อื่นๆ

เรื่องเล่าจากเด็กดอย

159
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องเล่าจากเด็กดอย

เพื่อนๆเคยได้ยินเรื่องเล่าของคนที่อยู่บนดอยมากันบ้างไหมครับ วันนี้ผมมีเรื่องเล่าของผมเองเกี่ยวกับชีวิตความแตกต่างระหว่างบนดอยกับในเมืองมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันครับ ก่อนอื่นขออนุญาตแนะนำตัวคล่าวๆให้ทุกคนได้รู้จักผมไปพร้อมกันนะครับ ผมชื่อเมฆครับ ผมเป็นเด็กชนเผ่าม้งคนหนึ่งที่มีถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่บนดอยครับ แต่ในปัจจุบันผมได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานครและกำลังจะเข้าสู่วัยทำงาน สิ่งที่ผมอยากจะมาเล่าในวันนี้ก็คือ ความแตกต่างของการใช้ชีวิตในเมืองและบนดอยครับ ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เชิญรับฟังไปพร้อมๆกันได้เลยครับ

ก่อนอื่นเรามาฟังเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านเกิดของผมก่อนเลยละกันครับ ย้อนกลับไปตอนที่ผมยังอยู่ที่บ้าน ทุกคนอาจจะทราบมาบ้างแล้วว่าอาชีพที่คนบนดอยนั้นทำส่วนใหญ่เป็นอาชีพเกษตรกรรม และนั่นก็เป็นอาชีพที่พ่อแม่ของผมกำลังทำอยู่ และสิ่งที่ผมได้รับมาตั้งแต่เล็กจนโตก็มีมากมาย ทั้งเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อต่างๆของชนเผ่า รวมไปถึงการเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ การปลูกพืชผัก ทำเกษตรต่างๆ สร้างบ้านจากวัสดุจากธรรมชาติ นึกย้อนกลับไปก็อดคิดถึงไม่ได้จริงๆ ผมเคยไปเดินป่า  เพราะเมื่อก่อนที่บ้านลี้ยงวัวไว้ในป่า จะมีช่วงเวลาที่ว่างจากงานที่ทำที่บ้าน ก็จะไปดูวัวกับพ่อในป่า และทุกครั้งที่ผมได้อยู่กับธรรมชาติ ได้เห็นต้นไม้ ต้นหญ้าที่ไม่ได้เห็นแล้วเมื่อเข้ามาอยู่ในเมือง ก็อดคิดถึงไม่ได้เลย บนเขาและในป่าเต็มไปด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ และบรรยากาศที่ดี บางพื้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี ต้นหญ้าพริ้วไหวไปตามลม เสียงนกเสียงแมลงร้อง ทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง จึงทำให้ผมรู้สึกรักธรรมชาติ และมีความสุขกับการอยู่ร่วมกับธรรมชาติครับ นี่เป็นภาพถ่ายของผมเองครับภาพถ่ายโดยเจ้าของบทความ ต่อมาจะพูดถึงเรื่องอาชีพและอาหารการกินครับ อาชีพเกษตรกรรมนั้นเป็นอาชีพที่ค่อนข้างเหนื่อย ต้องตากแดดตากฝน และทำงานหนักเพราะผลผลิตที่ได้นั้นเป็นของเราเอง จึงต้องดูแลเลี้ยงดูให้ดี อาหารการกินที่บ้านเราส่วนใหญ่เป็นพืชผักผลไม้ เช่น ยอดฟักทอง ถั่ว ฟักทอง ผักกวางตุ้ง หน่อไม้ แตงกว่า มะม่วง มะพร้าว มะเขือเทศ และอื่นๆอีกมากมายเลยครับ ผักผลไม้บางชนิดก็เป็นของป่าจากธรรมชาติที่หากินได้ยากครับ ที่บ้านทำการเกษตรปลูกพืชผักหลายอย่าง เช่น แตงกวา มะเขือเทศ ข้าวโพด ถั่วลิสง ผักกาด กะหล่ำปลี ฟักทอง พริก และพืชที่ใช้ระยะเวลานาน 1-2 ปีหรือมากกว่านั้นก็จะเป็นพวก มันสำปะหลัง เป็นต้นครับ เอาล่ะ! ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเห็นภาพการใช้ชีวิตอยู่บนดอยกันบ้างแล้ว นี่เป็นภาพบรรยากาศบนดอยครับ ภาพถ่ายโดยเจ้าของบทความต่อไปผมจะเล่าเรื่องการใช้ชีวิตหลังจากที่ผมได้เข้ามาอยู่ในเมืองตั้งแต่แรกจวบจนปัจจุบัน และข้อแตกต่างระหว่างการใช้ชีวิตของคนบนดอยและคนในเมืองที่ผมได้เรียนรู้มาครับ ต้องขอเล่าย้อนกลับไปตอนที่ผมยังเป็นเด็กน้อยคนนึงที่ค่อนข้างเกเรเลยครับ เอาแต่ติดเกมส์ ติดเพื่อน ผมเป็นคนที่เรียนไม่เก่งเลยครับ ตอน ป.5 ผมเคยสอบได้ที่ 35 ของห้องโดยห้องเรียนของผมมีทั้งหมด 37 คน และตอน ป.6 ผมก็สอบได้ที่ 25 ของห้องโดยมีนักเรียนทั้งหมด 27 คน ผมค่อนข้างติดเกมหนักมาก จนวันหนึ่งหลังจากที่ผมเรียนจบ ป.6 ที่บ้าน ผมได้ย้ายไปเรียนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ มีทั้งนักเรียนหอพักที่มาจากต่างจังหวัด ส่วนใหญ่นักเรียนหอพักจะเป็นเด็กชนเผ่าครับ เช่น ม้ง อาข่า กะเหรี่ยง เย้า เป็นต้นครับ และมีทั้งนักเรียนที่เป็นเด็กบ้านที่อยู่ในชุมชนครับ

Advertisement

Advertisement

ต้องบอกเลยว่าเป็นช่วงที่เปลี่ยนชีวิตผมเลยครับ ผมมาจากต่างจังหวัดและมาคนเดียวไม่มีเพื่อนและไม่รู้จักใครเลย ทำให้ผมได้เรียนรู้และได้ฝึกทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่มีพ่อแม่คอยดูแลเหมือนแต่ก่อน จึงทำให้ผมต้องปรับตัวให้ได้  ช่วง 1 เดือนแรกบอกเลยว่าไม่สามารถปรับตัวได้เพราะต้องมาอยู่หอพัก ซึ่งเป็นห้องแถวยาวมีเด็กหลายร้อยคน มีตู้เก็บสัมภาระคนละ1ตู้เป็นของตนเอง ทุกคนจะนอนรวมกันเรียงยาวเป็นร้อยคน แถมต้องใช้ห้องน้ำรวม มีอ่างน้ำขนาดใหญ่รองน้ำให้ทุกคนได้อาบ ต้องเข้านอนเป็นเวลามีคนคอยคุมดูแลอยู่ตลอด ไม่ได้เล่นเกมจนบางครั้งต้องหนีออกจากหอพักเพื่อไปร้านเกมที่อยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 5-6 กิโลเมตร แต่แต่แต่! ต่อรถประจำทางไปครับ บางครั้งโดนจับได้ว่าหนีออกจากหอพักก็ถูกทำโทษโดยการใช้ไม้ฟาด บางครั้งก็ถูกทำโทษโดยการเก็บกวาดทำความสะอาดรอบหอพัก จึงทำให้รู้สึกว่าอยากกลับไปอยู่บ้าน และเรียนต่อที่บ้าน แต่ก็ต้องจำใจเรียนต่อ จนเริ่มปรับตัวได้และเริ่มตั้งใจเรียนจนผ่านไปเทอมแรก ผลการเรียนออกมาปรากฏว่า สอบได้ที่2ของห้องและของชั้นเรียน ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก และหลังจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ จนเรียนจบมัธยมต้นครับ นี่เป็นสมาชิกเพื่อนๆในห้องตอนมัธยมต้นครับภาพถ่ายโดยเจ้าของบทความจากภาพด้านบนผมเป็นคนกลางแถวหน้าสุดเลยครับ และหลังจากนั้นทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเองครับ และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนขึ้นมัธยมปลาย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งภาพถ่ายของสมาชิกในห้องเรียนของผมหลังจากที่ขึ้นมัธยมปลายครับภาพถ่ายโดยเจ้าของบทความหลังจากนั้นก็เหลือแค่ผมที่เป็นผู้ชายคนเดียวของสมาชิกในห้องครับ ผมรู้สึกว่าการที่เราจะเปลี่ยนตัวเองได้นั้นต้องมีแรงจูงใจมากเลยครับ ผมได้รับการคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องตลอด 3 ปี จนเรียนจบมัธยมปลาย มันทำให้ผมอยากเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้ ผมได้รับสิ่งดีๆมากมายจากเพื่อนๆ จากครูบาร์อาจารย์ และจากทุกคนที่เคยช่วยเหลือ จนทำให้ผมรู้สึกอยากจะพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็เรียนจบมัธยมปลายเป็นที่เรียบร้อยครับ

Advertisement

Advertisement

ภาพถ่ายโดยเจ้าของบทความ

หลังจากนั้นผมได้มาเรียนต่อระดับ ปวส. ในกรุงเทพ ปัจจุบันผมกำลังศึกษาอยู่ระดับ ปวส.ปี1 สิ่งที่ผมได้พบเจอหลังจากนี้คือ ได้เข้าใจชีวิตการทำงานประจำเพราะผมเรียนควบคู่กับการฝึกงานในสถานประกอบการ ผมต้องมาปรับตัวใหม่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมรอบข้าง ต้องวางแผนชีวิตในทุกๆวันโดยเฉพาะเรื่องค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าเทอมและอุปกรณ์การเรียน สิ่งที่ทำให้ผมอยากเขียนบทความเล่าเรื่องทั้งหมดนี้คือ ผมได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างการใช้ชีวิตอยู่บนดอยกับใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมันต่างกันอย่างไร ผมได้รับความรู้มากมายจากการศึกษาและจากประสบการณ์ ผมจึงอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้ฟังครับ ผมคิดว่าเพื่อนๆที่ได้อ่านบทความนี้ จะเห็นภาพความแตกต่างระหว่างวิถีชีวิตของคนบนดอยและคนในเมืองกันบ้างแล้ว ขอบคุณทุกคนที่อ่านบทความนี้มาจนบรรทัดสุดท้าย ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตในแบบของตัวเองครับ

Advertisement

Advertisement

#เรื่องเล่าจากเด็กดอย

รีวิวโดย: @เหนือเมฆ

รูปภาพทั้งหมดโดย : ผู้เขียนบทความ

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

ฮาโลวีน

ชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่ TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"

สำหรับผู้ที่ยอดกดไลค์สูงสุด 5 อันดับแรก

อันดับที่1 : (ต้องมียอดไลค์เกิน 150 ไลค์) เงินรางวัล 3,000 บาท

อันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลค์เกิน 50 ไลค์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)

STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์