อื่นๆ
(ชวนเล่นชวนเที่ยว) Super minipla 'Dancouga' รำลึกตำนานหุ่นกล้ามในสไตล์กันพลา
Dancouga - Super Beast Machine God หรือมีชื่อย่อว่า "Dancouga" ซีรี่ย์ซูเปอร์โรบอทชื่อดังในยุคปี 80 ที่กำเนิดขึ้นมาในช่วงที่อนิเมะแนวหุ่นยนต์กำลังโด่งดังถึงขีดสุด มาพร้อมกับการนำเสนอที่แตกต่างไปจากอนิเมะหุ่นยนต์รูปแบบอื่นๆ ด้วยการนำเสนอหุ่นยนต์ทั้ง 4 ตัวที่สามารถแปลงเป็นยานพาหนะ, หุ่นยนต์สัตว์, หุ่นยนต์ร่างมนุษย์ และรวมร่างเป็นหุ่นยนต์ยักษ์เพื่อต่อกรการรุกรานจากมนุษย์ต่างดาว ซึ่งนอกจากลูกเล่นหุ่นยนต์ที่แปลงร่างได้อย่างหลากหลายแล้ว การดีไซน์ของหุ่นที่เรียกได้ว่าบึกบึนรวมกับนักกล้ามก็ไม่ปาน ถูกอกถูกใจแฟนๆ อยู่ไม่น้อย
ซึ่งทาง Bandai เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์หลักของซีรี่ย์นี้ ผลิตหุ่นยนต์ไลน์ Dancouga ออกมาให้สะสมอย่างหลากหลาย ตั้งแต่หุ่น DX, Chogokin, Soul of Chogokin (SOC) รวมไปถึงบรรดากาจาปองต่างๆ ล่าสุดก็ได้ปรากฏในไลน์ Superminipla ซึ่งเป็นไลน์ใหม่ล่าสุดที่มาในรูปแบบของพลาสติกคิทเหมือนกันพลา แต่ไลน์นี้จะเน้นไปที่หุ่นซูเปอร์โรบอทและหุ่นซูเปอร์เซนไท และที่กระผมได้มาในครั้งนี้เป็นหุ่น Super minipla 'Dancouga' แบบครบชุดเลยทีเดียว ราคาสูงเอาเรื่อง แต่หลายๆ คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่างดงามสมราคา สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น คงต้องลองประกอบดูกันสักหน่อย
Advertisement
Advertisement
แกะกล่องลองประกอบ Super minipla 'Dancouga'...
Superminipla 'Dancouga' ของเล่นหุ่นยนต์ยุคปี 80 ที่มาในรูปแบบพลาสติกคิทไลน์ใหม่ เริ่มจากตัวแพ็คเกจกล่องของมันนั้นจะเป็นกล่องใหญ่สีขาว-ดำ ที่แกะข้างในก็จะพบกับกล่องแยกเป็น 3 กล่องย่อย มีครบทุกเบอร์ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวจะให้อารมณ์ที่เหมือนกับแพ็คแบบแยกจำหน่ายแบบแคนดี้ทอย (แต่ส่วนมากจะซื้อแบบยกชุดมากกว่า) ซึ่งราคาในญี่ปุ่นแรก ๆ นั้น จะสูงถึง 9,240 เยน ซึ่งพอเข้ามาจำหน่ายในไทยจะมีราคาสูงเกินกว่า 3,000 บาทเลยทีเดียว อย่างเช่นที่กระผมได้มานี้ทั้งชุดมีราคาสูงถึง 3,300 บาท (แต่ได้ส่วนลดจากโปรโมชั่นนิดหน่อย)
สำหรับรายละเอียดของแต่ละกล่องนั้น จะประกอบไปด้วย
เบอร์ 1: Eagle Fighter / Land Cougar / Beam Launcher
เบอร์ 2: Land Liger / Flight Booster
เบอร์ 3: Big Moth
Advertisement
Advertisement
สำหรับการแกะกล่องนั้นจะต้องเอานิ้วจิกตรงรอยปรุกลางฝากล่อง แล้วแกะตามรอยปรุเพื่อเปิดฝา ต่างจากการเปิดกล่องแบบฝากล่องประกบกันเหมือนกันพลาที่หลายๆ คนรู้จักกัน ก็จะพบกับแผงพลาสติก สติ๊กเกอร์ และคู่มือประกอบ ตรงส่วนนี้ผู้เขียนขอกลับไปประกอบที่บ้านจะดีกว่า เนื่องจากต้องจัดการกับเศษพลาสติกอย่างเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดความสปรกในพื้นที่ และที่สำคัญใช้เวลาประกอบนานกว่าที่คิด กล่องหนึ่งใช้เวลาต่อประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง - 2 ชั่วโมง เลยทีเดียว
ลูกเล่นที่น่าสนใจ...
หลังจากที่ประกอบเสร็จแล้ว จะแบ่งออกเป็นหุ่นหลักๆ และออพชั่นเสริมต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
หุ่นหลัก จะมีด้วยกัน 4 ตัว ได้แก่ Eagle Fighter / Land Cougar / Land Liger / Big Moth ซึ่งแต่ละตัวจะสามารถแปลงร่างเป็น 3 โหมดได้ (ยกเว้น Eagle Fighter ที่มีแค่ 2 โหมด เท่านั้น) ได้แก่
Advertisement
Advertisement
- Tank Mode : โหมดยานพาหนะ พร้อมอาวุธโจมตีระยะไกล
- Beast / Fighter Mode : โหมดร่างสัตว์สำหรับโจมตีในระยะประชิด
- Humanoid Mode : โหมดร่างมนุษย์สุดอเนกประสงค์
ว่าแล้วก็มาดูรายละเอียดหน้าตาแต่ละตัวกันว่าหลังจากต่อดิบแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรกัน
Eagle Fighter Fighter Mode สำหรับหุ่นตัวนี้จะมาในรูปแบบนกอินทรี ไม่มีลูกเล่นแปลงร่างอะไรมากนัก
Eagle Fighter Humanoid มีโหมดร่างคนให้ประกอบเพิ่มด้วย ไม่มีจุดขยับใดๆ ความสูงอยู่ราวๆ 2.5 - 3 เซนติเมตร
Land Cougar Tank Mode โหมดรถถังขนาดกะทัดรัด แต่เอาไปวิ่งไม่ได้
Land Cougar Beast Mode โหมดหุ่นสิงโตภูเขา แปลงร่างไม่ซับซ้อนมากนัก
Land Cougar Humanoid Mode แปลงเป็นโหมดมนุษย์พร้อมชุดมือ และปืนคู่ใจ ความสูงราวๆ 4-5 เซนติเมตร
Land Liger Tank Mode โหมดรถถังสุดเรียบง่าย
Land Liger Beast Mode แปลงเป็นโหมดสิงโตด้วยการเปลี่ยนแผงคอ แล้วก็กลไกแปลงร่างที่ไม่ต่างจาก Land Cougar มากนัก
Land Liger Humanoid Mode แปลงเป็นโหมดมนุษย์พร้อมชุดมือ และปืนคู่ใจ (และเปลี่ยนแผงคอใหม่) ความสูงราวๆ 4 - 5 เซนติเมตร
Big Moth Tank Mode หุ่นรถถังขนาดยักษ์ ที่ต้องอาศัยในการเปลี่ยนชิ้นส่วนเฉพาะอยู่พอสมควร ความเหนื่อยยกให้ 10 เต็ม 10
Big Moth Beast Mode หุ่นช้างแมมอธขนาดยักษ์ ก็ต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนเสริมที่ขาเช่นกัน
Big Moth Humanoid Mode แปลงร่างเป็นโหมดมนุษย์ ที่มีความซับซ้อน เปลี่ยนจากยืน 4 ขาเป็นยืน 2 ขา พร้อมกับใส่หัวเฉพาะแบบ และใส่ชิ้นส่วนมือ แต่ตัวนี้มีลูกเล่นและดัดท่าทางได้อย่างหลากหลาย แถมปืนใหญ่ที่ด้านหลังสามารถตั้งท่ายิงได้ (แต่ไม่มีกระสุนหรือสปริงยิงใด ๆ)
สำหรับออพชั่นเสริม ก็จะมีทั้งพาร์ทมือรูปแบบต่างๆ, อุปกรณ์เสริมสำหรับ Beam Launcher และ Flight Booster
จับมารวมร่าง...
สำหรับการรวมร่างนั้นทำไม่ยากอย่างที่คิด แต่ต้องจับหุ่นมาเปลี่ยนโหมดตามรายละเอียดดังนี้
- ชิ้นส่วนหัวที่มาจากพาร์ทเสริมของ Eagle Fighter ตรงส่วนนี้จะทำการลงสีให้เรียบร้อยแล้ว
- Big Moth จะต้องแปลงร่างเป็น Humanoid Mode พร้อมกับพับส่วนเท้าขึ้นไป ปรับไหล่ให้ยกขึ้น ส่วนปืนด้านหลังสามารถเปลี่ยนจากแบบแรกมาเป็นแบบซ่อนไปในด้านหลังแทน
- Land Cougar และ Land Liger จะต้องแปลงร่างเป็น Tank Mode แล้วเปลี่ยนป้อมปืนเป็นบอลจอยท์
- แล้วก็นำไปรวมร่าง... Yate Yaruze!!
นอกจากนี้ ส่วนใบหูของ Big Moth จะใช้ทรงห้าเหลี่ยมธรรมดาสไตล์ออริจินอล หรือเปลี่ยนเป็นสามเหลี่ยมสไตล์ใหม่ก็ดูเท่ระเบิดไปเลย ส่วนความสูงหลังแปลงร่างจะอยู่ราวๆ 16.5 - 17 เซนติเมตร
ส่วนมือก็สามารถถอดสับเปลี่ยนและจัดท่าทางได้ตามความเหมาะสม จุดขยับทำได้ดีในหลายๆ จุด แถมดูบึกบึนเลยทีเดียว
เอาปืนจากตัวอื่นๆ มารวมกันเป็นปืนใหญ่ขนาดยักษ์ เท่าไม่หยอก
ปิดท้ายด้วยการเสริม Flight Booster เสมือนเสริมเขี้ยวเล็บให้ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น
ประกอบเสร็จก็จับไปถ่ายรูป...
บทส่งท้าย...
นับเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้จับหุ่นไลน์นี้เป็นไลน์แรก ส่วนทำไมถึงต้องยกเอาหุ่นตัวนี้เป็นตัวแรก ก็อาจจะเป็นความชอบส่วนตัว แถมคนก็รู้จักกันเฉพาะกลุ่ม จึงถือโอกาสนี้ให้ผู้อ่านได้รู้จักตัวตนของหุ่น Dancouga และไลน์ Super minipla พอหลังจากประกอบเสร็จเรียบร้อย ก็บอกได้ว่าสวยงามกว่าที่คิด รูปทรงตัวหุ่นที่ดูสวยงาม บึกบึนอย่างลงตัว หากตัดเส้นสักหน่อยก็อาจจะดูดีขึ้น และจุดขยับที่ทำมาดีทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเป็นความสวยงามที่ต้องประกอบปิดตายเลย จะเอาไปเล่นถอดประกอบบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้ชิ้นส่วนเสียหายได้ ซึ่งเป็นข้อด้อยของไลน์นี้
แต่ถ้าอยากจะเน้นถอดเล่นบ่อยๆ ไลน์ Soul of Chogokin (SOC) ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว แม้จะต้องแลกกับราคาที่แพง แถมบุคลิกจะดูแปลกๆ ไปจากตัวนี้พอสมควร เนื่องจากการออกแบบตัวหุ่นที่ส่งผลต่อกลไกและลูกเล่นด้วย จุดนี้จึงพอรับได้
และข้อด้อยอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยังมีลูกเล่นดาบขนาดใหญ่ ที่หาซื้อได้ในเฉพาะ Pre-Bandai ผ่านทางเว็บไซต์เท่านั้น แถมมีราคาที่สูงเกินอีกด้วย ตรงนี้หากใจรักจริงๆ ราคาอาจจะไม่ใช่อุปสรรค แต่ก็แอบคิดหนักพอสมควร
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ Tooney Toy Museum สถานที่รีวิวดีๆ เข้ากับบรรยากาศคนรักของเล่นได้เป็นอย่างดี ตั้งอยู่ตรงถนนสรงประภา ปากเกร็ด นนทบุรี (เลยคลองประปาไปเล็กน้อย) ซึ่งภายในก็มีการจัดโซนแสดงของเล่นของสะสมที่มีเอกลักษณ์ และจัดสรรพื้นที่ที่ดีที่สุด ให้คุณดื่มด่ำไปกับของเล่นของสะสมทั้งหาได้ในประเทศ ไปจนถึงของสะสมหายากที่มีเพียงหนึ่งเดียวในไทย พร้อมพักทานกาแฟขนมชมของเล่นของสะสมแบบจุใจที่คาเฟ่ เด็ดทุกมุมมอง โดยจะเปิดให้บริการในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-20.00 น.
สำหรับตอนหน้าจะรีวิวของเล่นรายการใดต่อไปก็อย่าลืมติดตามชมกันนะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
เน€เธโฌเน€เธยเน€เธยเน€เธยเน€เธโ€”เน€เธยเน€เธเธเน€เธยเน€เธโฌเน€เธโ€”เน€เธเธ•เน€เธ
ความคิดเห็น