ต้องทำอย่างไรเมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา

คงไม่มีใครอยากให้สัตว์เลี้ยงที่เรารักต้องจากเราไปหรอก จริงไหมคะ แต่ก็คงไม่มีใครเช่นกันที่จะสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไปได้ รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วยค่ะ เราขอเล่าจากประสบการณ์ตรงของเราเลยนะคะ เมื่อไม่นานมานี้น้องหมาเพศเมีย อายุเกือบ 8 ปี พันธ์ุไซบีเรียน ฮัสกี้ ผู้แสนน่ารักและอ้วนกลมของเรา เริ่มเดินแปลกๆ เราเลยพาน้องไปหาคุณหมอเพื่อเอกซเรย์ คุณหมอแจ้งว่าน้องกระดูกสันหลังงอกทับเส้นประสาท ทำให้ขาหลังของน้องไม่สามารถใช้งานได้ บวกกับน้องน้ำหนักน้อยมากค่ะ แค่ใกล้ๆ 40 กิโลกรัมเท่านั้นเอง (ยังจะแซวน้องอีกนะ..55+) เลยทำให้น้องมีภาวะกระดูกสะโพกเสื่อมร่วมด้วยค่ะ วันที่เราได้ฟังสิ่งที่หมอพูด น้ำตาก็ไหลมาเลยจ้า สงสารหมูน้อยลูกสาวสุดที่รักของเราเหลือเกิน เนื่องจากน้องอายุมากแล้ว จะให้รักษาโดยการผ่าตัดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เราก็ทำได้แค่ให้น้องทานวิตามินบำรุงประสาท บำรุงข้อ บำรุงกระดูก ทำกายภาพบำบัด ทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่เราจะสามารถทำให้น้องได้

จากนั้นเราก็นั่งร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมงก่อนจะคิดได้ว่า..ต้องหาที่จัดงานศพให้น้องสิ ไม่ใช่มานั่งร้องไห้อยู่อย่างนี้ อ้าว..งานงอกสิจ๊ะ!!! ปกติน้องหมาที่เคยเลี้ยงที่บ้านพ่อกับแม่ ถ้าน้องเสียชีวิตก็แค่ขุมหลุมฝัง แต่นี้เราอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร จะให้ไปขุดหลุมฝังน้องหมาที่หนักเกือบ 40 กิโลกรัมก็คงจะไม่ได้ เอาไงดีละทีนี้ เข้า google สิคะรออะไร search เลยค่ะ "รับจัดงานศพน้องหมา" แล้วเราก็ไปเจออยู่ที่นึง "Pet Funeral Thailand" รับจัดงานศพสัตว์เลี้ยง 24 ชม. โทรเลยค่ะ ตี 2 ก็ต้องโทร และแล้วก็มีคนรับสาย เราก็เลยได้ทำการจองคิวสำหรับจัดงานศพให้น้อง วัดที่เราเลือกคือวัดกระทุ่มเสือปลา วัดตั้งอยู่ใน ซ.อ่อนนุช 67 ค่ะ จริงๆ ที่นี่เค้ามีให้บริการอยู่หลายที่นะคะ ใครสนใจก็เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยจ้า ปล.เค้าไม่ได้จ้างเรามานะ เราแค่รู้สึกว่าที่นี่เค้าเตรียมให้เราหมดทุกอย่าง สะดวกสบายสำหรับคนที่เพิ่งเคยเลี้ยงสัตว์แล้วน้องเสียชีวิตตัวแรกแบบเรา เมื่อเวลานั้นมาถึงจะได้ไม่ต้องนั่งมึนหรืองงเหมือนเราว่าต้องทำอะไรยังไงค่ะ

พอตอนเช้ามืดเราก็นำร่างน้อยๆ ของน้องขึ้นรถ และหวังว่าน้องหมาอีก 2 ตัวที่เลี้ยงอยู่ด้วยกันคงจะรู้ว่าเพื่อนรักของเค้ากำลังจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่เปล่าเลยค่ะ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเล่นกันเหมือนเคย แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เราออกเดินทางมุ่งหน้าจากจังหวัดปราจีนบุรีเข้าสู่กรุงเทพฯ กันดีกว่า เราจองคิวไว้ประมาณ 09.30 น. พอไปถึงก็มีคิวก่อนหน้าเราที่พาน้องหมามาทำพิธีเช่นกัน บรรยากาศเลยเศร้าไปกันใหญ่ค่ะ เมื่อถึงคิวของน้องก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตามให้นำร่างน้องไปวาง ณ จุดทำพิธี มีการชั่งน้ำหนักน้องด้วยนะ ปรากฏว่าในช่วง 1 เดือนที่น้องป่วยน้องน้ำหนักลดไป 6 กิโลกรัมจ้า ขนาดเราออกกำลังกายยังไม่ได้ขนาดนี้เลยนะเนี่ย จากนั้นเจ้าหน้าที่เค้าก็จะเตรียมเครื่องสังฆทาน ผ้าไตร กระดาษเงินกระดาษทอง ดอกไม้ ให้เราเสร็จสรรพ พร้อมทั้งนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีให้น้อง 1 รูป ตอนนั้นเจ้าหน้าที่นำให้สวดบทอะไรบ้างก็ไม่รู้ เราเหมือนแค่นั่งพูดตามไปเฉยๆ สติหลุดไปแล้วจ้า พอเสร็จพิธีเจ้าหน้าที่ก็จะนำผ้าขาวมาห่อร่างน้องเพื่อทำพิธีเผาต่อไป มีการวางดอกไม้จันทน์ให้น้องด้วยนะ จากนั้นเราก็นั่งรอเพื่อเก็บอัฐิของน้อง ตอนแรกเราว่าจะเอาอัฐิของน้องกลับบ้าน แต่เจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้เอาไปลอยอังคารดีกว่าจะได้ไม่มีห่วงต่อกัน ดวงวิญญาณน้องจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีด้วย อ้าว..งานงอกต่อที่ 2 จ้า!!! จะต้องพาอัฐิน้องไปลอยอังคารที่ไหนเนี่ย แต่ก็ยังดียังพอมีเวลาให้หาค่ะ เนื่องจากปกติน้องหมาตัวอื่นเค้าใช้เวลาเผากันครึ่งชั่วโมง ส่วนลูกสาวเรานั้นจัดไปเกือบ 2 ชั่วโมงจ้า แบบว่าตัวเล็กแหละดูออก เราก็เลยหาที่ที่จะพาน้องไปลอยอังคารได้ทันเวลาพอดี

หลังจากเก็บอัฐิน้องและเคลียร์ค่าใช้จ่ายของน้องเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปจังหวัดฉะเชิงเทรากันค่ะ อ่อเกือบลืมบอกไปน้องหมาที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 20 กิโลกรัมขึ้นไปมีค่าใช้จ่าย 4,000 บาทนะคะ ไปค่ะออกเดินทางกัน เราตัดสินใจพาอัฐิน้องไปลอยอังคารกันที่แม่น้ำบางประกงกับ "พรหมพิริยะ เรือลอยอังคาร" แถววัดหลวงพ่อโสธร จุดลงเรือจะอยู่ตรงหน้าหอนาฬิกา เรือของเจ้านี้ลำใหญ่ค่ะ ปลอดภัยหายห่วง จากนั้นพี่เจ้าของเรือก็นำอัฐิของน้องใส่พาน พร้อมกับเตรียมน้ำอบและดอกไม้ไว้ให้เราด้วยค่ะ จุดที่พี่เค้าพาเราไปลอยอังคาร เรียกกันว่า "สะดือมังกร" เป็นจุดที่อัญเชิญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากแม่น้ำบางประกงเพื่อประดิษฐานที่วัดโสธรวรารามวรวิหารค่ะ เมื่อเริ่มทำพิธีน้ำตาก็ไหลมาตามเคยค่ะ พี่เค้าพาท่องอะไร เราก็ท่องมั่วไปหมด มัวแต่ร้องไห้ก็คนมันยังทำใจไม่ได้อ่ะนะ รู้แต่ว่าพี่เค้าบอกให้เราซื้อที่ซื้อทางให้น้อง ให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกันกับน้อง ให้เราฝากดวงวิญญาณของน้องไว้กับพระแม่คงคาและหลวงพ่อโสธร ให้ท่านช่วยให้ดวงวิญญาณของน้องไปสู่ภพภูมิที่ดี พอเราลอยอังคารน้องเสร็จเราก็เดินทางกลับบ้านที่ปราจีนบุรีทันทีค่ะ เนื่องจากยังมีตัวป่วนอีก 2 ตัวรออยู่ที่บ้านค่ะ

สุดท้ายนี้เราอยากจะฝากถึงคนที่คิดอยากจะเลี้ยงน้องหมา สัตว์เลี้ยงอื่นๆ หรือคนที่เลี้ยงอยู่แล้ว เค้าเกิดมาเค้ามีเราแค่คนเดียวนะคะ ขอให้รักและดูแลเค้าให้ดีที่สุด ถ้ายังไม่พร้อมที่จะเสียสละเวลาหรือแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของเค้า อย่าซื้อเค้ามาเลี้ยงเลยค่ะ รอให้เราพร้อมก่อนดีกว่าเพราะเค้าต้องอยู่กับเราไปอีกเป็น 10 ปี เราหวังว่าเรื่องที่เราเขียนคงจะมีประโยชน์หรือเป็นข้อคิดให้กับใครหลายๆ คนได้ไม่มากก็น้อยนะคะขอบคุณค่ะ

เรื่องจาก: นักเขียน

ภาพจาก: นักเขียน

ลิงก์เครดิต: petfuneralthailand

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !