อื่นๆ

กฏการอยู่หอพักราคาถูก !!!

382
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
กฏการอยู่หอพักราคาถูก !!!

กฎการอยู่หอพักราคาถูก วันนี้ผมได้ย้ายเข้ามาหอพักแห่งนี้ เนื่องจากความลำบากในชีวิตแบบขั้นสุด เงินทองเท่าที่มีคงพอให้ผมตกงานได้อีกสักแค่เดือนสองเดือน แต่ห้องพักราคาเดือนละ 800 บาทแบบนี้ หาแทบไม่ได้แล้วในปี 2565 มองจากภายนอกมันเป็นตึกเก่าที่มีสภาพเหมือนตึกร้าง ล้อมรอบไปด้วยป่าหญ้าสูง และปกคลุมอยู่ใต้เงาของต้นไทรที่สูงกว่าตึก 4 ชั้น มอเตอร์ไซค์ 4-5 คัน จอดกันอยู่เหงาๆ ข้างโรงรถโทรมๆ เศษใบไม้ตกเป็นชั้นหนาอยู่ทั่วบริเวณ เงยหน้าขึ้นไปสุดทางเห็นชื่อหอพักเป็นตัวหนังสือขนาดใหญ่เขียนเอาไว้ว่า "หอพักนวลฉวี"

กฏของการอยู่ห้อง 309

กฎของการอยู่ห้อง 309

นางนวลฉวี หรือเจ๊หวี เป็นมนุษย์ป้าวัยประมาณ 50 กว่าปีพูดจาโผงผางเสียงดัง ดูปากจัด จนผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับแกมาก และเจ๊หวีพาผมไปดูห้องตามชั้นต่างๆ แล้วบอกว่ามีห้องว่างตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปในส่วนชั้น 3 และ 4 ก็แล้วแต่จะเลือกผมเลือกที่ชั้น 3 มองไปตรงทางเดินริมระเบียง เห็นรองเท้าหลายคู่อยู่ตามหน้าห้อง ผมตกลงเลือกห้องสุดท้ายของชั้น 3 อาจจะเดินไกลบันไดหน่อยแต่ก็แลกกับความเป็นส่วนตัว

Advertisement

Advertisement

เวลาอากาศร้อนๆ ผมชอบเปิดประตูไว้ แล้วไม่อยากให้ใครเดินผ่านไปมา ถ้าเป็นสาวๆ ก็พอรับได้ เอาเป็นว่าห้องสุดท้ายก็แล้วกัน สัมภาระของผมมี กระเป๋าเป้ 2 ใบเล็กๆ ใบหนึ่งเป็นเสื้อผ้า อีกใบก็เป็นจานชามและเครื่องครัวเล็กๆ น้อยๆ เมื่อตกลงเช่าห้องก็จ่ายเงินไป 800 บาท จากนั้นก็เข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องมัดจำอะไร ถ้าราคาค่าหอเท่านี้ กับเมนูไข่และมาม่าครั้งละครึ่งซอง ผมจะยืดอายุตกงานไปได้นานอย่างต่ำก็ 8 เดือน แบบนี้ชีวิตค่อยมีลุ้น ระหว่างนั้นค่อยหาสมัครงานทำไป เจ๊หวีให้กุญแจห้องแล้วบอกให้เข้าพักได้เลย แถมยังให้รหัส WiFi เอาไว้ด้วยแกบอกว่าเอาไว้ดูหนัง ดู YouTube ตอนกลางคืน แต่คนที่นี่ก็ชอบความเป็นส่วนตัว ทำอะไรก็เบาๆ หน่อยแล้วกัน แล้วตอนกลางคืนอาจจะเงียบสักนิด แต่ถ้าเป็นคนที่ทำงานแล้วกลับมาพักผ่อน ก็คงจะเหมาะสม ก่อนผมจะเดินขึ้นห้อง เจ๊หวีก็บอกว่ากล้วยที่วางอยู่ที่เคาน์เตอร์สามารถหยิบกินได้ตลอดเวลา หรือจะเอาขึ้นไปกินที่ห้องก็ได้ แกปลูกเองที่หลังหอพัก ผมเห็นวางอยู่เกือบ 10 หวี ผมจึงขอหยิบขึ้นมาลูบท้องสักหวีทันที

Advertisement

Advertisement

วินาทีแรกที่ผมเปิดห้อง ผมไม่ได้คาดหวังว่ามันจะงดงามแบบรีสอร์ท แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะโทรมได้ขนาดนี้ มันเป็นห้องขนาด 3 คูณ 3 เมตรมีห้องน้ำในตัวข้างประตูหน้าห้องน้ำ ก็มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ สภาพและขนาดของมันเหมือนกับเอาโลงศพ 2 โลง มาตั้งติดกัน แต่ถ้าเอามันออกได้ ผมว่าวิสัยทัศน์ของผมคงจะกว้างไกลขึ้น แต่ก็เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน และในห้องก็จะมีเตียงไม้เก่าๆ กับ ที่นอนแบนๆ มีคราบด่างๆ เลอะอยู่หลายจุด พัดลมติดผนังที่กรอบเหล็กเต็มไปด้วยสนิม ส่วนผนังนั้นเต็มไปด้วยรอยสติกเกอร์เหมือนเคยมีคนติดโปสเตอร์หรือสติกเกอร์เอาไว้เต็มห้อง มองออกไปนอกบานเกล็ดระเบียงเอาไว้ตากผ้า แต่ที่พิเศษที่สุดก็คือที่ระเบียงของห้องนั้น ด้านหลังมีสวนกล้วยของเจ๊หวี จริงตามที่แกบอก แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายๆ กับเจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย มองไกลๆ ก็เห็นเป็นรูปของใครบางคนติดอยู่ ผมรู้ทันทีว่านั่นคือที่เก็บกระดูกของคนตายบางทีอาจจะเป็นเจ้าของที่เก่า หรือไม่ก็ญาติของเจ๊หวี โดยรวมแล้ว 800 บาท ถ้าคนอื่นที่นี่อยู่ได้ผมก็ต้องอยู่ให้ได้เช่นกัน จากนั้นจึงลงมือทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถู เสียเหงื่อเสียเวลาไปหลายนาที จนไปพบกับบางอย่างเสียบอยู่ในร่องของพื้น ใต้ตู้เสื้อผ้า มันเป็นซองจดหมายที่ดูเก่าและเหลือง แล้วที่ด้านในมีจดหมายเขียนทิ้งเอาไว้ มองออกไปตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้วบรรยากาศชักจะมีลมเย็นๆ พัดเข้ามา ผมจึงจัดการงัดไข่ต้มกับข้าวสวยที่ซื้อมาจากหน้าปากซอย เมื่อตอนบ่ายออกมากิน โดยที่ไม่ลืมจะใส่ซอสเพิ่มรสชาติเหยาะลงไปให้พอดี
กินเสร็จก็ตบด้วยกล้วยของเจ๊หวี ผล สอง ผล พออิ่มท้อง สมองก็ชักจะคิดอะไรในแง่บวกได้มากขึ้น จึงหยิบจดหมายที่เจอขึ้นมาอ่าน ก่อนที่จะมีคนเดินมาที่หน้าห้อง พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งอายุน่าจะสัก 30 กว่าเขาแก่กว่าผม กลิ่นบุหรี่ของเขาลอยมาก่อนที่ตัวเขาจะมาถึงซะอีก เขาทักทาย สวัสดี แล้วถามผมว่า เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่หรือ ผมก็ตอบไปตามนั้น คิดอีกแง่ก็ดีที่มีเพื่อน อย่างน้อยที่นี่ก็จะได้ไม่น่ากลัวจนเกินไป เขาถามผมที่กำลังมองบุหรี่ในนิ้วมือของเขา ว่าควันบุหรี่เขารบกวนผมหรือไม่ ผมก็ตอบไปว่าเปล่า เพียงแค่พยายามจะเลิกมันก็เท่านั้น เราคุยกันอยู่สักพักก็รู้ว่าแกชื่อพี่ชัย ทำงานเป็นช่างเชื่อมโรงกลึงแถวนี้ ดีไม่ดี ผมอาจจะถามหางานจากแกได้ แต่ตอนนี้เอาแค่สร้างมิตรเอาไว้ก่อนจากนั้นแกก็ขอตัวแล้วบอกว่ามีอะไรให้เรียกได้ แกอยู่แถวๆ นี้ จนเมื่อนึกขึ้นมาได้ผมจึงหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านต่อที่เป็นลายมือของใครบางคนเขียนเอาไว้พร้อมกับวาดรูปง่ายๆ ข้อความทั้งหมดมีดังนี้

Advertisement

Advertisement

กฏข้อที่1กฎข้อที่ 1 ซื้อที่ด้วยเหรียญครุฑ ในตึกแห่งนี้มีหลายสิ่งที่คุณควรจะต้องทำ เพื่อให้ยังสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ อันดับแรกก็คือการซื้อที่โดยใช้เหรียญครุฑแบบโบราณเท่านั้น ผมทดสอบมาหลายชนิดแล้วมันไม่สามารถทำให้ฝันร้ายหายไปได้ นอกจากการใช้เหรียญครุฑ ถ้าคุณไม่มีผมแนะนำให้ใช้ของผมซึ่งวางอยู่ใต้ฟูกในส่วนของหัวนอน ไม่ต้องตกใจไป เหรียญนี้จะช่วยคุณได้ เพียงแต่คุณต้องหยิบขึ้นมาก่อน และกล่าวทักทายกับอากาศในห้องนี้ ว่าห้องเป็นของคุณ เหรียญนี้เป็นของคุณและที่นอนนี้เป็นของคุณ แล้วก็สอดเหรียญเก็บเอาไว้ที่เดิม อ่านจบข้อแรกหัวใจผมก็ตุ้มๆ ต่อมๆ รีบเดินไปดูที่หัวเตียงในสภาพขาอ่อนแรงก่อนจะพบว่ามันมีเหรียญครุฑอยู่ใต้นั้นจริงๆ ผมทำตามจดหมายนั้น แล้วผมก็สอดเหรียญเอาไว้ใต้หัวนอนและรีบกลับมาอ่านกฎต่อ

กฏข้อที่2กฎข้อที่ 2 ในบางคืนจะมีคนมายืนอยู่ที่ประตู ตรงระเบียง เขาตัวสูงกว่าขอบประตู ทำท่าเหมือนจะก้มลงมามอง แต่ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเขา อย่างนั้นห้ามใช้ระเบียงตั้งแต่เวลา 02:00 ถึง 06:00 พออ่านจบข้อนี้ ผมรีบกระโจนไปปิดประตูทั้งด้านหลังและด้านหน้าในทันที จากนั้นก็กลืนน้ำลาย และอ่านกฎข้อต่อไป

กฏข้อที่3กฎข้อที่ 3 บางคืนจะมีผู้หญิงแอบมองคุณมาจากห้องน้ำ แล้วเธอจะทักถามคุณว่าชอบฟังเรื่องผี ไหม ให้ตอบไปว่า ชอบ ได้รู้ดังนั้นผมจึงรีบไปเปิดไฟห้องน้ำเอาไว้ก่อนนาทีนี่อะไรก็เกิดขึ้นได้

กฏข้อที่4กฎข้อที่ 4 บางคืนคุณอาจจะเห็นเงาดำมานั่งยอง ยอง ขยำถุงก๊อบแก๊บเล่นที่ปลายเตียง ให้คุณโยนถุงผ้าไปให้เขา แล้วเขาจะไม่มาปรากฏตัวอีกเลย บ้าอะไรก็ไม่รู้แต่ผมรู้อย่างเดียวว่าใครอยากมีชีวิตรอดในคืนนี้ผมต้องรีบอ่านกดทั้งหมดให้ได้

กฏข้อที่5กฎข้อที่ 5 ที่นี่ผู้เช่าไม่นิยมวางรองเท้าหน้าห้อง ตึกนี้แทบจะไม่มีคนอยู่แล้ว เท่าที่มีก็คือชั้น 1 ที่เต็มทุกห้อง ชั้น 2 ไม่ค่อยมีคนส่วน ชั้น 3 ก็มีเพียงผมและชั้น 4 ไม่มีเลย รองเท้าที่เห็นวางอยู่หน้าห้องต่างๆ เจ๊หวีเอาไว้หลอกคนที่จะมาเช่า ทำเหมือนว่ามีคนอยู่ในห้องนั้นๆ แม้ว่าบางครั้ง คุณอาจจะเห็นรองเท้าที่หน้าห้องหรือมีการเปิดไฟในห้องนั้น อันที่จริงมันไม่มีใครอยู่เลยผมเคยโดนมากับตัวแล้ว

กฏข้อที่6กฎข้อที่ 6 อย่าตากผ้าทิ้งไว้ตอนกลางคืน เพราะมันจะมีอะไรบางอย่างคล้าย ผู้หญิง ที่ชอบปีนป่ายตึกไปมา และจะชอบเช็ดปากที่อาบเลือดและของเสีย ตามเสื้อผ้าที่ ตาก อยุู่ จนทำให้เสื้อผ้าของคุณจะซักไม่ออก

กฏข้อที่7กฎข้อที่ 7 ถ้าได้ยินเสียงผู้หญิงมาเคาะห้อง หรือเดินผ่านห้องในเวลากลางคืน ให้คุยกับเธอไปตามปกติแต่อย่าอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้อง ซึ่งพอผมอ่านประโยคนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น คิดอะไรไม่ออกได้แต่ถอยหนีออกมาให้ห่างจากประตูและหน้าต่างมากที่สุด ก่อนที่จะมีเสียงหวานๆ ของผู้หญิงตะโกนผ่านประตูมาว่า ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่เหรอ เอาของกินมาฝาก ผมรู้สึกใจแข็งอย่างประหลาด เดินไปเปิดผ้าม่านดู ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ผิวขาวอัดแน่นอยู่ใต้เสื้อผ้าของเธอ ทำให้ความกลัวของผมนั้นหายไปจนหมดสิ้น ผมรีบเดินไปส่องกระจกที่ห้องน้ำและกระโดด สองก้าวยาวๆ กลับไปที่หน้าประตูก่อนจะเปิดประตูไปหาเธอ กลิ่นน้ำหอมของเธอลอยมากับลมด้านนอก สั่งความรู้สึกบางอย่างให้กับผม ในช่วงเวลา ทุ่มกว่าๆ แบบนี้ เธอบอกว่าเธอชื่อว่าผึ้ง อยู่ที่ชั้นนี้เหมือนกันแต่ที่ทำงานของเธอก็มีของกินเสมอ ถ้าไม่รังเกียจก็จะแบ่งให้กินก็ได้ จากนั้นนางฟ้าประจำหอคนนี้ก็ยืนถุงพลาสติกมาให้ผมในนั้นมีขนมถาดโฟม 4-5 ถาด ในถาดเป็นพวกขนมชั้น ทองหยิบ ทองหยอด อะไรแบบนั้น ผมเดาว่าเธอคงเป็นสาวโรงงานอยู่แถวนี้หน้าตาผิวพรรณดี เหมือนกับคนกรุงเทพฯ นี่ขนาดไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไรมาก ผมก็ยังเห็นว่าเธอไม่ต่างอะไรกับดารา ผมรับถุงนั้นมาแล้วกล่าวขอบคุณเธอ เป็นจังหวะที่เธอเหมือนจะชะเง้อเข้ามามองในห้อง ผมนึกได้ว่าห้องยังไม่เรียบร้อยดีและกางเกงในก็วางกระจัดกระจายอยู่บนเตียง จึงขวางตัวไว้แล้วแกล้งถามเธอว่าอยู่ห้องไหนก็บอกว่าอยู่ห้องแรกริมบันได สายตาเธอมองผมเหมือนมีความรู้สึกแปลกๆ แบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายจะรู้สึกกัน แต่เวลานี้คงจะไม่เหมาะจริงๆ ผมจึงบอกเธอไปว่าเพิ่งย้ายมาถึงอยากทำความสะอาดห้องไม่เสร็จเลย เธอพยักหน้าให้ยิ้มๆ ก่อนจะบอกว่า เธออยากเห็นวิวตรงระเบียงหลังห้องของผม ว่ามันจะแตกต่างจากห้องนอนของเธอไหม ผมต้องใจแข็งอย่างมากเพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอเข้ามาในห้องของผม แต่สถานะตอนนี้ผมดึงใครมาลำบากด้วยก็จะอายเขาและทรมานคนอื่นเสียเปล่าๆ ใจหนึ่งก็อยากจะเดินไปถามพี่ชัย ว่ามีงานให้ผมทำไหม จะได้รีบสร้างเนื้อสร้างตัวเลี้ยงสาวได้สักคนสุดท้ายก็บอกเธอไปว่า ฝุ่นในห้องยังเยอะไว้วันหลังค่อยมาดูนะครับ เธอมองหน้าแววตาเหมือนหมั่นเขี้ยว ก่อนจะบอกว่าไปก็ได้ ฝากขนมแบ่งให้พี่ชัยด้วยแล้วกัน มองตามหลังเธอสุดสายตา เธอเดินไปที่ห้องริมสุด แล้วเหลียวกลับมามองยกมือบ๊ายบายให้กับผม แล้วก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ใจผมเต้นแรงคิดเสียดายอยู่ที่สุดความจนนี่มันไม่เอื้ออำนวยเสียจริงๆ ก่อนจะไปนั่งยิ้มอ่านจดหมายต่อ หยิบขนมหวานมากินไปด้วย แต่ขนมก็แห้งและเหนียวฝืดคอชอบกล

กฎข้อที่เหลือก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากเอาเป็นว่าผมตกลงปลงใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปให้ได้ ขอยึดเอาน้องผึ้งเป็นสรณะและพี่ชัยเป็นเพื่อนคิด แต่ที่น่าแปลกก็คือพี่ชัยทนอยู่ข้างห้องกับสาวสวยอย่างน้องผึ้ง โดยไม่คิดอะไรบ้างเลยหรือ หรือน้องผึ้งไม่เล่นด้วยคิดไปคิดมาก็ว่าจะไปอาบน้ำจึงยัดของที่เหลือใส่เข้าไว้ในตู้เสื้อผ้าให้ห้องดูโล่งที่สุด จากนั้นจะได้เตรียมเข้านอน กลางดึกคืนนั้น ผมสะดุ้งตื่นสองหูได้ยินเสียงคนกดชักโครกแต่มันก็เป็นเสียงที่ใกล้มาก และรู้สึกว่าดังมาจากห้องของผมเอง แสงไฟในห้องน้ำที่ผมเปิดทิ้งไว้ ตอนนี้ประตูมันแง้มออก แล้ววินาทีที่ผมใจหายก็คือ มีใบหน้ายายคนหนึ่ง ยื่นหัวกระเซอะกระเซิงออกมามอง ใบหน้าของยายคนนั้นดูน่ากลัว แม้จะดูเหมือนว่ากำลังยิ้มมาให้กับผม ผิวซีดๆ เหมือนคนตายไปนานแล้ว ยิ่งทำให้ผมหัวใจจะวาย จากนั้นยายก็ถามผมว่าชอบฟังเรื่องผี ไหม ผมร้องลั่นตกใจสุดขีดด้วยความกลัว ยายคนนั้นจึงทำท่าทางเหมือนจะคลานออกมาจากห้องน้ำ ทำผมยิ่งเสียสติเหมือนคนบ้า

ก่อนที่จะมีเสียงใหญ่ๆ ของผู้ชายคนนึง ดังออกมาจากตู้เสื้อผ้า บอกไปด้วยเสียง เข้มๆ ว่า กลับไปในส้วม อีแก่!!! นี่ห้องของกู!!! จากนั้นประตูห้องน้ำก็ปิดงับลงเสียงดัง แล้วสิ่งที่ผมไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอในคืนนี้ก็คือ พี่ชัย คลานออกมาจากตู้เสื้อผ้า รอบนี้ผมส่งเสียงดังก่อนที่แกจะพูดกับผมอีกว่า ทำไมน้องไม่ทำตามกฎที่พี่เขียนไว้ให้ ดีนะที่ผึ้งไม่เข้ามาในห้อง ไม่งั้นน้องตายแน่ ขณะเดียวกัน จังหวะนรกก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงเคาะประตู ในตอนนี้ และเสียงเรียกเบาๆ ของน้องผึ้งที่กำลังบอกให้ผมเปิดประตู เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตัวผมก็ดันรีบกระโจนไปเปิดเหมือนคนไม่ได้สติ แต่ภาพที่ผมเห็นก็คือน้องผึ้งคนน่ารักตอนนี้กลายเป็นศพขึ้นอืด เธอได้กล่าวว่า ให้เธอเข้ามานอนเป็นเพื่อนได้ไหม แต่นั่นก็คือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก็จะหมดสติไป หลังจากนั้นผมตื่นขึ้นมาอีกทีที่ชั้นล่าง พี่ๆ ชั้นล่างมาช่วยกันยกผมตอนหมดสติ พาลงไปอยู่ที่ข้างล่างหอ

สุดท้ายผมก็ถามเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายหลัง จนได้รู้ว่าห้องที่ผมอยู่ก็คือห้องของพี่ชัย แกแอบเล่นชู้กับน้องผึ้ง แล้วแฟนของน้องผึ้งจับได้เลยยิงทั้งคู่ตายคาห้อง ผมคิดในใจ อะไรกันมาอยู่ที่นี่ไม่นานก็ต้องย้ายออกแล้วเหรอ จากนั้นผมก็เลยตัดสินใจว่าจะยังไม่ออกมาจากที่นั่น ผมออกไปหางานทำ แล้วผมก็ได้งานเป็นพนักงานขนของที่ประจำรถทัวร์สายหนึ่ง อาศัยว่าเดินทางไปกับรถตอนกลางคืนแล้วก็กลับห้องไปนอนหลับตอนกลางวัน ซึ่งหลังจากนั้น ผมก็ไม่กล้านอนกลางคืนจนกว่าจะเช้า อีกเลย

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงสุดหลากหลาย บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์