ไลฟ์แฮ็ก

การทำสไลด์นำเสนอโดย Keynote

1.7k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
การทำสไลด์นำเสนอโดย Keynote

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาสอนการทำสไลด์ในการนำเสนอผลงานโดยใช้ Keynote ซึ่งเป็นโปรแกรมในระบบ iOS ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการทำสไลด์นำเสนอผลงาน ซึ่งมีความแตกต่างจาก PowerPoint บ้างเล็กน้อย เช่น ในการนำออกผลงาน Keynote จะสามารถเลือกรูปแบบการนำออกของไฟล์ได้หลากหลายกว่า เราสามารถใช้งาน Keynote ได้ไม่ว่าจะใน MacBook, iPad หรือ iPhone หลายๆคนคงเคยเห็นโปรแกรมนี้กันมาบ้างแต่อาจไม่เคยกดเข้ามาใช้งาน วันนี้เราจะมาดูกันค่ะว่าโปรแกรมนี้มีการใช้งานเบื้องต้นอย่างไรบ้าง

การเริ่มต้นใช้งาน

รูปภาพที่ 1 การเริ่มต้นใช้งานกดเข้าไปที่ Keynote และกดบวก (+) เพื่อสร้างผลงาน โดยเราสามารถเลือกขนาดของผลงานได้ 2 ขนาด นั่นก็คือ Wide (16:9) และ Standard (4:3) หลังจากนั้นให้เราทำการเลือก Theme ซึ่งตัวอย่างนี้จะใช้ Basic White นะคะ

การเลือกพื้นหลังและMaster

รูปภาพที่ 2 การเลือกพื้นหลังและ Masterหลังจากทำการเลือกขนาดผลงาน และ Theme เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้กดไปที่พู่กันตรงมุมบนขวา และเลือกที่ “Background” ซึ่งเราอาจจะใช้พื้นหลังเป็น

Advertisement

Advertisement

  • Color : เลือกสีตามที่เราต้องการ
  • Gradient : การไล่ระดับสี ซึ่งเราสามารถเลือก Start Color และ End Color อีกทั้งยังสามารถปรับ Angle ของการไล่ระดับสีได้อีกด้วย
  • Image : เลือกรูปภาพจาก Albums, Insert from... หรือ Take Photo โดยสามารถปรับขนาดได้ Original Size, Stretch, Tile, Scale to Fill และ Scale to Fit

ส่วนการเลือก Master วิธีก็คล้ายกับการเลือกพื้นหลัง นั่นก็คือกดที่พู่กันตรงมุมบนขวา และเลือกที่ “Master” ที่เราต้องการ
รูปภาพที่ 3 การเลือกพื้นหลังและ Master

การใส่ Title, Body และ Slide Number

รูปภาพที่ 4 การใส่ Title, Body และ Slide Numberกดที่พู่กันตรงมุมบนขวา และทำการเลือกว่าต้องการให้มีส่วนใดในผลงานบ้าง

การพิมพ์เนื้อหา

ในการพิมพ์เนื้อหา ให้กดไปที่กล่องข้อความ 2 ครั้งติดกัน (double click) และพิมพ์ข้อความที่เราต้องการ เราสามารถเลือก Font ขนาด หรือสีตามต้องการได้ โดยเลือกข้อความที่ต้องการปรับแต่งและเลือกที่พู่กันตรงมุมบนขวา
รูปภาพที่ 5 การพิมพ์เนื้อหา

Advertisement

Advertisement

  • Style : สามารถเลือกสีพื้นหลังในกล่องข้อความ, Border (กรอบข้อความ), Shadow (เงา), Reflection (การสะท้อนข้อความ), Opacity (ปรับความเข้ม/ทึบของข้อความ)
  • Text : สามารถเลือก Font, ทำตัวหนา/ตัวเอียง/มีเส้นใต้/เส้นผ่านกลางอักษร, Size (ขนาดอักษร), Text Color (สีอักษร), ชิดขอบหน้าของกล่องข้อความ/กึ่งกลางกล่องข้อความ/ชิดขอบหลังของกล่องข้อความ/เสมอด้าหน้าและด้านหลังของกล่องข้อความ, ชิดขอบบนของกล่องข้อความ/กึ่งกลางของกล่องข้อความ/ชิดขอบล่างของกล่องข้อความ, Bullets&Lists, Line Spacing (ระยะระหว่างบรรทัด), Columns, Margin และ Shrink Text to Fit
  • Arrange : สามารถเลือก Move to back/front, Flip Horizontally, Flip Vertically และ Lock

การเพิ่มรูปภาพ วิดิโอ เสียงบันทึก วาดภาพ สมการ  รูปร่าง แผนภูมิ และตาราง

รูปภาพที่ 6 การเพิ่มรูปภาพ วิดิโอ เสียงบันทึก วาดภาพ สมการ รูปร่าง แผนภูมิ และตารางให้เลือกที่เครื่องหมายบวก (+) ที่มุมบนขวาซึ่งอยู่ข้างๆพู่กัน

Advertisement

Advertisement

  • ส่วนแรก : กดเพื่อเพิ่มรูปภาพหรือวิดิโอ เสียงบันทึก การวาดภาพ และสมการ
  • ส่วนที่สอง : กดเพื่อเพิ่มรูปร่าง โดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ไว้ เช่น Basic, Geometry, Objects และ Animals เราสามารถปรับแต่งสีของรูปร่าง, Border, Shadow, Reflection และ Opacity ได้
  • ส่วนที่สาม : กดเพื่อเพิ่มแผนภูมิ ซึ่งเราสามารถเลือกลักษณะของแผนภูมิได้ เช่น แผนภูมิรูปวงกลม แผนภูมิแท่ง อีกทั้งเรายังสามารถเลือกได้อีกว่าให้แผนภูมินั้นแสดงเป็น 2 มิติ 3 มิติ หรือ Interactive เมื่อเราเลือกรูปแบบแผนภูมิเรียบร้อยแล้ว ต้องการแก้ไขหรือใส่ข้อมูลในแผนภูมิ สามารถทำได้โดยกดที่แผนภูมิ 1 ครั้ง แล้วเลือกที่ “Edit Data” หรือหากต้องการเปลี่ยนสีหรือปรับแต่งแผนภูมิ ให้เลือกที่ “Edit Series”
  • ส่วนที่สี่ : กดเพื่อเพิ่มตาราง เราสามารถเลือกสี่หรือรูปแบบของตารางได้ หลังจากเลือกตารางเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถเพิ่มข้อมูลลงในตารางได้โดยเลือกที่ช่องที่ต้องการและใส่ข้อมูลลงไป

รูปภาพที่ 7 การวาดภาพ และสมการ

การใส่ลูกเล่นหรือทำให้มีการเคลื่อนไหว (Animation)

รูปภาพที่ 8 การใส่ลูกเล่นหรือทำให้มีการเคลื่อนไหว (Animation)

สำหรับการทำให้มีการเคลื่อนไหว (Animation) ให้กดที่ข้อความหรือรูปภาพที่เราต้องการใช้มีลูกเล่นหรือมีการเคลื่อนไหว 1 ครั้ง และเลือกที่ “Animate” จากนั้นเลือกว่าต้องการให้มีการเคลื่อนไหวแบบใด Add Build In , Add Action หรือ Add Build Out แล้วทำการเลือกรูปแบบของการเคลื่อนไหว ซึ่งก็มีให้เลือกมากมาย เช่น Cube, Keyboard, Compress, Blast และ Flame เมื่อเลือกรูปแบบเสร็จเรียบร้อย กดที่ “Done” ที่มุมบนขวา และเราสามารถกำหนดระยะเวลาในการแสดงการเคลื่อนไหวนั้นๆ ทิศทางในการแสดงการเคลื่อนไหว (เช่น Forward ,Backward) ได้อีกด้วย

การเพิ่มหน้าสไลด์

รูปภาพที่ 9 การเพิ่มหน้าสไลด์ ในการเพิ่มหน้าสไลด์ให้เลือกที่เครื่องหมายบวก (+) ที่มุมล่างซ้าย แล้วเลือกลักษณะของหน้าตามที่ต้องการ (เช่น Title, Title & Photo เป็นต้น) แล้วจึงเปลี่ยนภาพพื้นหลัง หากต้องการซ้ำหน้าของสไลด์ให้เลือกที่ “Duplicate” หากต้องการซ่อนหน้าสไลด์ให้เลือกที่ “Skip” หรือหากต้องการลบหน้าสไลด์ให้เลือกที่ “Delete”

การนำออกผลงานเมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

รูปภาพที่ 10 การนำออกผลงานเมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วหากเราทำสไลด์ในการนำเสนอผลงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถบันทึกโดยเลือกที่สัญลักษณ์จุดสามจุด (…) ที่มุมบนขวา แล้วเลือกที่ “Export” ซึ่งรูปแบบในการนำออกก็มีให้เลือกทั้ง PDF PowerPoint Movie Animated GIF Images และ Keynote Theme ซึ่งรูปแบบที่เราใช้บ่อยๆก็จะเป็น PDF กับ Images ซึ่ง 2 รูปแบบนี้จะมีข้อเสียคือไม่สามารถแสดงการเคลื่อนไหว (Animation) ได้ หรืออาจนำออกแบบ Movie เพื่อนำไปใช้ประกอบการนำเสนอรูปแบบ Video ได้อีกด้วย

หมายเหตุ : Keynote สามารถนำออกเป็นไฟล์เพื่อทำต่อใน PowerPoint ได้ แต่ PowerPoint ไม่สามารถนำออกเพื่อทำต่อใน Keynote ได้

และก็จบไปแล้วนะคะสำหรับการสอนทำสไลด์นำเสนอผลงานโดยใช้ Keynote หวังว่าทุกท่านที่อ่านบทความนี้จะได้ความรู้และสามารถนำไปใช้ในการทำสไลด์ได้นะคะ

ภาพถ่ายโดยนักเขียน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์