไม่เกิดกับคนทำงานที่มีตำแหน่งสูงเงินเดือนสูงแน่นอน ความเครียดความกดดันในภาระความรับผิดชอบที่มากขึ้น ประกอบกับการทำงานแบบซ้ำ ๆ การเจอกับปัญหาเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นวนไปวนมา จึงทำให้ผมหมดไฟในการทำงานไปดื้อๆ เกิดความเบื่อหน่าย เห็นอะไรก็หงุดหงิดไปหมด เกิดความไม่สบายใจที่จะทำงานนั้นอีกแล้ว มันจึงเป็นที่มาของการลาออกจากงานประจำครั้งสุดท้ายของผม

Working

นั้นคือ 3 เหตุผลที่ 'ผม' ลาออกจากงาน แต่เมื่อออกจากชีวิตพนักงานประจำแล้ว ผมก็กลับพบว่า ‘ทัศนคติ (Attitude)’ คือ สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานหรือการใช้ชีวิตนะครับ หากเราไม่ชอบไม่พอใจกับสิ่งรอบตัวแล้ว เราไม่อาจเปลี่ยนมันไม่ได้ทั้งหมด แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้ เปลี่ยนทัศนคติตัวเอง ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมรอบตัวเราอย่างมีความสุขได้ครับ หลายคนที่ลาออกจากงานหรือเปลี่ยนงานคงมีเหตุผลของแต่ละคนเอง หากใครที่กำลังอยู่ในภาวะหรือมีอาการแบบผมข้างต้นแล้ว ก็ขอให้มองที่ตัวเองก่อนนะครับ ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ คิด หาจุดที่มันเหมาะกับเราให้เจอไม่ว่าจะทำงานที่เดิมหรือเปลี่ยนงานใหม่ ทัศนคติที่ดีมันทำให้เราอยู่ในจุดนั้นอย่างมีความสุขได้ และหากใครที่อยู่ในสถานะนายจ้างหรือมีตำแหน่งงานสูงๆ แล้ว ขอฝากท่านไว้ด้วยนะครับ เพราะทัศนคติของท่านต่อพนักงาน อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการลาออกได้เช่นกัน

‘การหาพนักงานมาทำงานนั้นว่ายากแล้ว แต่การรักษาให้เขาทำงานกับเรานานๆ นั้นยากกว่านะครับ’

Working