อื่นๆ

ก้อนหินบนบก...ก้อนหินในน้ำ

133
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ก้อนหินบนบก...ก้อนหินในน้ำ

เรื่องเล่าจากชาวหิน 

หมู่บ้านบนเขามีหมู่บ้านหินแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนภูเขา ชาวหินอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและสงบเรื่อยมา มีผู้นำดูแลหมู่บ้านที่เป็นที่เคารพของทุกคน ชาวบ้านที่เป็นลูกบ้านก็เชื่อฟังและปฏิบัติตามกฏระเบียบในหมู่บ้าน จนวันหนึ่งมีคนแอบนำสิ่งของมึนเมาเข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นข้อห้ามอย่างหนึ่งของชาวหินที่ปฏิบัติกันมานาน 

ฝนตกหนักหลังจากวันนั้นผ่านไปแค่วันเดียวท้องฟ้าก็แปรปรวน ฟ้าร้อง ฝนตกหนัก เหมือนท้องฟ้าจะถล่มปานนั้น ทำให้ชาวบ้านหินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก รีบหาที่หลบกัน พอฝนหยุดลง ก็มีลูกไฟตกลงมา มีทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่ ทำให้หินเด็ก หินผู้ใหญ่ และหินผู้สูงอายุได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก 

กองไฟพอทุกอย่างสงบลง ผู้นำหินก็เลยทำการช่วยเหลือหินที่ได้รับบาดเจ็บ และรักษาจนอาการดีขึ้น และวางแผนที่จะป้องกันการเกิดเหตุอีกครั้ง เบื้องต้นชาวบ้านหินตกลงกันที่จะให้หินที่ทำความผิด นำสิ่งของมึนเมาเข้าหมู่บ้านออกจากจากหมู่บ้านไป แล้วทำพิธีปัดเป่าความชั่วร้ายออกจากหมู่บ้านทันที

Advertisement

Advertisement

แม่น้ำ ภูเขาจากนั้นชาวบ้านหินก็อยู่ด้วยความสงบเรื่อยมา แต่ผ่านไปไม่นานก็เกิดเหตุพายุลูกไฟมาอีกครั้ง รอบนี้หนักกว่าครั้งที่แล้ว ชาวหินก็ตกใจว่าเป็นเพราะอะไร พอผ่านพ้นเหตุการณ์แบบเดิมไป ผู้นำชาวหินก็มาปรึกษาลูกบ้านหินอีกครั้ง

ลูกบ้านหินก็เลยเสนอว่าให้ย้ายไปอยู่ในถ้ำกันดีกว่า ทุกคนตกลงใจเหมือนกันว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อไม่มีเหตุใดๆ แล้วค่อยย้ายกลับมา แต่เมื่อไปอยู่กันในถ้ำ ลูกไฟก็ยังคงตกลงมาเป็นช่วงๆ แต่ทุกคนปลอดภัยดี จะมีก็แต่หินเด็กๆ ที่ไม่สบายกันบ่อยมากเพราะต้องอยู่กับความมืดซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวหินไม่คุ้นเคยเลย ผู้นำหินเลยมาคุยกับลูกบ้านหินอีกครั้งก็เลยเสนอว่า เราไปอยู่ในที่มีแสงสว่างด้วย ป้องกันลูกไฟได้ด้วย มีลูกหินบ้านก้อนหนึ่งก็เสนอว่า "เราไปอยู่ที่แม่น้ำสิ" คนอื่นๆ ก็เห็นด้วยเพราะคิดว่าเป็นวิธีป้องกันลูกไฟได้ดีที่สุดแล้ว 

Advertisement

Advertisement

ก้อนหินเหนือน้ำแล้วทั้งหมดก็อพยพออกจากถ้ำไปอาศัยอยู่ในน้ำ ทุกคนมีความสุข สงบกันอีกครั้ง แต่ความสามารถในการเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเองถูกจำกัดลง เพราะน้ำทำให้สภาพก้อนหินเปลี่ยนไปจากเดิม มีเพียงหินที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะขยับออกจากแม่น้ำได้ โดยเฉพาะหินที่มีลักษณะแบนและสีเขียว ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก เพราะหินส่วนใหญ่จะเป็นสีขาวและทรงกลมมากกว่า หินที่ขยับได้จึงเป็นผู้ที่คอยสังเกตการว่าวันไหนลูกไฟจะตกลงมาอีก ก็กลับมาแจ้งหินก้อนอื่นๆ ทราบ ผู้นำหินก็เป็นก้อนหนึ่งที่ขยับได้พอดี

น้ำหลากจนวันหนึ่งถึงคราวน้ำหลากมาเยือน หินทุกก้อนอยู่ใต้น้ำเป็นเวลาหลายเดือน มีการกระจัดกระจายกันไปตามกระแสน้ำ จนผ่านพ้นฤดูฝนไป น้ำค่อยๆ ลดลงไป ปรากฏว่า มีหินบางส่วนยังจมน้ำอยู่ บางส่วนอยู่เหนือน้ำ กลุ่มที่อยู่บนบกยังคงต้องระวังลูกไฟที่ยังตกลงมาในบางวัน แต่ก็แค่เฉียดๆ เท่านั้นเพราะยังอยู่ใกล้น้ำ แต่มีหินในน้ำส่วนหนึ่งเริ่มรู้สึกภูมิใจในความปลอดภัยของตนเอง มีปลาเป็นเพื่อน มีน้ำไหลผ่านตลอด จนเกิดความสบาย หินน้ำหลายๆ ก้อนเริ่มมีการใช้คำพูดที่เหมือนอวดตนข่มกับกลุ่มหินบนบก ที่ขยับก็ไม่ได้ และต้องทนกับแดดร้อนในทุกๆ วัน หินบนบกก็เริ่มรู้สึกไม่ดี มีความน้อยใจเกิดขึ้น 

Advertisement

Advertisement

ปลาในน้ำหินที่ขยับได้จึงพยายามที่จะคอยประสานความสัมพันธ์ แต่ก็เริ่มทะเลาะกันมากขึ้น จากไม่กี่ก้อนก็ลุกลามไปหลายๆ ก้อน แต่หินในน้ำบางก้อนก็ไม่ได้สนใจ และคิดจะห้ามปรามหินในน้ำแต่อย่างใด จนหินที่ขยับได้บางส่วนตัดสินใจออกจากแม่น้ำไปอยู่ที่บ้านคน คอยรองน้ำที่ชาวบ้านใช้ล้างจานล้างหม้อแทน เพราะไม่ต้องกังวลอะไร มีสิ่งกำบัง และชุ่มฉ่ำตลอดเวลา 

ส่วนหินน้ำกับหินบกก็ยังคงทะเลาะกันอยู่เสมอ ผู้นำหินก็เริ่มท้อใจ จึงไปตามหินที่อยู่ที่บ้านกลับมาช่วย แต่ก็ไม่ได้ผล จึงทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป 

ก้อนหินที่บ้านถึงแม้ว่าหินบกจะไม่ได้รับความเดือดร้อนจากลูกไฟ แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ แถมยังถูกเพื่อนหินในน้ำถากถาง ยังหยิ่งในสิ่งที่ตนมี นึกถึงแต่ความสุขสบายของตนถึงกับลืมพวกพ้องหินด้วยกัน เพราะตนเองมีความปลอดภัยตลอดเวลา แม้ว่าจะขยับตัวไม่ได้ก็ตาม

จนเข้าสู่ฤดูแล้งจัด น้ำก็ลดลงไปอีก จนหินที่อยู่ในน้ำโผล่ออกมาทุกก้อน แต่ก็ขยับตัวกันไม่ได้ ได้แต่ใช้วาจาด่าทอกันเท่านั้น และยิ่งทวีคูณเรื่อยๆ โดยไม่มีใครฟังใครอีกเลย 

หินบนบกวันหนึ่งฤดูกาลฝนหลากมาอีกครั้ง หินทุกก้อนก็กลับมาจมน้ำกันอีกครั้ง แต่รอบนี้ทุกคนเริ่มกลับมาขยับตัวกันได้ในน้ำ เลยต่อสู้ทำร้ายกัน แตกเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย ผู้นำหินก็พยายามหยุดการทะเลาะกันในครั้งนี้จนตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส พอน้ำหลากได้หยุดลง ทุกก้อนก็เลยหยุดทะเลาะกันเหมือนกัน เพราะหันไปเห็นหินเด็กได้รับผลกระทบ หินผู้สูงอายุได้รับความเดือดร้อนไปพร้อมๆ กัน

หินกับน้ำหินที่อยู่ตามบ้านได้ข่าวเลยรีบกลับมาดูเหตุการณ์ และกลับมาประสานความสามัคคีกันอีก โดยให้เหตุผลว่าเราทุกก้อนเคยลำบากด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว สุดท้ายหินที่เป็นต้นเหตุให้ทะเลาะกันก็ขอยอมรับผิด และจะขออยู่บนบกเป็นหลักในทุกช่วงฤดูเพื่อเป็นการทำโทษตนเอง จะได้อยู่รวมกันบ้างก็ตอนที่น้ำหลากใหญ่มาในแต่ละปีอีกครั้งเท่านั้น 

หินในน้ำ

เรื่องเล่าจากชาวหินก็สอนเราได้ว่ามันก็เหมือนกับการใช้ชีวิตของพวกเรา หากการอยู่ร่วมกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย รู้จักเคารพผู้ใหญ่ เกรงใจรุ่นพี่ มีน้ำใจต่อกัน นึกถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ เมื่อมีโอกาสที่ดีกว่าผู้อื่น ก็รู้จักแบ่งปันคืนบ้าง มีการพึ่งพาอาศัยต่อกัน เมื่อใครทำผิดก็กล้าที่จะยอมรับ เราก็จะอยู่กันได้อย่างสงบสุข แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นทุกที แต่ก็เชื่อว่าทุกคนก็อยากให้เกิด และอยากอยู่ร่วมกันแบบนั้น ลองถามใจเราดูว่าจริงไหม 


เครดิต 

ภาพปก โดยผู้เขียน และขอบคุณข้อความอัตโนมัติจาก TrueID In Trend 

ภาพประกอบ ที่ 1-11 โดยผู้เขียน

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์