อื่นๆ
ศพหลังวิทยาลัย
พัชรีเป็นครูฝึกสอน เธอได้เข้ามาฝึกสอนที่วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเมื่อเธอฝึกสอนเสร็จแล้วเธอก็จะได้ทำหน้าที่เป็นครูจริงๆ ตามที่เธอตั้งใจไว้ วิทยาลัยแห่งนี้อยู่แห่งจากตัวเมืองการเดินทางค่อนข้างลำบาก ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะมีต้นไม้ล้อมรอบแต่เธอก็ชอบในความเป็นธรรมชาติ แม้จะดูกันดารไปสักหน่อยแต่เธอก็คิดว่าเธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ไม่ยากนัก เมื่อพัชรีมาถึงที่วิทยาลัยก็มีเจ้าหน้าทีมาให้การต้อนรับและช่วยกันย้ายสัมภาระของเธอไปไว้ที่ห้องพักภายในวิทยาลัย ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ ถึงแม้ว่าห้องจะดูเก่าไปสักหน่อยแต่ก็ไม่โทรมมาก และมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดี
หลังจากที่ย้ายสัมภาระเข้าห้องเสร็จแล้วพัชรีก็ลงมาเดินเล่นในบริเวณวิทยาลัย เธอรู้สึกเหงาเล็กน้อยที่ต้องมาอยู่ตามลำพัง แต่คิดว่าอยู่ไม่ก็วันก็คงชินและเริ่มรู้จักคนมากขึ้น หอพักของเธออยู่บนชั้นสองตึกเดียวกับหอพักนักศึกษาหญิง และฝั่งตรงข้ามเป็นหอพักนักศึกษาชาย โดยมีถนนเส้นเล็กๆ แบ่งเขตไว้ เวลากลางคืนเมื่อทุกคนเข้าหอพักกันหมดแล้ว บรรยากาศจะเงียบสงบทำให้ได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องแข่งกับจักจั่นได้อย่างชัดเจน
Advertisement
Advertisement
พัชรีเป็นครูฝึกสอน เธอได้เข้ามาฝึกสอนที่วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเมื่อเธอฝึกสอนเสร็จแล้วเธอก็จะได้ทำหน้าที่เป็นครูจริงๆ ตามที่เธอตั้งใจไว้ วิทยาลัยแห่งนี้อยู่แห่งจากตัวเมืองการเดินทางค่อนข้างลำบาก ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะมีต้นไม้ล้อมรอบแต่เธอก็ชอบในความเป็นธรรมชาติ ถึงจะดูกันดารไปสักหน่อยแต่เธอก็คิดว่าเธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ไม่ยากนัก เมื่อพัชรีมาถึงที่วิทยาลัยก็มีเจ้าหน้าทีมาให้การต้อนรับและช่วยกันย้ายสัมภาระของเธอไปไว้ที่ห้องพักภายในวิทยาลัย ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ ถึงแม้ว่าห้องจะดูเก่าไปสักหน่อยแต่ก็ไม่โทรมมาก และมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดี
ที่มาภาพจาก https://pixabay.com/th/photos
หลังจากที่ย้ายสัมภาระเข้าห้องเสร็จแล้วพัชรีก็ลงมาเดินเล่นในบริเวณวิทยาลัย เธอรู้สึกเหงาเล็กน้อยที่ต้องมาอยู่ตามลำพัง แต่คิดว่าอยู่ไม่ก็วันก็คงชินและเริ่มรู้จักคนมากขึ้น หอพักของเธออยู่บนชั้นสองตึกเดียวกับหอพักนักศึกษาหญิง และฝั่งตรงข้ามเป็นหอพักนักศึกษาชาย โดยมีถนนเส้นเล็กๆ แบ่งเขตไว้ เวลากลางคืนเมื่อทุกคนเข้าหอพักกันหมดแล้ว บรรยากาศจะเงียบสงบทำให้ได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องแข่งกับจักจั่นได้อย่างชัดเจน
Advertisement
Advertisement
วันรุ่งขึ้นพัชรีตื่นแต่ตีสี่ เพื่อเตรียมตัวสอนในวันแรก ขณะที่เธอกำลังเตรียมนั้นเธอมองผ่านหน้าต่างห้องของเธอทางด้านหลังตึก เห็นนักศึกษาผู้หญิงสองคนเดินออกมาจากด้านหลังอาคารเรียน ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมมีศึกษาลงมาเดินแต่เช้ามืด เธอได้แต่เพียงเก็บความสงสัยไว้และหันกลับมาเตรียมอุปกรณ์การสอนต่อ และออกไปสอนในตอนเช้า พอถึงช่วงพักกลางวันเธอระหว่างที่นั่งกินข้าวอยู่ ได้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเข้ามาคุยกับเธอ เธอจึงได้ถามไปว่า “นี่พวกเธอ เมื่อตอนเช้ามืดครูเห็นมีนักศึกษาสองคนเดินอยู่ทางด้านหลังหอพัก ข้างในนั้นมีหอพักอยู่อีกหรอ”
นักศึกษาคนหนึ่งได้ตอบว่า “ไม่มีนะคะครู อีกอย่างถ้าเป็นช่วงเช้ามืดก็ไม่น่าจะมีใครเข้าไปนะคะ เพราะตรงนั้นมันมืดน่ากลัวด้วย หนูว่าครูน่าจะตาฝาดนะ”
ที่มาภาพจาก https://pixabay.com/th/photos
Advertisement
Advertisement
เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งทำให้พัชรีรู้สึกแปลกใจ เพราะเธอคิดว่าเธอไม่น่าจะตาฝาด และนักศึกษาที่เธอเห็นเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เธอด้วยซ้ำ วันนั้นเมื่อเธอสอนเสร็จก็กลับมาที่ห้อง และมองไปที่หน้าต่างอีกครั้ง และเธอก็เห็นนักศึกษาสองคนเดินเข้าไปทางหลังตึก เธอจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เธอเห็นเมื่อตอนเช้ามืด เธอจึงรีบวิ่งลงจากตึกและตามนักศึกษาสองคนนั้นไป แต่เมื่อเธอลงไปถึง นักศึกษาสองคนนั้นก็หายไปแล้ว เธอพยายามเดินเข้าไปทางหลังอาคาร แต่ก็ไม่เป็นมีอะไร มีเพียงแค่โรงเก็บของเก่าๆ และรอบๆ ก็มีแต่ต้นไม้แค่นั้น เธอจึงเดินกลับขึ้นมาบนห้องและอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องมีอะไรแปลกๆ แน่ๆ
วันรุ่งขึ้นได้มีนักศึกษาชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามพัชรีว่า “เมื่อวานผมเห็นครูเดินเข้าไปทางหลังอาคารข้างตึกหอพักหญิง ครูเข้าไปทำอะไรหรอครับ ตรงนั้นมันรถและอันตรายนะครับ”
พัชรีจึงตอบว่า “ครูเห็นนักเรียนหญิงสองคนเดินเข้าไป พวกเขาทำท่าทางแปลกๆ ครูจึงเดินตามเข้าไปดู แต่พอเดินไปถึงก็ไม่เห็นใคร”
นักศึกษาชายได้พูด่า “ผมว่าไม่น่าจะมีใครเข้าไปนะครับ ครูแน่ใจหรือครับว่าเห็นคนเดินเข้าไปจริงๆ”
พัชรีได้ตอบไปว่า “ครูเห็นจริงๆ เห็นสองครั้งแล้วด้วย หรือจะเป็นผี”
นักศึกษาชายได้พูดว่า “โถ่ ครูครับ ที่นี่ไม่มีผีหรอกครับ ผมว่าครูตาฝาดมากกว่า ผมว่าครูปิดหน้าต่างห้องไว้ดีกว่าครับ เพราะตรงห้องครูต้นไม้มันเยอะเดี๋ยวพวกสัตว์จะเข้าไปรบกวน”
พัชรีจึงตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นครูคงคิดมาไปเอง แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ ทำไมมาอยู่แถวนี้ นี่มันฝั่งหอนักศึกษาหญิงนะ”
นักศึกษาชายได้ตอบมาว่า “ผมชื่อ เอกครับ ผมมานั่งรอเอารายงานที่เพื่อนครับ ถ้าครูมีอะไรก็เรียกใช้ผมได้นะครับ”
จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกัน ในคืนนั้นในระหว่างที่พัชรีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เธอก็ได้ยินเหมือนมีเสียงก้อนหินทบกับหน้าต่างห้องของเธอที่ปิดไว้ อย่างกับมีคนเอาอะไรมาปาที่หน้าต่าง เธอจึงลุกมาเปิดหน้าต่างออก และมองไปด้านล่างเห็นนักศึกษาหญิงสองคน ยืนมองเธอพัชรีจึงตะโกนถามไปว่า “พวกเธออะไรหรือป่าว ทำไมถึงมายืนดึกๆ ขนาดนี้” นักศึกษาสาวสองคนนั้นไม่ตอบอะไรกับมา และพากันเดินเข้าไปที่ด้านหลังของอาคาร พัชรีรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เธอจึงอยากจะถามทั้งสองให้รู้เรื่อง เธอจึงวิ่งลงจากอาคารและตามสองคนนั้นไป เธอตามไปจนถึงโรงเก็บของเก่าๆ และสองคนนั้นก็หายไป เธอส่องไปฉายไปในความมืดเห็นแต่เพียงต้นไม้เต็มไปหมด เมื่อเธอหันหลังกลับมาก็ทำให้เธอตกใจมาก ที่เห็นเอกมายืนอยู่ด้านหลังเธอ และเธอได้พูดว่า “โถ่ เอกนี่เอง ตกใจหมดเลย ครูมาทำอะไรที่นี่”
เอกได้พูดขึ้นมาว่า “ผมเห็นครูวิ่งเข้ามา ผมก็เลยตามมาดูครับ แต่ผมก็บอกครูไว้แล้นะครับ ว่าอย่าเข้าที่นี่มันอันตราย”
จากนั้นเอกก็จับแขนของพัชรีอย่างแรงและเหวี่ยงจนเธอล้มไปกระแทกกับพื้น ทำให้พัชรีตกใจมาก และเอกได้บอกกับเธอว่า “ครูไม่น่าเข้ามายุ่งเลยนะครับ ผมเตือนครูดีๆ แล้ว ครูหาที่ตายเองนะครับ น่าเสียดายยังสาวอยู่แท้ๆ”
พัชรีจึงพูดไปว่า “เธอพูดอะไรน่ะ ครูไปทำอะไรให้เธอ”
เอกได้ตอบมาว่า “ครูจะตามหาศพอีสองคนนั่นใช่ไหม ผมไม่ยอมให้ครูทำหรอก แล้วผมก็จะฆ่าครูด้วย”
จากนั้นเอกได้ดึงมีดออกมาจากเอว และกำลังจะแทงไปที่ร่างของพัชรี ขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยมาล็อคคอเอกไว้จากข้างหลัง เพราะก่อนที่พัชรีจะลงมาจากห้องเธอได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้แล้วถึงเหตุการณ์แปลกๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตามเธอมาและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาจึงได้จับตัวเอกไว้และส่งตัวให้ตำรวจสอบสวน ซึ่งเอกก็ได้สารภาพว่าเขาได้ฆาตกรรม นักศึกษาสาวสองคนและนำศพไปซ่อนไว้ ที่โรงเก็บของเก่า ซึ่งก็เป็นนักศึกษาที่หายไปเมื่อสามเดือนก่อน ตำรวจจึงพากันไปตรวจสอบ ก็พบโครงกระดูกของนักศึกษาสาวสองคนนั้น เอกถูกจับดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตาย และจากวันนั้นมาพัชรีก็ไม่เคยเห็นวิญญาณนักศึกษาสาวสองคนนั้นอีกเลย
วันรุ่งขึ้นพัชรีตื่นแต่ตีสี่ เพื่อเตรียมตัวสอนในวันแรก ขณะที่เธอกำลังเตรียมนั้นเธอมองผ่านหน้าต่างห้องของเธอทางด้านหลังตึก เห็นนักศึกษาผู้หญิงสองคนเดินออกมาจากด้านหลังอาคารเรียน ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมมีศึกษาลงมาเดินแต่เช้ามืด เธอได้แต่เพียงเก็บความสงสัยไว้และหันกลับมาเตรียมอุปกรณ์การสอนต่อ และออกไปสอนในตอนเช้า พอถึงช่วงพักกลางวันเธอระหว่างที่นั่งกินข้าวอยู่ ได้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเข้ามาคุยกับเธอ เธอจึงได้ถามไปว่า “นี่พวกเธอ เมื่อตอนเช้ามืดครูเห็นมีนักศึกษาสองคนเดินอยู่ทางด้านหลังหอพัก ข้างในนั้นมีหอพักอยู่อีกหรอ”
นักศึกษาคนหนึ่งได้ตอบว่า “ไม่มีนะคะครู อีกอย่างถ้าเป็นช่วงเช้ามืดก็ไม่น่าจะมีใครเข้าไปนะคะ เพราะตรงนั้นมันมืดน่ากลัวด้วย หนูว่าครูน่าจะตาฝาดนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งทำให้พัชรีรู้สึกแปลกใจ เพราะเธอคิดว่าเธอไม่น่าจะตาฝาด และนักศึกษาที่เธอเห็นเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เธอด้วยซ้ำ วันนั้นเมื่อเธอสอนเสร็จก็กลับมาที่ห้อง และมองไปที่หน้าต่างอีกครั้ง และเธอก็เห็นนักศึกษาสองคนเดินเข้าไปทางหลังตึก เธอจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เธอเห็นเมื่อตอนเช้ามืด เธอจึงรีบวิ่งลงจากตึกและตามนักศึกษาสองคนนั้นไป แต่เมื่อเธอลงไปถึง นักศึกษาสองคนนั้นก็หายไปแล้ว เธอพยายามเดินเข้าไปทางหลังอาคาร แต่ก็ไม่เป็นมีอะไร มีเพียงแค่โรงเก็บของเก่าๆ และรอบๆ ก็มีแต่ต้นไม้แค่นั้น เธอจึงเดินกลับขึ้นมาบนห้องและอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องมีอะไรแปลกๆ แน่ๆ
วันรุ่งขึ้นได้มีนักศึกษาชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามพัชรีว่า “เมื่อวานผมเห็นครูเดินเข้าไปทางหลังอาคารข้างตึกหอพักหญิง ครูเข้าไปทำอะไรหรอครับ ตรงนั้นมันรถและอันตรายนะครับ”
พัชรีจึงตอบว่า “ครูเห็นนักเรียนหญิงสองคนเดินเข้าไป พวกเขาทำท่าทางแปลกๆ ครูจึงเดินตามเข้าไปดู แต่พอเดินไปถึงก็ไม่เห็นใคร”
นักศึกษาชายได้พูด่า “ผมว่าไม่น่าจะมีใครเข้าไปนะครับ ครูแน่ใจหรือครับว่าเห็นคนเดินเข้าไปจริงๆ”
พัชรีได้ตอบไปว่า “ครูเห็นจริงๆ เห็นสองครั้งแล้วด้วย หรือจะเป็นผี”
นักศึกษาชายได้พูดว่า “โถ่ ครูครับ ที่นี่ไม่มีผีหรอกครับ ผมว่าครูตาฝาดมากกว่า ผมว่าครูปิดหน้าต่างห้องไว้ดีกว่าครับ เพราะตรงห้องครูต้นไม้มันเยอะเดี๋ยวพวกสัตว์จะเข้าไปรบกวน”
พัชรีจึงตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นครูคงคิดมาไปเอง แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ ทำไมมาอยู่แถวนี้ นี่มันฝั่งหอนักศึกษาหญิงนะ”
นักศึกษาชายได้ตอบมาว่า “ผมชื่อ เอกครับ ผมมานั่งรอเอารายงานที่เพื่อนครับ ถ้าครูมีอะไรก็เรียกใช้ผมได้นะครับ”
จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกัน ในคืนนั้นในระหว่างที่พัชรีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เธอก็ได้ยินเหมือนมีเสียงก้อนหินทบกับหน้าต่างห้องของเธอที่ปิดไว้ อย่างกับมีคนเอาอะไรมาปาที่หน้าต่าง เธอจึงลุกมาเปิดหน้าต่างออก และมองไปด้านล่างเห็นนักศึกษาหญิงสองคน ยืนมองเธอพัชรีจึงตะโกนถามไปว่า “พวกเธออะไรหรือป่าว ทำไมถึงมายืนดึกๆ ขนาดนี้” นักศึกษาสาวสองคนนั้นไม่ตอบอะไรกับมา และพากันเดินเข้าไปที่ด้านหลังของอาคาร พัชรีรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เธอจึงอยากจะถามทั้งสองให้รู้เรื่อง เธอจึงวิ่งลงจากอาคารและตามสองคนนั้นไป เธอตามไปจนถึงโรงเก็บของเก่าๆ และสองคนนั้นก็หายไป เธอส่องไปฉายไปในความมืดเห็นแต่เพียงต้นไม้เต็มไปหมด เมื่อเธอหันหลังกลับมาก็ทำให้เธอตกใจมาก ที่เห็นเอกมายืนอยู่ด้านหลังเธอ และเธอได้พูดว่า “โถ่ เอกนี่เอง ตกใจหมดเลย ครูมาทำอะไรที่นี่”
เอกได้พูดขึ้นมาว่า “ผมเห็นครูวิ่งเข้ามา ผมก็เลยตามมาดูครับ แต่ผมก็บอกครูไว้แล้นะครับ ว่าอย่าเข้าที่นี่มันอันตราย”
จากนั้นเอกก็จับแขนของพัชรีอย่างแรงและเหวี่ยงจนเธอล้มไปกระแทกกับพื้น ทำให้พัชรีตกใจมาก และเอกได้บอกกับเธอว่า “ครูไม่น่าเข้ามายุ่งเลยนะครับ ผมเตือนครูดีๆ แล้ว ครูหาที่ตายเองนะครับ น่าเสียดายยังสาวอยู่แท้ๆ”
พัชรีจึงพูดไปว่า “เธอพูดอะไรน่ะ ครูไปทำอะไรให้เธอ”
เอกได้ตอบมาว่า “ครูจะตามหาศพอีสองคนนั่นใช่ไหม ผมไม่ยอมให้ครูทำหรอก แล้วผมก็จะฆ่าครูด้วย”
ที่มาภาพจาก https://pixabay.com/th/photos
จากนั้นเอกได้ดึงมีดออกมาจากเอว และกำลังจะแทงไปที่ร่างของพัชรี ขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยมาล็อคคอเอกไว้จากข้างหลัง เพราะก่อนที่พัชรีจะลงมาจากห้องเธอได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้แล้วถึงเหตุการณ์แปลกๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตามเธอมาและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาจึงได้จับตัวเอกไว้และส่งตัวให้ตำรวจสอบสวน ซึ่งเอกก็ได้สารภาพว่าเขาได้ฆาตกรรม นักศึกษาสาวสองคนและนำศพไปซ่อนไว้ ที่โรงเก็บของเก่า ซึ่งก็เป็นนักศึกษาที่หายไปเมื่อสามเดือนก่อน ตำรวจจึงพากันไปตรวจสอบ ก็พบโครงกระดูกของนักศึกษาสาวสองคนนั้น เอกถูกจับดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตาย และจากวันนั้นมาพัชรีก็ไม่เคยเห็นวิญญาณนักศึกษาสาวสองคนนั้นอีกเลย
ความคิดเห็น