อื่นๆ

ภวังค์หลอน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ภวังค์หลอน

ถ้าเราทำเรื่องผิดพลาดไม่บ่อยครั้ง ก็อยากได้โอกาสแก้ตัวใช่ไหม แต่ถ้าเป็นความผิดร้ายแรง ที่ยากเกินจะให้อภัยล่ะ จะลบล้างได้หรือเปล่า....

สวัสดีครับ ผมชื่อ ต้อง อายุ 28 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วงหัวค่ำเวลาเลิกงานประจำของผม วันนั้นทั้งรถทั้งคนเต็มไปหมด คงเป็นชั่วโมงเร่งด่วน และวันสุดท้ายของสัปดาห์แห่งการทำงาน ผมก็ยืนรอข้ามถนนบริเวณสี่แยกท่ามกลางคนอื่นๆตามปกติ รถเคลื่อนสวนกันไปมาจำนวนมาก จนสัญญาณไฟเตือนข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมต้องเดินเบียดเสียดกันเล็กน้อย กับผู้คนที่ข้ามทางม้าลายอย่างเร่งรีบ เดินเบียดมาเรื่อยๆจนถึงกลางถนนครับ ผมเห็นอีกฝั่งของถนนมีหญิงสาวรูปร่างผอมกำลังตรงมาทางนี้ ลักษณะไม่สูงมาก แต่งกายเป็นนักศึกษา แต่เธอเดินก้มหน้าก้มตา จนทำให้ผมที่ยาว ลงมาปิดหน้าของเขาเอง ซึ่งผมเห็นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ จังหวะที่ผมและเขากำลังจะสวนกัน เหตุการณ์ในวินาทีนั้นมันเกิดขึ้นรวดเร็วมากครับ แต่บรรยากาศโดยรอบมันกลับช้าลงเรื่อยๆ..เรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นก็มาจับมือผมไว้แน่น ผมก็ชะงักเล็กน้อย แล้วพยายามก้มมองใบหน้าเขาเพราะเริ่มสงสัย " ขอโทษนะครับ คุณเป็นใคร " เขาไม่พูดอะไรแต่เงยหน้าขึ้นมาครับ แล้วก็ใช้มืออีกปัดผมอย่างช้าๆเพื่อเผยใบหน้า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยงามใช้ได้เลยทีเดียว ใบหน้าเรียวยาวแต่ไม่ซูบผอม แต่ผิวซีดไปหน่อยในความรู้สึกผม แต่ผมก็เหมือนยืนนิ่งไปได้พักนึง ทันใดนั้นสัญญาณไฟข้ามถนนก็เปลี่ยนสี รถเริ่มเคลื่อนตัวและบีบแตรไล่ ผมตกใจเพราะยังอยู่กลางถนน ก็เลยจะผละมือที่จับกันไว้ออก แต่ผู้หญิงคนนี้จับมือผมแน่นขึ้นแถมยังยิ้มเล็กน้อยให้อีก ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว ก็พยายามชักมือออก แต่กลับแน่นขึ้นเข้าไปทุกที จนผมเริ่มเจ็บและเหงื่อตก ในชั่วพริบตานั้นเองครับ มีรถยนต์พุ่งตรงมาทางผม ดูเหมือนจะมาด้วยความเร็วและเบรคไม่ทันแน่นอน เชื่อไหมครับ ผมรู้สึกตัวอีกทีคือสะดุ้งขึ้นมาในรถของตัวเอง มันเหมือนหลุดจากเหตุการณ์แปลกๆที่อธิบายยาก น่าแปลก ที่รถผมตอนนี้ก็มาจอดติดไฟแดงอยู่ตรงกลางสี่แยกเดียวกัน รู้สึกมีเหงื่อออกเล็กน้อย แต่คงคิดไว้ก่อนว่าตัวเองอาจจะอ่อนเพลียจากการทำงานก็ได้ ก่อนจะขับรถกลับบ้านต่อไป

Advertisement

Advertisement

กว่าจะถึงบ้านก็ค่อนข้างดึก ผมนั่งพักเหนื่อยจิบเบียร์เย็นๆอยู่ตรงโซฟา แล้วกดรีโมทเปิดโทรทัศน์

กะว่าจะหาภาพยนตร์รอบดึกดู แต่ในโทรทัศน์ก็มีแต่ข่าวรอบดึก จะเปลี่ยนกี่ช่องๆก็เจอแต่ข่าวอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ข่าวอุบัติเหตุชนแล้วหนีบ้าง ผมก็ไม่ค่อยอยากจะดูซักเท่าไร จึงกดรีโมทปิดโทรทัศน์ไปซะเลย คราวนี้ เมื่อหน้าจอโทรทัศน์มืดลง ผมกลับเห็นเงาของนักศึกษาสาวคนนั้นสะท้อนออกมา ผมตกใจคิดว่าตาฝาด ไม่น่าจะใช่อาการเมา เพราะพึ่งดื่มไปนิดเดียว ขยี้ตาก็แล้วแต่ก็ยังเห็นเขายืนอยู่ที่เดิม ผมหันกลับไปมองด้านหลังทันทีบริเวณที่เงาสะท้อนออกมา เขายืนอยู่ตรงนั้นจริงๆด้วยครับ ด้านหลังของโซฟาในชุดนักศึกษาชุดเดิม ผมพยายามจะลุกขึ้นแต่เหมือนจะอยู่ดีๆร่างกายมันเหมือนโดนต้านเอาไว้ ขยับแขนขาไม่ได้เลย มันชาไปทั้งตัว ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆยื่นมือเข้ามาอย่างช้าๆจนสัมผัสกับใบหน้าของผม นิ้วเรียวยาวเป็นรูปสวยไม่แพ้ใบหน้า มือของเธอขาวซีดดูไม่ค่อยมีน้ำมีนวล แต่ความรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อหน้าผมถูกสัมผัส มันแข็งกระด้างและเย็นยะเยือก จนทำให้ผมสะดุ้งตื่นในห้องนอนกลางดึก ผมแตะแก้มข้างที่ถูกสัมผัส แล้วก็เริ่มเอะใจว่าทำไมถึงฝันเห็นผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว

Advertisement

Advertisement

ช่วงค่ำของวันถัดมา ผมออกมาหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น ก็เลือกสั่งก๋วยเตี๋ยวกินที่ร้านรถเข็นเล็กๆ

บริเวณหน้าปากซอย วันนี้ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก ขณะที่ผมเริ่มกินก๋วยเตี๋ยวไปได้ไม่นาน ผมได้ยินเสียงไม้ค้ำยันใกล้เข้ามาจากทางด้านหลัง แล้วมือที่ดูไร้เรี่ยวแรงและเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นสัมผัสไหล่ผมเบาๆ พอผมหันไปมองก็สบกับแววตาของคุณยายคนหนึ่ง ความคิดแรกของผมนั้นคือ คิดคุณยายคนนี้ต้องมาขายของหรือมาขอเงินเราแน่ๆ เผลอๆพวกมิจฉาชีพอาจจะส่งมา ผมเลยทำได้แค่ปฏิเสธการช่วยเหลือไป " อย่าหลงใหลในสิ่งที่เอ็งเห็น มันไม่มีจริง มันจะพาเอ็งไปสู่หายนะ " อยู่ดีๆยายแกก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงสั่นๆ แต่ผมนึกติดตลกนะ คิดว่าคุณยายคงเปลี่ยนเรื่องมาดูดวงซะแล้ว แต่ผมไม่ได้งมงายกับเรื่องนี้ ก็เลยก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวต่อไม่ได้สนใจอะไร " เอ็งทำอะไรไว้ เอ็งรู้ดี ชีวิตมันต้องแลกด้วยชีวิต มึงต้องตาย! " อยู่ดีๆน้ำเสียงของยายก็เปลี่ยนไป หันกลับไปมองก็เห็นแววตาของคนแก่จ้องเขม็งมาที่ผม อันนี้เริ่มไม่ตลกแล้ว ผมก็มีปากเสียงกับยายแก่เล็กน้อย เพราะผมไม่ชอบให้ใครก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็มาแช่งผม แต่ดีต้องระงับความหงุดหงิดเอาไว้ได้ ก็เลยจ่ายเงินแล้วรีบออกจากร้านไป แต่ตอนเดินออกจากร้านผมหันกลับไปมอง ยายแกก็ยังจ้องเขม็งอย่างไม่ละสายตาเลย ผู้คนบริเวณร้านก็ทำได้แค่นิ่งเฉยกับที่เกิด

Advertisement

Advertisement

ผมออกมาจากร้าน เดินอยู่ริมถนนใหญ่ บริเวณแยกข้างหน้า สิ่งที่ผมเห็นคือหญิงนักศึกษาคนนั้น

ยืนหลบมุมอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนเดิมแน่ๆ แล้วก็สงสัยหลายอย่างด้วย ว่าทำไมถึงเห็นเขาบ่อยครั้ง เขาเป็นใคร มีอะไรกับผมหรือเปล่า ผมก็กะว่าจะเดินเข้าไปถามเขาให้แน่ใจไปเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำคือเดินหนีผม แล้วที่อันตรายไปกว่านั้นคือเขาเดินลงไปกลางถนน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาทำแบบนั้น แต่ก็ต้องตัดสินใจไปพาเขากลับเข้ามา ซึ่งผมยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไปเลย รถบรรทุกวิ่งมาจากเลนขวาด้วยความเร็ว แน่นอนว่ารถใหญ่ต้องเบรคไม่ทันแน่ๆ เป็นภาพที่ทำให้ผมช็อคไปครู่หนึ่งครับ รถบรรทุกชนเข้ากับผู้หญิงคนนั้นเข้าต่อหน้าผมอย่างรุนแรง จนร่างกระเด็นไปไกลพอสมควร ชาวบ้านแถวนั้นก็กรูกันมาตามประสาไทยมุง ส่งเสียงโวยวาย โทรตามรถโรงพยาบาลบ้าง ร่วมกตัญญู ไม่ก็ตำรวจ ผมพอจะได้สติกลับมา ก็รีบวิ่งไปยังกลุ่มไทยมุงแล้วแหวกผู้คนเข้าไป มันทำให้ผมถึงกับเข่าแทบทรุดเลยครับ ร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ไม่ใช่ผู้หญิงในชุดนักศึกษา แต่เป็นยายแก่ที่เจอตรงร้านก๋วยเตี๋ยว สายตาของเขาแน่นิ่ง แล้วก็จ้องมาทางผมพอดี ผมไม่พูดอะไรเลย แล้วรีบประคับประคองร่างตัวเองที่ยังพอมีสติ กลับเข้าบ้านอย่างเร็วที่สุด

เมื่อผมกลับมาถึง มันทำอะไรไม่ถูกจริงๆครับ เลยคว้าเหล้าจากชั้นวางมาดื่มเพียวๆเลย เพื่อหวัง

จะลืมเรื่องบ้าๆในวันนี้ ผ่านไปไม่นานเหล้าก็ออกฤทธิ์ ภาพตรงหน้าเริ่มจะซับซ้อนแต่แล้ว ผมไม่รู้ว่าพูดกับเขาอยู่จริงหรือเปล่า ผมคิดว่า ผมนักศึกษาคนนั้นปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง " คุณเป็นใครกันแน่ ? " ผมประคับประคองสติ ก่อนจะตะโกนถามออกไป ผู้หญิงคนนั้นมานั่งคร่อมผมเอาไว มือเย็นยะเยือกของเขาสัมผัสกับใบหน้าผมตรงที่เดิม แต่กลับไม่พูดอะไร เขาเลื่อนมือลงมาที่ลำคอของผม มันเกร็งขึ้น มีน้ำหนัก นิ้วค่อยๆบีบคอผมจนอาจจะเกิดรอยช้ำ ใบหน้าเขาอซีดเผือดมาก น้ำเสียงและแววตาก็เปลี่ยนไปด้วย " มึงฆ่ากู ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ! " ผมก็เริ่มดิ้น พยายามที่จะตอบโต้ แต่พูดก็เริ่มออกมาไม่เป็นคำ ไม่อยากเชื่อว่าร่างกายของผมมันไม่สามารถขัดขืนร่างของหญิงสาวที่บอบบางกว่าได้ ผมรู้สึกจุกในลำคอ ใบหน้าแดงกล่ำและเหงื่อแตกหนักขึ้น มันทุรนทุรายแล้วคงจะขาดสติในไม่ช้า ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้าขวดเหล้าฟาดเข้าเต็มแรงไปที่หัวของเขาจนขวดแตกกระจาย มือนั้นคลายออก ผมสำลักหนักมาก แล้วพอลุกได้ก็คว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกจากห้องตรงไปขึ้นรถ ผมขับพุ่งออกไปอย่างไร้จุดหมาย ตอนนั้นก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองขับส่ายไปมา เลยต้องลดความเร็วแล้วประคองสติในการขับ มันทำให้ผมสร่างเมาขึ้นมาพอสมควร ไม่รู้ว่าเขามาตามรังควานอะไรผมนักหนา ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวกลางถนนตรงสีแยกเดิมอีกแล้ว แต่ผมไม่สนแล้วว่าเป็นใคร ผมเหยียบคันเร่งจนสุด รถของผมได้ปะทะเข้ากับร่างของผู้หญิงคนนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 6 ปีก่อนของผมย้อนกลับเข้ามา มันเป็นเหตุการณ์คล้ายๆกับเรื่องที่เกิดในตอนนี้ มีรถหรูคันหนึ่ง กลางดึกเวลาเดิม บริเวณสี่แยกตรงจุดเดียวกัน และร่างของนักศึกษาสาวนั้นเป็นคนคนเดียวกันมาโดยตลอด เหตุการณ์ในอดีตที่ต่อเนื่องจากนั้น คือผมเองตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นเข้ารับทราบข้อกล่าวหาชนแล้วหนี แต่กลับรอลงอาญาในคดีไว้ก่อน คงเป็นเพราะอำนาจของเงินในมือผู้ปกครองผมเอง ต้องยอมรับว่าสมัยผมคึกคะนองมาก ทั้งขับรถเร็วและดื่มเยอะ เป็นวับรุ่นที่ยังเรียนไม่จบ ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ เลยใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ พอภาพพวกนี้ตัดไป ผมก็ได้สติอีกครั้ง ใบหน้าผมมีรอยฟกช้ำจากการกระแทกกับพวงมาลัยเล็กน้อย ถนนเบื้องหน้าของผมกลับไม่มีร่างของหญิงสาวคนนั้น ผมภาวนาไม่อยากให้เขามีตัวตนจริงในตอนนี้แล้ว ผมปรับกระจกมองหลังเพื่อส่องดูว่าร่างของเธอกระเด็นไปท้ายรถหรือเปล่า แต่มันปะทะเข้าพอดี กับใบหน้าที่อาบเลือดพร้อมสายตาอาฆาตคู่เดิมนั่งอยู่กลางเบาะหลัง สะท้อนกลับเข้ามาผ่านกระจกมองหลัง เสียงโหยหวนของผมมันตลบอบอวนไปทั่วทั้งคันรถภายในกลางดึกนั้น ผมทำได้แค่เตือนพวกคุณถึงความน่ากลัวที่แท้จริง ที่เกิดจากสุราและการเมาแล้วขับ ผมคงเตือนอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว พวกคุณคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าชายหนุ่มเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ภายในรถยนต์ที่จอดอยู่ในบ้านของตัวเอง นั่นคือผมเอง คืนเดียวกับที่รถบรรทุกพุ่งชนยายแก่เสียชีวิต.

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์