อื่นๆ

รีวิวหนังสือ ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป : Yoo Eun Jung

521
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รีวิวหนังสือ ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป : Yoo Eun Jung

'' ทำแบบนี้จะดูไม่ตลกเกินไปเหรอ?'' '' เคยเห็นคนอื่นทำได้ดีกว่านี้นะ'' '' งั้นๆแหละ ไม่เห็นรู้สึกว่ามันดีตรงไหนเลย'' คำพูดเหล่านี้มักตามมาด้วยคำว่า '' ที่พูดแบบนี้เพราะหวังดี เห็นว่าเป็นคนรู้จักกันนะ '' หรือ '' ไม่ได้อะไรนะแค่พูดเฉยๆ อย่าคิดมากสิ ''

หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ในการได้ฟังชุดคำพูดที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น และส่วนใหญ่คำพูดเหล่านี้มักมาจากคนใกล้ตัว หรือคนในชีวิตเรา และหลายครั้งคำพูดที่ดูเหมือนห่วงใยนี้สร้างบาดแผลในใจให้เราโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถโทษใครได้เพราะทุกอย่างจะวนกลับมาที่คำว่า ''ความหวังดี'' กลายเป็นการโทษตัวเองว่าหรือเราเป็นคนที่ ''อ่อนไหวเกินไป'' หรือเปล่า หรือจริงๆแล้วเราไม่ได้อ่อนไหว แต่คนเหล่านั้นกำลังล้ำเส้นทางอารมณ์ของเราอยู่กันแน่
หนังสือ ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป ภาพถ่ายโดย hairpinnnnบทแด่ผู้อดทนต่อความหิวโหย แต่ไม่อาจอดทนต่อความอิจฉา ภาพถ่ายโดย hairpinnnn ประเด็นดังกล่าวไม่ค่อยมีการพูดถึงอย่างจริงจังในหนังสือเล่มไหน แต่หนังสือ ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป กำลังถ่ายทอดเรื่องราวจากคนที่มีบาดแผลจากคำพูดเหล่านั้น ผ่านมุมมองของ Yoo Eun Jung นักจิตบำบัดชาวเกาหลีใต้ที่รับฟังและช่วยเยียวยาคนหลายคนจากประสบการณ์ดังกล่าว แม้จะเป็นการเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของนักจิตบำบัดซึ่งเป็นวิชาชีพเฉพาะแต่หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องออกมาได้อย่างจริงใจและเป็นกันเอง ไม่ได้รู้สึกเป็นการศึกษาเรื่องจิตวิทยาเชิงลึกแต่เน้นการเล่าเรื่องผ่านประสบการณ์ของบุคคลแต่ละคนที่เข้ามาทำการบำบัด ซึ่งแต่ละเรื่องเข้าใจได้ง่ายเพราะสอดคล้องกับสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่

Advertisement

Advertisement

ยกตัวอย่างเช่นบทที่ชื่อว่า '' แด่ผู้อดทนต่อความหิวโหย แต่ไม่อาจอดทนต่อความอิจฉา'' บทนี้ของหนังสืออธิบายธรรมชาติของมนุษย์ในการรู้สึกเปรียบเทียบกับผู้อื่น แต่เป็นการเปรียบเทียบในเชิงที่รู้สึกถูกลิดรอน หรือที่เรียกว่า Relative Deprivation ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนอาจกำลังเผชิญอยู่ในสังคมทุนนิยมที่มีการแข่งขันสูงในทุกๆเรื่อง สิ่งนี้อาจทำให้เราใช้ชีวิตได้เหนื่อยกว่าที่ควรเป็น หรือรู้สึกทำอะไรไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยถูกเติมเต็มสักทีเพราะเราเองไม่เคยสำรวจจิตใจตัวเองเลยสักครั้งว่ากำลังไม่มีความสุขเพราะชีวิตของตนเองในขณะนี้หรือเพราะกำลังเอาชีวิตของตัวเองไปเทียบกับชีวิตของคนอื่น ไม่เพียงแต่อธิบายกระบวนการคิดเท่านั้น หนังสือเล่มนี้ยังมีวิธีหรือแนวทางในการรับมือและหลุดพ้นจากความรู้สึกถูกลิดรอนเชิงเปรียบเทียบนี้ด้วย

Advertisement

Advertisement

อีกประเด็นที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจและควรแก่การอ่านคือประโยคที่ว่า ''ฉันอยากให้เธอโชคร้าย เพราะมันคงน่าเจ็บใจถ้าแม้แต่คนอย่างเธอก็มีความสุขไปด้วย'' ประโยคนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับคำว่า ''Frenemy'' ซึ่งเป็นการผสมระหว่างคำว่า Friend กับ Enemy ซึ่งเป็นคำเรียกบุคคลที่อยู่ข้างกายเรา แต่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนคนนั้นเป็นเพื่อนแท้ที่หวังให้เรามีความสุขจากถ้อยคำที่ดูหวังดีหรือเป็นศัตรูทีาแอบอิจฉาในครายของเพื่อนกันแน่เพราะคำพูดเหล่านั้นสร้างบาดแผลในใจให้เรามากมายเหลือเกิน เป็นธรรมดาที่เราต่างต้องรักษาทุกความสัมพันธ์ในชีวิต แต่บางครั้งการฉุกคิดว่าความสัมพันธ์ใดบ้างที่ดีหรือ Healthy กับเราจริงๆเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกัน
Frenemy ภาพถ่ายโดย hairpinnnn

หลังจากได้อ่านหนังสือ ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไปจนจบ ผู้เขียนได้หยุดคิดถึงเรื่องที่ตัวเองเคยเจอว่าจริงๆเราอาจเคยเป็นทั้งคนถูกกระทำในบางบทสนทนาที่สร้างบาดแผลในใจ และบางครั้งก็เป็นผู้กระทำทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจในการสร้างบาดแผลให้คนอื่น การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เข้าใจสาเหตุในการตัดสินใจ การกระทำต่างๆที่ออกมาจากคนคนนึง ท้ายที่สุดคือได้เข้าใจตัวเอง และพร้อมที่จะเข้าใจตัวเองได้ต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร หรือเจอสภาพสังคมแบบใดก็ตาม
Thank You, Be Happy ; Yoo Eun Jung ภาพถ่ายโดย hairpinnnn

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
hairpinnnn
hairpinnnn
อ่านบทความอื่นจาก hairpinnnn

Write about books I've read and review from my point of view

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์