6 การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยยุคหลัง โควิด 19

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิค - 19 ส่งผลกระทบเเละความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งการชะงักของภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการถดถอยทางเศษฐกิจอย่างรุนเเรง ผู้ที่ได้รับความเสียหายได้เเก่ครอบครัวที่มีความไม่มั่นคงทางเศษฐกิจหารายได้วันต่อวัน ช่วงเวลานี้จะได้รับผลกระทบหนักมากหลายครอบครัวเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง หลายๆอุตสาหกรรมพยายามปรับตัวให้สามารถดำเนินงานได้ในการเปลี่ยนเเปลงครั้งนี้เเละลงมาถึงธุรกิจต่างๆก็เริ่มมีการปรับตัวให้เข้ากับวิถีโลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งหากทุกการเปลี่ยนเเปลงย่อมมีการล้มหายของธุรกิจต่างๆที่ปรับตัวไม่ทัน ผู้เขียนของเสนอ 6 เรื่องราวที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นหลังยุคโควิด - 19 ที่เรากำลังเผชิญ

1. การเปลี่ยนเเปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค พฤติกรรมการเปลี่ยนที่เราเห็นได้ชัดเจนคือการสั่งอาหารจากบริการต่างฯ ซึ่งทางผู้ให้บริการก็มองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนเเปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคปรับปรุงแอพพลิเคชั่นให้เข้าถึงง่าย มีโปรโมชั่นมานำเสนอ ทำการตลาดเเข่งขันกันอย่างดุเดือดคงต้องกล่าวว่าเป็นขาขึ้นของธุรกิจบริการส่งอาหารเลยก็ว่าได้ เเต่ในทางกลับกันธุรกิจธนาคารกลับได้รับผลกระทบเชิงลบเนื่องจากผู้ใช้บริการจำนวนมากไม่นิยมออกมาทำธุรกรรมทางการเงินอยู่เเล้วตั้งเเต่ก่อนการระบาด พอเจอกับการระบาดทำให้ยิ่งกดดันกลุ่มธุรกิจธนาคารทำให้มีการปิดสาขาการบริการเพิ่มมากขึ้น
2. การประมูลคลื่นการสื่อสารที่ดุเดือด ในช่วงของการระบาดหลายบริษัทมีนโยบายทํางานที่บ้าน “Work from Home” ทำให้มีความต้องการใช้ งานอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมากทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องขยายช่องสัญญาณเพื่อรองรับการใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เเละจากการคาดการณ์หลังจบวิกฤตโควิด - 19 อาจจะมีการใช้นโยบายทํางานที่บ้าน “Work from Home” ต่อเนื่องในหลายๆบริษัท
3. การกลับมาของภาคขนส่งทางพื้นดิน ในหลายปีที่ผ่านมาเราได้ใช้บริการการเดินทางโดยสารการบินราคาถูก ถูกชนิดที่เรียกได้ว่าถูกกว่าการขึ้นรถทัวร์หรือรถไฟ(ชั้น 1 ) หลายคนเลือกเดินทางโดยเครื่องบินมากกว่าการขนส่งแบบอื่นทำให้ในระยะ 4 - 5 ปีที่ผ่านมาธุรกิจขนส่งรถทัวร์ รถไฟประสบปัญหาขาดทุน หากเข้าไปดูปัจจัยที่ราคาตั๋วเครื่องบินราคาถูกเกิดจากการเเข่งขันกันของสายการซึ่งเเต่ละสายการบินก็เเบกรับการขาดทุนสะสมไว้หลายปีจนมาเจอกับวิกฤตครั้งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยที่จะมีสายการบินควบรวมกิจการกัน หรือล้มหายตายจากไป ซึ่งจะทำให้สายการบินที่รอดนั้นสามารถขึ้นราคาได้อย่างง่ายดายให้คุ้มค่าต่อรอบการเดินทางของสายการบิน เเละเมื่อราคาตั๋วเเพงขึ้นจนเห็นได้ชัดผู้คนที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินจะหันกลับไปใช้บริการขนส่งทางบกมากยิ่งขึ้น
4. การเติบโตแบบก้าวกระโดดของการขนส่งพัสดุ จากการคาดการณ์ตลาดปี 2563 จะโต 35% ตัวเลขการเติบโตอาจพุ่งขึ้นไปสูงถึง 70% ยอดการขนส่งพุ่งขึ้น 4 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งภาพสะท้อนได้ชัดเจนคือภาพข่าวที่คลังเก็บพัสดุต่างๆอัดเเน่นไปด้วยพัสดุรอส่งจำนวนมาก การเติบโตครั้งนี้เป็นผลมาจากการสั่งซื้อสินค้า ออนไลน์ที่เพิ่มมาขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงการปิดเมือง
5. เเนวโน้มการลงทุนในตลาดทุนมีเพิ่มมากขึ้น ในช่วงก่อนการเกิดวิกฤตมีหลายคนอยากมีธุรกิจเป็นของ(เป็นนายตัวเอง) หลายคนวางเเผนทำร้านกาแฟร้านอาหาร หรือเป็น SME ขนาดเล็ก เเต่พอมาเจอกับวิกฤตครั้งนี้ทำให้หลายคนชะลอการลงทุนออกไปเเต่ก็อยากได้ผลตอบเเทนที่มากกว่าการฝากเงินกับธนาคารอยู่ หลายคนจึงน้ำเงินบางส่วนเข้ามาลงทุนทั้งกองทุน หุ้น ทองคำ ทำให้เริ่มมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดจนสังเกตุได้หากเเต่เม็ดเงินจำนวนดังกล่าวก็พร้อมที่จะถอนทุนออกทันทีที่ทุกอย่างเริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น
6. ช่องว่างทางสังคมจะเพิ่มขึ้น เเน่นอนว่าวิกฤตครั้งนี้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักได้เเก่ คนทำงานหาเช้ากินค่ำ คนที่มีฐานรายได้ต่ำ ในทางกลับกันภาครัฐอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ ปล่อยเงินกู้ช่วยภาคธุรกิจไม่ให้ล้มนี้คือการการันตีเลยว่าจะไม่มีเจ้าสัวคนไหนล้มในวิกฤตครั้งนี้ คนที่จะล้มหายตายจากไปคือ คนที่อยู่ชนชั้นกลางลงไป หรือ SME ที่เพิ่งสร้างรากฐาน เเละหลังจากจบวิกฤตครั้งนี้กลุ่มธุรกิจชั้นนำก็จะยิ่งร่ำรวยขึ้นตามกลไกทุนนิยม