อื่นๆ

[รีวิวหนัง] Waking Life - หากชีวิตนี้ไม่ได้ตื่น ตอนที่ 2

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
[รีวิวหนัง] Waking Life - หากชีวิตนี้ไม่ได้ตื่น ตอนที่ 2

โปสเตอร์หนัง

หนังมีหลายๆ ฉากที่ปรากฎเข้ามาดูไร้สาระ แต่ก็ชวนย้อนถามกับตัวเราเองว่าแท้ที่จริงสิ่งเหล่านี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้มาแล้วทั้งนั้น การกระทำของมนุษย์เราเองก็ชวนให้คิดว่าเรื่องต่างๆ ราวกับภาพฝันมากกว่าความจริง
จากที่เล่าอาจดูเผินๆ ได้ว่าหนังที่เล่นง่ายๆ โดยการพูดและพูดเรื่องที่ต้องการจะบอกเล่า คิดแล้วน่าจะรับรู้สิ่งที่จะสื่อได้ไม่ยาก แต่เอาเข้าจริง Waking Life ถือเป็นบททดสอบอันสาหัสเอาการในการรับชมและทนฟังเรื่องราวยืดยาวไม่มีตัดทอนจากปากตัวละครแต่ละคนในเรื่อง แต่ละเรื่องใกล้เคียงกัน แตกต่างกันไป แต่ชวนให้ย้อนถามความมีอยู่จริงของมนุษย์จนได้

ผลที่ได้คงไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน นอกจากจะบอกกล่าวไว้แล้วในตอนต้นว่า “ความฝันคือชะตากรรม” ซึ่งเป็นสาระที่ชายหนุ่มในเรื่องค้นหา และนำพาเราไปสัมผัสเพื่อได้เห็นความจริง แต่แล้วความฝันกลับมีอิทธิพลมากกว่า และปฏิเสธไม่ได้ในที่สุดว่าความฝันเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ และน่าจะเป็นส่วนที่ผลักดันด้านที่เป็นอุดมคติให้เกิดเป็นรูปธรรมปะปนกันไป…ผมตัดบทง่ายๆ อย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าตกลงแล้วเราแยกระหว่างความมีอยู่จริงกับความฝันได้แล้ว เพราะแม้แต่วิธีการพิสูจน์ง่ายๆ อย่างการหยิกตัวเองเพื่อรับรู้ ความมีอยู่ ความรู้สึกเจ็บในเรื่องและในทางปรัชญา ก็ยังไม่กล้าสรุปว่าเป็นวิธีการพิสูจน์ทีดีเพียงพอ

Advertisement

Advertisement

กุญแจสำคัญประการหนึ่งให้ดูที่ผลงานก่อนหน้าของ ริชาร์ด ลิงค์เลเทอร์ อย่าง Before Sunrise อันว่าด้วยชายหนุ่ม หญิงสาวที่บังเอิญพบกัน และตัดสินใจลองสำรวจชีวิตของกันและกัน สำรวจชีวิตผู้คนที่พานพบเจอในเมืองที่ทั้งคู่ไม่รู้จักในเวลาเพียง 1 วัน 1 คืน ซึ่งท้ายที่สุดแม้ทั้งคู่จะพบความรัก แต่ก็พลัดพรากจากกัน และไม่สามารถให้คำตอบได้ว่านั่นเป็นความรักที่ฉาบฉวยหรือเป็นรักในอุดมคติ หากใครที่เข้าใจและซาบซึ้งไปกับหนังรักแบบ Before Sunrise วิธีการใน Waking Life ก็อาศัยวิธีการดังกล่าวแต่ตัดความโรแมนติคออกไปคงเหลือเพียงคำถามสำคัญคำถามหนึ่งของมนุษยชาติ พร้อมไปกับตอนจบที่ราวกับจะทิ้งให้คนดูพยายามล่องลอยไปหาบทสรุปที่แท้จริงกับตัวเอก แต่ก็ทำไม่ได้

นอกจาก Waking Life จะมีอารมณ์ดนตรีคอยช่วยร้อยเรียงเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวเนื่องกันให้หลอมรวมไปกับอารมณ์ล่องลอยแล้ว มันยังมีคุณสมบัติโดดเด่นประการสำคัญคือ การที่หนังเลือกถ่ายทอดด้วยเทคนิคอนิเมชั่นแบบ โรโตสโคปหรือภาพเคลื่อนไหวในแบบการ์ตูน ซึ่งสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการทาบทับสีลงบนภาพนักแสดงซึ่งกำลังแสดงอยู่จริงๆ หากผ่านการปรับเปลี่ยนสีหน้า ท่าทางให้เกิดอารมณ์ในแบบงานการ์ตูนอีกทีหนึ่ง บางครั้งประหนึ่งภาพป๊อปอาร์ต หรือไพล่นึกไปถึงงานแนวเอ๊กเพรสชั่นนิสม์, และอิมเพรสชั่นนิสม์ ไม่น้อยตามแต่ความต้องการที่จะสื่อในทางใด

Advertisement

Advertisement

เมื่อรวมกับเนื้อเรื่องที่พูดถึงความมีอยู่ กับความฝันที่แยกกันไม่ออก ทำให้เทคนิคดังกล่าวกลมกลืนประสานกันอย่างยอดเยี่ยม ระหว่างภาพจริงและภาพสมมติอันซ้อนคู่ขนานกันไป เมื่อรวมกับวิธีบอกเล่าง่ายๆ แต่อัดแน่นเรื่องราว ก็ทำให้ผลงานชิ้นนี้สร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้ตัวมันเองไปในทันที ที่เหลือก็อยู่กับคนดูว่าจะอดทน พยายามทำความเข้าใจ หรือเบือนหน้าหนีไปสิ่งที่หนังบอกเล่า

เพราะความเชื่อบางอย่าง ดังเช่นความมีอยู่ บางครั้งก็สั่นคลอนจิตใจอันละเอียดอ่อนของมนุษย์ได้ง่ายๆ เหมือนกัน

Waking Life (2001) -

เขียนบท และกำกับภาพยนตร์ : ริชาร์ด ลิงค์เลเทอร์
แสดงนำ : วิลลี่ วิกกิ้น, อีธาน ฮอว์ค, ริชาร์ด ลิงค์เลเทอร์
กำกับศิลป์ และควบคุมด้าน Animation : บ๊อบ ซาบิสตัน
(มีจำหน่ายแบบลิขสิทธิ์ในไทย ชื่อเรื่องว่า “ปลุกชีวิต เนรมิตฝัน”)

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์