ต้องเรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ? (How to be successful students?)

ต้องเรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ? (How to be successful students?)

ผมคิดว่า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักเรียน นิสิต นักศึกษา หลายๆ คน มีปัญหาเรื่อง การเรียน ไม่มากก็น้อย จะทำอย่างไรดี ถึงจะเรียนได้เกรดเฉลี่ยสูงๆ เรียนหนังสือได้เก่งๆ หากเราเรียนจบได้เกรดเฉลี่ยที่สูงๆ แล้วนั้น ก็จะเป็นประตู เบิกทางให้เรา สามารถได้ทำงานที่ดีๆ และมีเงินเดือนที่สูงๆ หรือถ้าใครจะทำธุระกิจส่วนตัวก็จะได้ประสบความสำเร็จได้

วันนี้ ผมมีแนวคิดดีๆ หลักการดีๆ ที่จะนำมาแชร์ ให้ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆคน ได้นำเอาไปปรับใช้กันนะครับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับผม ซึ่งแนวคิดนี้มีมานานมาก มีมานานมากกว่าหลายพันปีมาแล้ว ซึ่งมีคนหลายๆ คนที่นำไปประยุกต์ใช้และประสบความสำเร็จมากมาย ไม่ใช่เฉพาะการเรียนเท่านั้นนะครับ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตประจำวัน หรือการทำธุระกิจได้อีกด้วยครับ หลักการจะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเรามาดูกันได้เลยนะครับ

2. ต้องมีความพากเพียรในสิ่งที่ทำ ทำเป็นประจำ สม่ำเสมอ ทำบ่อยๆไม่ให้ขาดตอน ทำให้เกิดความเคยชิน เหมือนที่เรากินข้าวกินน้ำนั้นเอง หลังจากเรามีแผนงานจากหลักการที่หนึ่งแล้ว จากนั้น เราต้องทำการ ลงมือทำอย่างพากเพียร สม่ำเสมอ ให้เกิดความเคยชิน เช่น หากเราวางแผนไว้ว่า ต้องทำการฝึกการฟังภาษาอังกฤษโดยการฟังเพลงหรือดูหนังวันละ 1 ชั่วโมง เราก็ต้องทำให้ได้ทุกวัน ทำบ่อยๆ แล้วจะเกิดความเคยชิน หลังจากเกิดความเคยชินแล้ว ก็จะทำให้เราไม่ขี้เกียจ เหมือนการนอน น้องๆเคยขี้เกียจนอนไหมครับ เคยขี้เกียจกินข้าวไหม นั้นละครับเหมือนกัน หากเกิดความเคยชินแล้วก็จะทำให้เราไม่ขี้เกียจ

3. ต้องทำการเอาใจใส่ ฝักใฝ่ในสิ่งที่ทำ ต้องทำการตรวจสอบประเมินผล ตัวเราอยู่สม่ำเสมอ ว่าหลังจากที่ลงมือทำไปแล้ว ผลลัพท์เป็นอย่างไรบ้าง ต้องมีสมาธิในสิ่งที่ทำอยู่ ไม่ทอดทิ้ง หรือไม่ยกเลิกกลางคัน ต้องทำให้ได้ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ในตอนแรก หากเรารู้ว่าตัวเรามีการปรับปรุงพัฒนามากขึ้น ก็จะทำให้เรานั้นเรียนได้สนุกมากขึ้น ต้องไม่ท้อถอย มุ่งมั่นมีสมาธิในสิ่งที่ทำอย่างแน่วแน่ เพื่อให้ได้บรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้

4. ต้องทำการทบทวน ถึงเหตุและผล ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราได้ทำทั้ง 3 หลักการขั้นต้นแล้ว มีเหตุและผลอะไรบ้างที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ และมีเหตุและผลอะไรบ้างที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นก็ทำการวิเคราะห์แก้ไข ในจุดบกพร่อง และกลับไปปรับปรุงพัฒนาโดยการกลับไปทำในหลักการที่ 1, 2 และ 3 ใหม่ไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นก็นำสิ่งที่ได้ทั้งหมด ทำเป็นมาตรฐานให้กับตัวเอง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการทำสิ่งอื่นๆอีกต่อไป เป็นต้น

ซึ่งหลักการทั้งหมด ทั้ง 4 ข้อนี้ ผมจะขอเรียกว่า วงจร PDCA ก็คือ Plan DO Check Act หรือ วงจรเดมมิ่ง นั้นเอง แต่จริงๆแล้วหลักการ ทั้ง 4 ข้อนี้ มีมานานหลายพันปีแล้ว โดย ผู้ที่คิดค้นขึ้นมาก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นเอง

โดย พระพุทธเจ้า ได้ให้หลักคำสอนถึง หลักคุณธรรมที่จะทำให้ประสบความสำเร็จไว้ 4 ประการ หรือที่เรียกว่า อิทธบาท 4 คือ

1. ฉันทะ คือ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น

2. วิริยะ คือ ความพากเพียรในสิ่งนั้น

3. จิตตะ คือ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น

4. วิมังสา คือ ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

น้องๆ ทุกๆคน หากมีความท้อแท้ มีความขี้เกียจ หรือ ไม่อยากเรียนไม่ชอบเรียนวิชานั้นๆ ผมอยากจะให้ น้องๆทุกๆ คน ท่องไว้ในใจเสมอว่า ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ในขณะที่ท่อง ก็ให้ระลึกถึง พ่อ แม่ หรือผู้มีพรคุณทุกๆท่าน ที่ส่งเสียให้เราได้เรียนหนังสือ ให้ระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่คิดค้นหลักธรรมนี้ขึ้นมา แล้วก็ตั้งมั่น มุ่งมั่น ทำตามหลักการ ทั้ง 4 อย่างแน่วแน่ ทำไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องและเคยชิน แล้วน้องๆ ทุกๆ คน จะประสบความสำเร็จเองครับผม

ภาพหน้าปกจาก: Pixabay / Sabrina Eickhoff

ภาพลำดับที่ 1 จาก: Pixabay / White77

ภาพลำดับที่ 2 จาก: Pixabay / Sasin Tipchai

ภาพลำดับที่ 3 จาก: Pixabay / klimkin

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !