5 เคล็ดไม่ลับจบ ม.ราม ใน 3 ปี!!

สวัสดีค่ะ ชาว True ID In-trend ทุกท่าน วันนี้ XiaoJay อยากจะมาแนะนำเคล็ดไม่ลับที่ทำให้ XiaoJay เรียนจบจาก ม.ราม ภายใน 3 ปี ก่อนอื่นขออนุญาตแนะนำมหาลัยกันก่อนนะคะ มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้นเป็นมหาลัยแบบตลาดวิชา มีหลากหลายวิชาให้เลือกเรียน เข้าเรียนหรือไม่ก็ได้ตามสะดวก ที่สำคัญค่าหน่วยกิตถูกมาก ๆ แค่เพียงหน่วยกิตละ 25 บาท (สำหรับนักศึกษาภาคปกติ) และเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 จากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงยังได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือนักศึกษา ด้วยการลดค่าหน่วยกิตลงถึง 40%  อีกด้วย  นอกเหนือไปจากนี้ ม.ราม นั้นยังขึ้นชื่อเรื่องจบยากซะเหลือ วันนี้ XiaoJay เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการเรียนให้รุ่นน้อง ได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค่ะ

เคล็ดไม่ลับข้อที่ 1

ลงทะเบียนเรียนให้ เป็นวางแผนการเรียนให้ดีก่อนตัดสินใจเป็นเรื่องสำคัญในการเรียนราม โดยสามารถศึกษารายละเอียดวิชาที่เปิดสอนได้ใน ระเบียบการสมัครเข้าเป็นนักศึกษา ม.ร.1 หรือที่เว็บไซด์ของมหาลัย XiaoJay แนะนำว่าในปีการศึกษาแรกควรเลือกลงทะเบียนวิชาพื้นฐานให้ครบก่อน ส่วนปีการศึกษาที่ 2 ให้เริ่มเรียนวิชาเอก (Major) และวิชาโท (Minor) คละกันไป ( ควรเก็บวิชาโทให้ครบในปีการศึกษานี้) และในชั้นปีที่ 3 จัดการกับวิชาเอกที่เหลือทั้งหมดและหมวดวิชาเสรี สาเหตุที่เก็บหมวดวิชาเสรีมาไว้เรียนตอนปี 3 เพราะว่าจะได้เอามาคละกับวิชาเอกซึ่งมีความยาก ตอนสอบจะได้ไม่หนักมาก หากเก็บวิชาเอกมาไว้ปี 3 ทั้งหมดบอกเลยว่าเหนื่อยมาก ๆ ค่ะ

ต่อเทอมเราควรลงทะเบียนกี่หน่วยกิตถึงจะจบภายใน 3 ปี มาดูตัวอย่างแผนการลงทะเบียนเรียนของ XiaoJay กันนะคะ

จากตัวอย่างนี้ ถ้าลงแล้วสอบผ่านทุกวิชา จบภายใน 3 ปีแน่นอนค่ะ ไม่ควรลงทะเบียนผิดหรือลงซ้ำวิชาเดิมนะคะ เนื่องจากแต่ละวิชานั้นมีรหัสวิชาถึง 7 ตัว อาจจมีการสับสนไปลงทะเบียนซ้ำหรือลงผิดวิชา XiaoJay แนะนะว่าควรไปดาวน์โหลดโครงสร้างหลักสูตรจากเว็บของมหาลัยเอามาไว้ประกอบการตัดสินใจลงทะเบียนเรียนและเอามาบันทึกวิชาที่เราสอบผ่านไปแล้วด้วยค่ะ หน้าตามันจะเป็นแบบด้านล่างนี้

โครงสร้างหลักสูตรนี้อ้างอิงจาก โครงสร้างหลักสูตรของคณะมนุษย์เอกภาษาอังกฤษ ส่วนเอกวิชาอื่นหรือคณะอื่นก็จะมีหน้าตาแตกต่างกันออกไป รายละเอียดวิชาที่มีในโครงสร้างจะมีให้แต่หมวดวิชาพื้นฐานและหมวดวิชาเอกบังคับเท่านั้น ส่วนหมวดวิชาเอกเลือก, หมวดวิชาโท และวิชาเลือกเสรี เราสามารถตัดสินใจเลือกเรียนได้ตามแต่เราจะต้องการแต่จะมีกฎเกณฑ์ในการเลือกเรียนวิชาโทและวิชาเอกเลือกอยู่เหมือนกันควรเข้าไปศึกษาในเว็บไซด์ของมหาลัยหรือปรึกษารุ่นพี่ในคณะก็ได้ค่ะ

เคล็ดไม่ลับข้อที่ 2

ควรหาข้อมูลวิชาที่จะเรียนล่วงหน้า ศึกษารายละเอียดวิชาว่าเกี่ยวกับอะไร อาจารย์ท่านใดเป็นผู้สอน เรียนที่ตึกไหนห้องไหน มีเทปบรรยายย้อนหลังหรือไม่ และใช้ตำราเล่มใดในการเรียนการสอนมีเอกสารประกอบคำบรรยายหรือไม่ อันนี้ต้องศึกษาให้ดีเลยค่ะเพราะ ม.ราม บางวิชามีตำราหลายรุ่นหลายเล่ม หากไปซื้อโดยไม่ศึกษาก่อนอาจจะซื้อเล่มที่ไม่ตรงกับที่อาจารย์ใช้สอนก็ได้ค่ะ หรืออาจารย์บางท่านจะเรียบเรียงเอกสารประกอบคำบรรยายขึ้นมาเองไม่ใช้ตำราของมหาลัย ฉะนั้นต้องหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อตำราเรียนนะคะ

เคล็ดไม่ลับข้อที่ 3

เรียนรามจำเป็นต้องมีเพื่อนค่ะ เพราะบางคนไม่ได้เข้าเรียนบ่อยนักแต่อาจจะรู้จักกับเพื่อนที่ไปเรียนทุกวันแบบนี้ก็พลอยได้อานิสงส์จากเขาไปด้วย เราต้องคอยถามเพื่อนถึงเนื้อหาในการเรียนว่าอาจารย์สอนตรงไหนบ้าง ข้าม-เน้นตรงไหนไป  มีงานให้ทำส่งไหม (เพราะบางคณะในชั้นปีสูง ๆ อาจารย์อาจจะให้ทำงานส่ง) ที่สำคัญคือเราสามารถขอแนวสอบจากเพื่อนได้หรือให้เพื่อนช่วยอัดเสียงเวลาอาจารย์ท่านแจ้งแนวข้อสอบให้ XiaoJay แนะนำว่าควรหาโอกาสเข้าไปเรียนบ้างในคลาสแรกและคลาสสุดท้ายก่อนสอบเพื่อเข้าไปฟังแนวทางในการสอนและแนวข้อสอบจากอาจารย์ค่ะ การผูกมิตรกับเพื่อนในคลาสช่วยเราได้เยอะจริง ๆ ค่ะ

เคล็ดไม่ลับข้อที่4

ศึกษาแนวข้อสอบเก่า ๆ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เราสอบผ่านค่ะ เพราะแต่ละวิชาจะมีอาจารย์ผู้สอนหลายคน อาจารย์แต่ละท่านก็จะมีสไตล์การออกข้อสอบแตกต่างกันออกไป บางท่านชอบออกข้อสอบแบบข้อเขียน บางท่านชอบออกข้อสอบแบบข้อกา หรือบางท่านชอบออกข้อสอบแบบผสมกัน เราต้องทำความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบก่อนสอบจริง ยิ่งไปกว่านั้นเราต้องติดตามแนวข้อสอบจากประกาศของอาจารย์ด้วยค่ะว่าท่านเปลี่ยนแปลงแนวข้อสอบไหมและข้อสอบมีจำนวนกี่ข้อกี่ Part ฉะนั้นเราต้องไปหาข้อสอบเก่า ๆ มาศึกษารายละเอียดให้ดีและคอยติดตามฟังข่าวจากอาจารย์ตลอด โดยเข้าไปหาได้ในกลุ่มเฟสบุ๊คของคณะนั้น ๆ ที่ทางรุ่นพี่ได้จัดตั้งไว้เพื่อแบ่งปันแนวข้อสอบ (ส่วนมากจะมีกลุ่มเอาไว้แบ่งปันแนวข้อสอบกันแทบจะทุกคณะอยู่แล้ว)

เคล็ดไม่ลับข้อสุดท้าย

ใฝ่รู้อยู่ตลอด ไม่รู้ไม่ถนัดด้านไหนก็ศึกษาให้มากขึ้น หากมีโอกาสเข้าไปนั่งเรียนที่มหาลัยในระหว่างนั่งเรียนถ้าไม่เข้าใจเนื้อหาในการเรียนการสอนตรงไหนก็ให้จดไว้ พอหลังจากที่อาจารย์ท่านสอนเสร็จค่อยไปขอให้ท่านอธิบายให้ฟังอย่าเก็บความสงสัยไว้ให้ถามอาจารย์ไปเลยมีประโยชน์มากกว่าเก็บคำถามไว้ในใจ และในกรณีที่สอบตกหรือสอบได้คะแนนน้อยสามารถไปเขียนคำร้องเพื่อขอดูกระดาษคำตอบของเรากับอาจารย์ผู้สอนโดยตรงได้ ไปขอคำชี้แนะจากท่านว่าเราพลาดตรงไหนไป ทำไม่ถูกตรงไหนควาจะปรับปรุงตรงไหนบ้างในการสอบซ่อมเราจะได้ไม่ทำพลาดซ้ำรอยอีก

เรียนจบเร็วก็มีเวลาได้ใช้ใบปริญญาคว้าโอกาสต่าง ๆ เร็วขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วยนะคะ นักศึกษาบางท่านอาจจะคิดว่า ๆ ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามแต่ส่วนตัว XiaoJay นั้นเรียนจบเร็วเราก็มีโอกาสได้ไปทำอย่างอื่นไว เป็นไงกันบ้างคะหวังว่าเคล็ดไม่ลับทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยรุ่นน้องนักศึกษา ม.ราม หรือผู้ที่กำลังจะตัดสินใจเรียน ม.รามที่ได้ผ่านมาอ่านบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ หากอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพิ่มเติมสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ ของมหาลัยได้เลยค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความของ XiaoJay นะคะเอาไว้เจอกันบทความหน้า สวัสดีค่ะ

ขอบคุณภาพปก, ภาพที่1-2 โดย XiaoJay, ภาพที่ 3 จาก RU, ภาพที่ 4 โดย XiaoJay, ภาพที่5, ภาพ 6-8 โดย XiaoJay