อื่นๆ

เฉียด "ตายมาแล้ว"

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เฉียด "ตายมาแล้ว"

เฉียด ตายมาแล้ว

0000

                   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของผมเอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2562 วันจันทร์ เวลา 10โมงกว่าผมได้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปธนาคารกรุงเทพ สาขา ท่าเรือพระแท่น ระหว่างที่อยู่ธนาคารกำลังทำเรื่องโอนเงิน ยังทำรายการไม่ทันเสร็จทางที่ทำงานของผมได้โทรมาตามให้ผมกลับไปใหม่ เพราะมีธุระด่วน 

          ผมจึงได้ขับขี่มอเตอร์ไซค์กลับโดยกลับทางสี่แยกไฟแดงตรง บิ๊กซี มาร์เก็ต ทางไปที่ทำงานผ่านสี่แยกบิ๊กซีต้องเลี้ยงซ้ายไป พอเลี้ยงซ้ายไปผมก็ได้ขับรถเลนส์ขวาไปประมาณ 200 เมตร ถึงสี่แยกไฟแดงถนนใหญ่ ตอนนั้นมีรถยนต์ติดไฟจราจรจอดรถไฟแดงอยู่หลายคัน ผมจึงได้ขับไปจอดคันหน้าเพื่อรอสัญญาณไฟเขียว เพื่อจะกลับไปร้าน 

          ตอนนั้นจำได้ว่าได้สัญญาณไฟเขียว ผมจึงได้ออกรถมอเตอร์ไซค์ไป แต่จำไม่ได้ว่าโดนรถกะบะชนตอนไหน มารู้สึกตัวก็ตอนที่มีเจ้าหน้าที่ตัดเสื้อที่กำลังใส่ออกกำลังจะตัดกางเกง แต่ผมไม่ได้ให้ตัดเพราะกางเกงยีนส์เพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน ตอนนั้นมูลนิธิกู้ภัยได้นำตัวผมไปส่งที่โรงพยาบาลมะการักษ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ 

Advertisement

Advertisement

1111

          ทางโรงพยาบาลได้เอ็กซเรย์พบว่าขาซ้ายของผมหัก 3 ท่อน แต่ผมมีสิทธิการรักษาประกันสังคมอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ทางโรงพยาบาลจึงได้เคลื่อนย้ายข้าพเจ้าไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพหลฯทันที และผมก็ได้รู้สึกตัวว่าโดนรถชนขาซ้ายหัก 3 ท่อน ที่โรงพยาบาลพหลฯ

          ตอนนั้นที่รู้สึกตัวลืมตาก็รู้ว่าอยู่บนเตียงนอน ห้องรวมที่โรงพยาบาลพหลพร้อมทั้งได้เจอพ่อกับแม่ซึ่งทางที่ทำงานได้แจ้งว่าผมถูกรถชน  ก็ได้มาเยี่ยมและมาเฝ้าดูอาการ ตอนนั้นอยู่ได้ 3 วัน ก็ต้องไปเจาะเหล็กถ่วงน้ำหนักเพราะตรงหน้าแข้งกระดูกมันอ้าออก ต้องใส่เหล็กไว้ 

          ก่อนที่ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 7 มั้งถ้าจำไม่ผิดก็ได้เข้าห้องผ่าตัดขาข้างซ้ายเพื่อใส่เหล็กที่หน้าแข้งและสะโพกและหลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึงได้ย้ายเข้าห้องพิเศษ และได้เข้ารับการกายภาพเพื่อหัดเดินด้วยวอร์คเกอร์หรือสี่ขา ตอนแรกที่หัดเดินด้วยวอร์คเกอร์นักกายภาพไม่ได้บอกนะครับว่าให้เตรียมตัวยังไง จู่ๆตอน10โมงก็มาบอกว่าให้เตรียมตัวไปกายภาพไปหัดเดินทางให้2-3วันแรก ๆ 
          ตอนลุกขึ้นเตรียมจะยืนทำให้เป็นลมวูบลงหลายครั้ง เพราะนอนมาตลอดหลายวัน ๆ พอวันหลังๆ ก่อนที่จะไปหัดเดิน ผมได้ปรับตัวและเตรียมพร้อมไปหัดเดินด้วยการหัดนั่งบนเตียงนานๆ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพให้ได้จะได้ไม่เป็นลมไปอีก และอยากกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านแล้ว และพอหัดเดินด้วยวอร์คเกอร์ได้แล้ว ทางหมอกายภาพได้ให้วอร์คเกอร์มา 1 อันมาใช้เดินที่บ้าน ก่อนที่จะเดินได้ตอนใช้วอร์คเกอร์ก็ได้ล้มไป 2 ครั้ง 

Advertisement

Advertisement

          ครั้งแรกตอนอยู่โรงพยาบาลตอนนั้นเข้าห้องน้ำและใช้วอร์คเกอร์ออกมาพอหันหลังจะขึ้นเตียงเท่านั้นแหละพลาดหงายท้องก้นกระแทกดีที่ไม่เป็นไรมาก  พยาบาลเข้ามาเห็นและช่วยดึงลุกขึ้นได้ทัน และครั้งที่ 2 ก็ตอนอยู่บ้านนี่แหละ ตอนนั้นซ่าไปหน่อยถอดกางเกงและใช้เท้าข้างซ้ายข้างที่หักเหวี่ยงกางเกงขึ้นทำให้พลาดท่าหวายท้องอีก และพอเสียงวอร์คเกอร์ล้มดังในห้องโถงทำให้แม่ตกใจวิ่งออกมาดูและลากผมขึ้นนั่ง 

          หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาได้ 6 เดือนก็ได้หัดใช้ไม้ค้ำยันรักแร้ซึ่งหมอให้มา 2 อัน ตอนหลังใช้อันเดียว ปัจจุบันไม่ได้ใช้ละ แต่ก็ต้องไปหาหมอทุก 2 เดือน เพื่อไปเอ็กซเรย์กระดูกที่สะโพก เพราะมันยังไม่เต็ม และต้องกินยาแคลเซียม 

          ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล คนขับกระบะไม่ได้มีการมาเยี่ยมอาการเรา หรือเจ้านายเจ้าของกระบะไม่ได้มาเยี่ยมเลย คนขับถูกสั่งไม่ให้มาเยี่ยมเพราะว่าถ้ามาเยี่ยมเขาจะหาว่าผิด ซึ่งคนเราผิดไม่ผิดก็ต้องมีน้ำใจมาเยี่ยมมาถามไถ่กันบ้าง หลังจากออกจากโรงพยาบาลได้ 2 เดือน ตำรวจได้เรียกไปสอบถามและให้ปากคำเรื่องคดีจราจรโดยได้เรียกมาทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งคนชนและผมซึ่งถูกชนมาตกลงกัน ถ้าฝ่ายชนไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ทางผมซึ่งผมบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทางฝ่ายชนบอกว่าเสียค่าซ่อมรถไปหลายหมื่นแล้ว และให้เลิกแล้วต่อกัน 

Advertisement

Advertisement

          ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถามว่าจะเอาไง ผมก็บอกว่างั้นส่งเรือง ฟ้องศาลไปเลย ให้ไปตกลงที่ศาล ซึ่งผมได้ไปศาลอยู่ประมาณ 2 เดือน แต่ไม่ได้อะไรคืบหน้าขึ้นมา แต่ในใจก็คิดว่า คงเป็นเวรกรรมที่เคยได้ทำไว้ ถือว่าชดใช้กรรมเก่ากันไป ใครทำกรรมอะไรกับเราไว้ เวรกรรมจะย้อนกลับไปหาเขาเอง ตอนนี้ก็ใกล้หาย 100% แล้ว ถือว่า เฉียดเข้าใกล้ความตายแล้ว และทำให้รู้ว่าพ่อแม่รักเรามากแค่ไหน ในยามที่เราทุกข์หนัก พ่อแม่ไม่เคยทิ้งเราเลย ไปเฝ้าอยู่ใกล้ตลอด

          สุดท้ายนี้ อยากฝากเตือนพี่ ๆ น้อง ๆ ครับ ถึงแม้เราไม่ประมาท คนอื่นประมาท ถึงเราไม่ผิดคนอื่น ๆ ผิด แต่เรารับเคราะห์ เหมือนกับผในตอนนั้น เจ็บตัว เสียค่ารักษาเป็นแสนแล้วนั้น ยังเอาผิดกับคนกระทำไม่ได้ ความยุติธรรมมีจริงที่ไหน ถือว่าพวกใครมากก็ว่ากันไป แต่สำหรับผม กรรมใคร กรรมมัน ผมไม่โกรธหรอกครับ คิดซะว่าเป็นเวรกรรม ที่ผมต้องชดใช้กรรม

1234

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์