อื่นๆ
สัมมนาปลุกใจ!! PR อย่างไรในยุค Technology Disruption
ขอมาแบ่งปันความรู้จากการสัมมนาในหัวข้อ “รับมืออย่างไร...ในยุค Technology Disruption” จัดโดย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และทีมประชาสัมพันธ์หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นวิทยาทานแก่เพื่อนๆในวงการประชาสัมพันธ์ทุกท่าน
1. Do or Die In the Disruptive World งานประชาสัมพันธ์เป็นงานที่สื่อสารไปยังคนจำนวนมาก บางองค์กร
สื่อสารไปยังคนเป็นล้าน นักประชาสัมพันธ์จึงถือเป็นคนสำคัญในองค์กร บางครั้งข่าวมีผลกระทบระดับประเทศ อาชีพนี้จึงถือเป็นอาชีพที่มีเสน่ห์ ทั้งด้านการฟังและการพูด ต้องเป็นผู้ที่เปิดรับสิ่งใหม่อยู่เสมอ เพราะโลกปัจจุบันจะเปรียบเสมือนน้ำเต็มแก้วไม่ได้แล้ว ต้องเป็นแก้วที่แม้มีน้ำอยู่ ก็ต้องเททิ้งเพื่อรับน้ำใหม่ตลอดเวลา ถ้าไม่เปลี่ยนคือแพ้ ไม่เปลี่ยนเท่ากับสูญพันธุ์ โดยมีตัวอย่างบริษัทที่สูญพันธุ์ ได้แก่ Kodak, Nokia, Motorola
Advertisement
Advertisement
2. Disruption ยุคทำลายเพื่อเกิดใหม่
เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบหักศอก ซึ่งน่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ น่ากลัวมากกว่าสงคราม ซึ่งมีตัวอย่างที่น่าสนใจ ดังนี้
- กระทิงแดง ต้องแข่งขันกับบริษัทรถยนต์ต่างๆ เพราะถ้าในอนาคตรถไม่มีคนขับ ใครจะกินกระทิงแดง
- นักเล่นหุ้นมือทองลองเล่นหุ้นแข่งกับ AI ผลคือ AI ชนะมนุษย์เพราะสามารถศึกษาสถิติหุ้นต่างๆ ย้อนหลังได้ โดยไม่มีความลำเอียงเหมือนมนุษย์ที่ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ
- งานธนาคารเมื่อก่อนเป็นงานที่มั่นคง ปัจจุบันคนทยอยตกงาน เพราะมีแอพทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้ ไม่เสียค่าโอนแล้ว ทำให้ธนาคารต่างๆสูญเสียรายได้ 4-5 พันล้าน และทยอยปิดสาขาต่างๆ
3. Disruptor คนๆเดียวเปลี่ยนแปลงโลกได้
ต้องใช้การสื่อสารลงถึงราก คนสำคัญขององค์กรคือประชาชน หนทางแห่งการเป็น Disruptor นั้นไม่ง่าย ต้องอดทนในการทำความดี ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงาน และต้องพัฒนาชีวิต by design ด้วยการออกแบบวางแผน มุ่งมั่นด้วย Passion และลุยไปข้างหน้า จะทำให้องค์กรก้าวหน้าได้
Advertisement
Advertisement
4. Reinvention การปรับตัวด้วยการสร้างใหม่
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) แก้ข่าวเสียหายเรื่องงบประมาณ 1,500 ลบ. โดยการตั้งเป้าเรียกศรัทธาคืนให้ได้ภายใน 3 เดือน ด้วยวิธีคิดดังนี้
- ไม่ตำหนิองค์กรตัวเอง โดยหาจุดที่จะรวมใจคนในองค์กร ออกแคมเปญจน์ I love KMITL
- สร้างวิสัยทัศน์ที่ท้าทาย โดยไม่ตั้งแบบเดิม เช่น เป็นองค์กรที่บริการดี แล้ววัดผลกนเอง แต่ต้องตั้งใหม่ เช่น สจล. จะเอาชนะสิงคโปร์ให้ได้ (เชิญ CMKL University มาเปิดสาขาในไทยแทนที่จะไปสิงคโปร์)
- ผู้บริหารต้องไม่ย่อท้อต่อเสียงวิจารณ์ โดยการสร้างสิ่งใหม่พร้อมกับดูแลสิ่งเก่าต่อไป เช่น สจล. นำจุดแข็งด้านวิศวกรรมมาผสมผสานกับคณะใหม่ๆ เช่น เปิดคณะแพทยศาสตร์แนวใหม่ วิทยาลัยวิศวกรรมสังคีต
5. Urbanization การขยายตัวของความเป็นเมือง
Advertisement
Advertisement
ชนบทจะไม่มีอีกต่อไป เมืองไทยจะตาย ลูกหลานจะไม่มีที่อยู่เพราะต่างชาติมาลงทุนอสังหาริมทรัพย์อัพราคาสูง เทคโนโลยีใหม่ที่มีความฉลาด ราคาแพงเข้ามามาก แต่คนไทยจะตกเป็นทาสเทคโนโลยี เช่น กว่าจะขายยางพาราจนซื้อมือถือไอโฟน 1 เครื่อง เป็นเรื่องยาก
6. Mobility การหายตัวและเหาะได้
การเดินทางในอนาคตต่อไปคนจะเดินทางผ่าน Hyper loop อย่างรวดเร็วในพริบตา หมดยุคของคำว่า Transportation
7. Set Goal ต้องตั้งเป้าหมายเพราะโลกหมุนเร็วมาก
เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในจำนวนที่เท่ากัน คนเข้าถึงทีวีใช้เวลา 13 ปี แต่คนเข้าถึงเฟซบุ๊กปัจจุบันใช้เวลาแค่ 2 ปี ตัวอย่างคือ MV Gangnam Style - Psy มีจำนวนผู้ชมครึ่งโลก 3.2 Billion views ถึงเวลาต้องตั้งเป้าหมายและปรับตัวสู้ โดยประยุกต์ให้เข้ากับองค์กร
เนื้อหาจะยกตัวอย่างด้านการประชาสัมพันธ์และคมนาคมเป็นส่วนใหญ่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับองค์กรของท่านผู้อ่านได้ในอนาคต
ความคิดเห็น