อื่นๆ

สูญสิ้นความเป็นคน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
สูญสิ้นความเป็นคน

สูญสิ้นความเป็นคน

“ความเป็นคนที่หายไปหลังทุกอย่างได้ถูกพรากจากโดยผู้มีอำนาจ”

นั้นคือสิ่งที่เป็นโลกทัศน์ที่ในชีวิตนึงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ และ มันเป็นเพียง “โลก” ที่เรามองเห็นและถูกปลูกฝังกลายเป็นสามัญสำนึก ในปรากฏการณ์วิทยา(Phenomenology) “มันเรียกว่าสามัญสำนึกร่วมของคนในสังคม” เป็นแนวคิดที่มีใช้เพื่ออธิบายคาดการณ์ล่วงหน้าโดยอาศัยความปกติของคนในสังคมหรือมันก็คือความรู้ทางสามัญสำนึกที่มีไว้เผื่อบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป(ยกตัวอย่าง เช่นในมารยาททางสังคม หรือ บางสิ่งที่มันกลายเป็นข้อปฎิบัติในชีวิตประจำวันของเรา) สิ่งเหล่านี้เป็นแค่การปูพื้นสำหรับความเป็นปกติที่จะกลายเป็นภาวะที่ไม่ปกติ และ มันบ่มเพาะสิ่งที่มันเป็นความผิดปกติ จากการครองอำนาจนำของชนชั้นปกครองที่สร้างสามัญสำนึกและการมองโลกในแบบที่ตนอยากให้เป็น ซึ่งนั้นเป็นเหตุที่อยากให้เป็น ว่าทำไมการปลูกฝังเช่นนี้มันจึงเป็นการลดทอนความเป็นมนุษย์ให้สูญสิ้นความเป็นคนลงจากการทำให้เชื่อง

Advertisement

Advertisement


อันโตนิโอ กรัมชี่ กับการจัดวางความคิดทางการเมือง: ปรัชญาปฏิบัติ การเปลี่ยนแปลงสังคม และการปลดปล่อยมนุษย์

ซึ่งนั้นเป็นมุมมองที่เป็นประเด็นอย่างหนึ่งของอันโทนีโอ กรัมซี่(Antonio gramsci 2434–2480 อ่านต่อได้ที่ อันโตนิโอ กรัมซี่ กับการจัดวางความคิดทางการเมือง ปรัชญาปฎิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการปลดปล่อยมนุษย์ สำนักพิมพ์สมมติ;) ต่อ “การครองอำนาจนำและการอธิบายโครงสร้างทางความคิด” ที่มีความสัมพันธ์กับตัวปัจเจกบุคคลในสังคมเองและสัมพันธ์กันทางอำนาจและโครงสร้าง นี่จึงเป็นแนวคิดนึงที่จะสามารถสร้างความเป็นปกติในสังคมใหม่โดยการ “สร้างและสถาปนาอำนาจนำ ซึ่งนั้นเป็นประเด็นทางโครงสร้าง” เพราะ ฉะนั้นความปกติของเราเป็นการถูกกำหนดโดยโครงสร้างอำนาจนำแล้วทั้งสิ้น รวมไปถึงสามัญสำนึกและการมองโลกเช่นเดียวกัน แต่นั้นมันเป็นประเด็นที่ใช้ในการเหมารวมว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างภาวะความเป็นปกติเกิดขึ้น กรัมซี่พิจารณาประเด็น “ภาษาและการแปลความหมาย” (ซึ่งในทฤษฏีจะเป็นการแปลความหมาย และ ศักยภาพการแปลความหมาย) โดยหลักๆ การแปลความหมายธรรมดานั้นมีสองแบบคือ

Advertisement

Advertisement

1.) การแปลความหมายแบบวงแคบ(ซึ่งเป็นการแปลความหมายโดยทั่วไปที่ซึ่งเป็นการถ่ายทอดทางภาษา และ เป็นกิจกรรมการพูดคุยของมนุษย์โดยทั่วไป)

2.) การแปลความหมายแบบวงกว้าง(ซึ่งเป็นการแปลความหมายในแบบการวิพากษ์ วิเคราะห์การเมือง / เศรษฐกิจ / สังคม ซึ่งมีฐานะเป็นเครื่องมือ) โดยสิ่งนี้มีไว้เพื่อต่อต้านความจริงสมบูรณ์หรือชุดความเชื่ออื่น ๆ ซึ่งจะมาในรูปของการเปรียบเทียบ

ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นในเรื่องของการถ่ายทอดทางภาษา ซึ่งเป็นกิจกรรมทั่วไปของมนุษย์ อนึ่งแล้วกิจกรรมเหล่านี้สร้างภาวะความเป็นปกติในการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ไป โดยอาศัยสภาวการณ์ที่เป็นอยู่ของบริบทนั้น ๆ ว่ามันเป็นอย่างไร ซึ่งนั้นจะเป็นการถ่ายทอดโดยการแปลอย่างที่กรัมซี่เสนอไว้ แต่ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นสำคัญก็คือ “อำนาจนำเหล่านี้มันสร้างมาเพื่อตอบสนองชนชั้นสูง” และ แน่นอนว่าตัวแปรนึงที่จะเกิดขึ้นก็คือภาวะที่ไม่เป็นความปกติ และ นำไปสู่การสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ลง นั้นหมายความว่าในโลกยุคใหม่นี้เราพยายามเอาตัวรอดกับความเจริญที่ไม่มีมนุษยธรรม และ ความเจริญแบบมีมนุษยธรรม ถ้าพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นสิ่งเหล่านี้ล้วนยังมีการต่อสู้กันอยู่ในทางความคิด และ ในประเทศไทยเองที่ชนชั้นนำไม่สามารถยืนยันหลักการข้อนี้ได้(หลักการที่ว่ามนุษย์นั้นเท่าเทียมกัน เฉพาะในความเป็นมนุษย์ แต่นั้นไม่ใช่ความเท่าเทียมทางสังคม) สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ปรากฏการณ์การต่อสู้ทางความคิด ผลลัพธ์ในปัจจุบันคือ การที่จะต้องยอมรับผลลัพธ์ทั้งสองที่รวมกันเป็นหนึ่งนั้นหมายความว่า “ทุกคนจะเข้าสู่สังคมการแข่งขันในโลกทุนนิยมที่จะต้องขวนขวาย และ ลงแรงพยายามกับสิ่งที่จะต้องเน้นเพื่อไปสู่วันข้างหน้า รวมไปถึงกฏหมายสิทธิมนุษยชน และ รัฐธรรมนูญก็คุ้มครองพวกเขาในฐานะพลเมือง” และ การแข่งขันเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการแข่งขันที่ในระบบแล้วจุดเริ่มต้นมักจะเท่าเทียมกันเสมอ แต่นั้นไม่นับเรื่องความสามารถที่แตกต่าง(อำนาจนำมีปฎิสัมพันธ์กับคนในสังคมส่วนใหญ่ อย่างในกรณีปลูกฝังค่านิยม หรือ บางสิ่งบางอย่างที่มันยังคงฐานคิดแบบเก่าที่มันถูกทำให้เป็นสามัญสำนึกโดยปราศจากปลูกฝังเพื่อให้วิพากษ์โลก)

Advertisement

Advertisement

ฉะนั้นแล้วความสูญสิ้นความเป็นคน ในโลกยุคเก่ามันก็คือ “ฝันร้ายที่เคยผ่านมา” ในปัจจุบัน “ฝันร้ายที่ยังพอมีทางรักษาหรือเยียวยามันก็มีการหาทางออกได้” และนั้นคือเหตุผลว่าทำไมมนุษย์จะต้องเอาตัวรอดจากโลกที่เกิดการคัดสรรทางระบบ คนเก่งมีความสามารถพวกเขาจะมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่เก่ง แต่ในสังคมเราการเปิดทางเลือกนั้นมีความแคบ ที่ผนวกกับปัญหาการครองอำนาจนำที่มันไม่ถูกโค้นล้มและยังถูกรักษาเอาไว้ ภายใต้ “ระบบเก่าและผู้มีอำนาจ” สรุปสุดท้าย ความเป็นคนไม่เคยสูญสิ้นเพราะการถูกเหยียบหยามหรือโดนด่า กลั่นแกล้งต่าง ๆ ในขณะเดียวกันการลดทอนความเป็นคนในโลกสมัยใหม่ คือ การลดทอนเสรีภาพของคน นั้นเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เราจะต้องก้าวข้ามความสูญสิ้นไป..

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์