อื่นๆ

หอสีแดง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
หอสีแดง

คนอย่างฉัน ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับ จนกระทั่งได้เจอกับตัวเอง...

ตั้งแต่ฉันเด็ก ๆ ฉันก็ต้องไปพักตามหอต่าง ๆ จนมาถึงตอนนี้ก็คงประมาณ 10 ที่ได้แล้วมั้ง

แต่ทุกครั้งที่ฉันไปพัก ไม่ว่าจะหอไหน อยู่จังหวัดอะไร ฉันก็ไม่เคยจะเจอสิ่งที่เหนือธรรมชาติเลย

ยิ่งฉันไม่เคยไหว้พระ ไม่ไหว้เจ้าที่ ไม่มีพระในห้อง และไม่พกแม้แต่สายสิญจน์อะไรแล้วด้วย

มันทำให้ฉันยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่า โลกนี้ไม่มีผี ไม่มีวิญญาณ ไม่มีอะไรทั้งนั้น

แต่เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา เรื่องมันเกิดขึ้นตอนครอบครัวฉันย้ายบ้านมาอยู่ในกรุงเทพ

ห้องนอนที่บ้านฉันต้องถูกรีโนเวทอย่างกระทันหัน เพราะผนังเจ้ากรรมอยู่ ๆ ก็แตกออกมา

ทำให้ฝนและแสงแดดสาดส่องเข้ามา

ช่างเองก็เร่งรัดว่าต้องทำ เพราะไม่อย่างนั้น โครงสร้างที่เป็นเหล็กจะถูกกัดกร่อนและพังลงมาในที่สุด

ฉันใช้เวลาหาที่พักเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น ฉันก็พบกับหอหอหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่

Advertisement

Advertisement

หอนี้เป็นหอสีแดง มันอยู่ในซอกหลืบระหว่างตึก 2 ตึก น่าแปลกที่ฉันไม่เคยเห็นตึกนี้มาก่อน

สภาพที่ฉันเห็นมันดูใหม่มาก เหมือนเพิ่งสร้างเสร็จได้เพียงแค่ไม่นาน

เจ้าของหอพาฉันเดินชมห้อง ฉันตกลงเช่าในทันทีอย่างไม่ลังเล

เนื่องจากราคาเพียงแค่ไม่กี่พัน บวกกับระยะทางจากบ้านของฉันแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น

วันย้ายเข้าหอ แม่และน้องสาวของฉันก็ช่วยกันขนย้ายพวกเสื้อผ้า หมอน ผ้าห่ม รวมถึงสิ่งจำเป็นอื่น ๆ

สิ่งผิดปกติแรกคือ ลิฟต์ของที่นี่ อยู่ ๆ ก็มีร่องรอยสกปรกทั้งคราบฝุ่นและโคลนบริเวณกระจกด้านซ้าย

อีกทั้งลูกบิดกุญแจของห้องเองก็พัง ไม่สามารถใช้การได้

แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น ภายในห้องเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่

เราต่างก็คิดกันว่าทำไมไม่มีใครมาทำความสะอาดห้องให้ก่อนที่ฉันจะย้ายเข้ามา แม่จึงให้ฉันและน้องสาวลงไปตามแม่บ้านมาทำความสะอาด

Advertisement

Advertisement

ระหว่างที่ฉันกับน้องสาวลงไปตามแม่บ้าน

น้องก็พูดขึ้นมาว่า "ทำไมหอของฉัน เหมือนเป็นห้องร้างไม่มีคนอยู่มานานเลย หยากไย่และฝุ่นถึงได้มีอยู่ทุกที่"

แม่บ้านเองก็ทำท่าอึกอัก ไม่พูดอะไร พูดเพียงแต่ว่าจะรีบขึ้นไปทำความสะอาดให้เดี๋ยวนี้

พอใกล้จะเย็นแล้ว แม่และน้องสาวของฉันก็กลับไปที่บ้าน

ช่วงที่ฉันอยู่คนเดียว ฉันได้ยินเสียงของตก นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มได้ยินสิ่งผิดปกติในห้องนี้

ใจของฉันเริ่มสั่น รวมถึงโทรตามแฟนให้รีบกลับ

เมื่อแฟนของฉันมาถึง เราก็กินข้าว เล่นมือถือ จนเวลาล่วงเลยไปตี 1 แฟนของฉันก็ผลอยหลับไป

ส่วนฉันเองก็ง่วงเช่นกัน แต่ทว่า... เมื่อฉันล้มตัวนอนหลับตาลง ฉันก็ได้ยินเสียงของตกเป็นครั้งที่ 2

ครั้งนี้เป็นเสียงดังมาจากโต๊ะปลายเตียง และมันไม่มีท่าทีว่าจะหยุด จนฉันลืมตาขึ้นมาดู แต่ก็ไม่พบอะไร

Advertisement

Advertisement

ฉันจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง และมันก็มีเสียงของตกอีกเช่นเคย

เวลาล่วงเลยมาจนตี 4 ฉันยังไม่ได้นอน เพราะมันวนลูปเสียงของตกทุกครั้งที่ฉันหลับตา

ส่วนแฟนของฉัน หลับสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกที ก็เป็นเวลา 8 โมงกว่าแล้ว

แฟนของฉันเปิดม่านรับแสงและออกไปทำงาน ทิ้งฉันไว้ในห้องคนเดียว

เช้าวันใหม่ ไร้ความน่ากลัวจากเมื่อคืน

ฉันโทรสั่งอาหามาทานในห้อง พร้อมกับเปิดโน๊ตบุคนั่งเคลียร์งาน

เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี ไม่มีอะไรผิดปกติ

พอช่วงเย็น ฉันเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะไปถ่ายเบา

อยู่ ๆ ประตูที่เปิดอ้าจนสุดก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว!

ฉันตกใจกระโดดวิ่งออกจากห้องน้ำ

ฉันยังไม่กล้าบอกแม่ว่าเจออะไรเพราะกลัวว่าแม่จะเป็นห่วง

ฉันจึงส่งข้อความไปหาแฟน แต่แฟนของฉันบอกว่าไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวเย็นนี้เค้าจะรีบกลับ

ฉันทนอยู่ในห้องต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันจึงรีบจะอาบน้ำเพื่อที่จะออกไปรอแฟนข้างนอก

แต่ทว่า ช่วงที่อาบน้ำ ก็เป็นช่วงที่มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงที่สุด

เพราะขณะที่ฉันกำลังจะถอดเสื้อผ้า เงาสีดำขนาดใหญ่ก็ลอยเข้ามาประชิดตัวฉัน!

ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง พร้อมวิ่งออกไปข้างนอกทั้งชุดนอน

ฉันนั่งรอแฟนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน ฉันไม่ได้เอามาแม้กระทั่งกุญแจห้อง

แน่นอนว่าห้องไม่ได้ล็อค แต่ฉันไม่สนอะไรแล้ว

ฉันนั่งคนเดียวพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันนึกถึงพระ พระหน้าห้องนอนของแม่ฉัน พระที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะยกมือไหว้สักครั้ง

ฉันโทรหาแฟนให้เข้าไปเอาพระที่บ้าน

แฟนฉันรีบกลับมาหาฉัน เค้าไม่ได้มีพระมาด้วยแต่เค้าบอกจะอยู่เป็นเพื่อนฉันเอง

เค้าพาฉันไปหาอะไรทานมื้อเย็นก่อนเข้าห้อง แต่ฉันทานอะไรไม่ลงแล้ว

ฉันกลับขึ้นมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง

แต่คืนนี้มันหนักกว่าเดิม เพราะไม่ใช่แค่เสียงของตก

แต่ช่วงที่ฉันพยายามข่มตานอน อยู่ ๆ ฉันก็ขยับตัวไม่ได้

เงาดำคร่อมร่างของฉัน ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาทับฉันจนติดไปทั้งตัว

ฉันทำได้เพียงแค่กรอกตาไปมา และน้ำตาไหลไม่หยุด

ฉันพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล จนฉันตะโกนเรียกแม่! ในใจ

เมื่อฉันขยับตัวได้ ฉันหันไปปลุกแฟนที่หลับอยู่

ใจของฉันก็ไม่เหมือนเดิม ฉันนั่งพิงกำแพง สายตาสอดส่ายไปมารอบห้อง

จนแฟนของฉันโทรหาแม่ เพื่อเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง

แม่ของฉันจึงให้ฉันไปหาเจ้าของหอเพื่อย้ายห้องในทันที

แต่เมื่อฉันไปถึงห้องพักของเจ้าของหอ ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง

เค้าดูไม่ตกใจสักนิด แถมพูดกลับมาว่าคงเป็นกุมารทองที่คนอื่นลืมไว้

เพราะหอนี้เปิดมาหลายปีแล้ว ต่อให้ฉันย้ายไปห้องอื่นก็มีอยู่ดี

นอกจากนี้ เค้ายังถามฉันว่าก่อนเข้ามา ฉันได้ไหว้เจ้าที่หน้าหอหรือยัง

ฉันตอบไปว่ายัง เค้าจึงบอกว่าไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาอยู่ที่นี่ ต้องไหว้ก่อน

คืนนั้น แฟนฉันพาฉันไปหาโรงแรมที่อื่นนอน เพราะเค้ามั่นใจว่าฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

และในตอนกลางวัน ฉันและแฟนเข้ามาเพื่อเก็บของ ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีที่อยู่ใหม่

แต่ฉันก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว

ในขณะที่ฉันและแฟนกำลังเก็บของ ครั้งนี้เราสองคนได้ยินเสียงของตกตลอดเวลา

ฉันร้องไห้ไปเก็บของไป เราสองคนไม่พูดอะไรกันจนกระทั่งลงไปหาเจ้าของหอข้างล่าง

ฉันคืนกุญแจให้ไป แม่บ้านพูดว่าจะกลัวอะไร เด็กเค้าก็แค่เล่นซน มาทักทาย

ส่วนเจ้าของหอก็บอกว่าจะไม่คืนเงินมัดจำและเงินล่วงหน้านะ

ฉันตกลงตามเงื่อนไข

เมื่อฉันออกมาแล้ว แฟนของฉันถามขึ้นมาทันทีว่า ตกลงที่ฉันเจอมันคือของเจ้าของหอหรือเปล่า?

เพราะเราอยู่แค่คืนเดียว แต่ต้องจ่ายค่าเช่าและค่ามัดจำหลักหมื่น

ถ้ามีคนมาอยู่แบบนี้และก็ออก เค้าก็จะได้เงินจำนวนมหาศาล....

แต่ไม่ว่าจะเกิดจากอะไรก็ตาม หลังจากนั้นฉันก็ไหว้พระ ไหว้เจ้าที่ก่อนตลอด

ฉันไม่อยากเจออะไรแบบนั้นอีกแล้ว

ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก https://pxhere.com/en/photo/545684

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์