ไลฟ์แฮ็ก

เราเกิดมาทำไม?

1.5k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เราเกิดมาทำไม?

อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตของคนเราทุกวันนี้ก็คือ 'เราเกิดมาทำไม' ยิ่งในยุคปากกัดตีนถีบ ที่ผู้คนต้องผจญทั้งสภาวะเศรษฐกิจ โรคระบาดและสงคราม กับโลกวัตถุนิยมในยุคเมตะเวิร์ส ที่ดูเหมือนจะพัฒนาไปไกล แต่ทำไมหลายๆ คนกลับรู้สึกเหนื่อย ท้อ และหมดกำลังใจ ว่าสุดท้ายแล้วทำไมเราต้องเกิดมาเพื่อมาใช้วงจรชีวิตแบบนี้ เกิดมาแล้วก็หัดคลาน หัดกิน หัดเดิน เรียนหนังสือ ทำงานหาเงิน ซื้อบ้าน ซื้อรถ แต่งงาน มีครอบครัว เกษียณ ชีวิตมีแค่นี้เองหรือ แล้วเมื่อเกิดใหม่เราก็จะต้องวนมาใช้ชีวิตแบบนี้อีกหรือ บางคนอาจได้คำตอบกับตัวเองแล้ว บางคนอาจหาคำตอบจนเลิกรา และนี่อาจเป็นบางคำตอบที่จะช่วยให้เรารู้ว่า 'เราเกิดมาทำไม'

newborne

1. โชคดีนักหนาที่ได้เกิดเป็นมนุษย์

ในทางพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถือว่าเราเป็นคนมีบุญในระดับหนึ่งแล้ว เพราะมนุษย์เป็นภพภูมิที่ประเสริฐ ยิ่งได้มาเกิดในยุคที่ยังมีคำสอนของพระพุทธเจ้าดำรงอยู่ ได้อยู่ในภูมิประเทศที่นับถือพุทธศาสนา และได้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ไม่ได้เป็นเพียงแต่ในนาม ก็ยิ่งนับว่าโชคดีหลายชั้นยิ่งขึ้นไปอีก ดังที่พระพุทธองค์ท่านได้เปรียบให้เห็นถึงโอกาสในการเกิดเป็นมนุษย์ไว้ว่า ในทุก 100 ปี ในมหาสมุทรแห่งหนึ่งจะมีห่วงเล็กๆ ห่วงหนึ่งที่รอคอยให้เจ้าเต่าตาบอดตัวหนึ่งลอยคอขึ้นมาเพื่อสวมหัวให้ตรงกับห่วงวงกลมเล็กๆ ห่วงนั้น แค่นึกภาพตามก็เห็นแล้วว่าโอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะหาห่วงเล็กๆ ห่วงนั้นได้เจอ ท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และสามารถสวมหัวเข้าไปในห่วงได้นั้นยากเย็นเพียงใด

Advertisement

Advertisement

Level to heaven

2. เกิดมาเพื่อสั่งสมบุญก่อนก้าวสู่เลเวลภพภูมิที่ดีขึ้น

ไหนๆ เราก็เป็นเต่าตาบอดโชคดีตัวนั้นแล้ว ก็ควรจะรีบคว้าโอกาสแล้วใช้ชีวิตของเราให้คุ้มค่ากับการที่ได้เกิดมา เพื่อสะสมเป็นเสบียงบุญติดตัวในภพหน้า เพราะแน่นอนว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นก็เหมือนเกมที่มีกำหนดเวลาในการเล่น เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเกมนั้นจะหมดอายุเมื่อไหร่ เราจึงไม่ควรประมาทด้วยการสะสมแต้มบุญเอาไว้ก่อน เพราะร่างกายมนุษย์นั้นเหมาะที่สุดแล้วต่อการสั่งสมบุญและปฏิบัติธรรม หากเป็นสัตว์หรือเทวดา คงไม่มีโอกาสได้สะสมบุญได้เช่นนี้ เราจึงเลือกได้ว่าจะขออัพเลเวลไปอยู่บนสวรรค์ที่สวยงามหรือจะกลับลงสู่กรงขังในนรก

3. ทำตนให้ไม่เสียชาติเกิด

เกิดมาแล้วทั้งทีเราก็ไม่ควรทำตัวให้เป็นภาระหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ทั้งตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง สังคม ประเทศชาติ จนถึงโลกใบนี้ ยิ่งถ้าเราได้มีชีวิตเพื่อทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ได้ฝึกการเป็นผู้ให้บ้าง มิใช่เกิดมาเป็นแค่เพียงผู้รับ ชีวิตเราก็จะมีคุณค่ามากขึ้น แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เราก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงใจที่จะช่วยกันซ่อมโลกใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นกว่าเดิมสำหรับคนรุ่นต่อไป เพราะการรู้จักการให้และช่วยเหลือนั้นไม่ได้ช่วยแค่คนอื่น แต่ยังสร้างพลังบวกให้เราด้วย

Advertisement

Advertisement

Write life

4. เขียนชีวิตขึ้นมาใหม่ ทำมันให้ดีกว่าเดิม

แม้เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เกิดมาได้ เราจะปล่อยให้ใช้ชีวิตไปวันๆ หรือจะทำให้ดีขึ้นทุกวัน ดังนั้นจึงควรฟังเสียงเล็กๆ ภายในใจของตนเอง เชื่อมั่นและศรัทธาในวิถีชีวิตของตนเอง และพัฒนาตนให้เป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมทั้งในทางโลกและทางธรรม ปล่อยวางและใช้ชีวิตเราให้เป็นอิสระจากข้อจำกัดต่างๆ และกรอบของสังคมจอมปลอมที่ยังคงวัดคุณค่าของคนด้วยกิเลส วัตถุ ทรัพย์สินเงินทองหรือรูปกายภายนอก เพราะเมื่อถึงจิตสุดท้ายก่อนที่เราจะจากโลกนี้ไป ใดๆ ล้วนไม่สามารถนำติดตัวไปได้ นอกจากผลของบุญและกรรมที่ทำเอาไว้

5. อยากให้โลกจดจำอะไรเกี่ยวกับตัวคุณ

เมื่อถึงเวลาจากโลกนี้ไป สิ่งที่เราสั่งสมไว้จะเป็นบาร์โคดที่ติดตัวเราไว้ในโลกนี้ เราจึงเลือกได้ว่าจะจากไปแบบให้คนอื่นก่นด่าตามหลังและดีใจที่เราจากไป หรือจะทิ้งคุณค่าของเราให้เป็นที่จดจำความงดงามและความดีที่เราได้ฝากไว้ แม้ร่างของเราจะสูญสลายไปจากโลกใบนี้แล้วก็ตาม

Advertisement

Advertisement

Remembering

การค้นหาคำตอบของความสงสัยว่า 'เกิดมาทำไม' คงไม่มีทางสิ้นสุด หากเรายังคงดิ้นรนและวิ่งวนไปกับกระแสโลกที่ยังคงดึงรั้งเราด้วยกิเลสทั้งหลายวันแล้ววันเล่า จะดีกว่าไหมหากลองหาที่สงบๆ แล้วนั่งไตร่ตรองจริงๆ ถึงคุณค่าและเนื้อแท้ในความคิดของเรา เพื่อให้ได้คำตอบว่า 'เราเกิดมาทำไม'

Photo Credit:

ภาพหน้าปก : canva.com

ภาพที่ 1 Pexels / pixabay.com

ภาพที่ 2 Tumisu / pixabay.com

ภาพที่ 3 StockSnap / pixabay.com

ภาพที่ 4 GoranH / pixabay.com

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์