อื่นๆ
ตัวตาย ตัวแทน
เป็นเรื่องแปลกจากประสบการณ์ตรงของผม ตัวตายตัวแทน มาเล่าสู่กันฟัง
หลายท่านคงคุ้นกับประโยคนี้ ฟังดูเหมือนไม่มีสาระ งมงาย แต่อีกมุมมอง น่าจะเป็นอุทาหรณ์ เพื่อการไม่ประมาทในการใช้ชีวิต เรื่องนี้เกิดมานานแล้วครับ ย้อนเวลาสมัยยังวัยรุ่น วัย 24-25ปี ผมและคณะเพื่อนผองน้องพี่จัดงานเที่ยวอำลาการเตรียมจบการศึกษาล่วงหน้า เราตกลงกันไปท่องเที่ยว สังสรรค์ที่น้ำตกเป็นสถานที่ติดอันดับยอดฮิตในยุคนั้นมาก เมืองธรรมชาติกลางป่า น้ำตก สมบูรณ์สวยงามเป็นอย่างมากในสมัยนั้น นับแต่คุณ ย่างก้าวมาถึงเขตแดนเหมือนต้องมนต์
สถานที่นี้เราจะสัมผัสได้ถึงความสดชื่น กลิ่นไอธรรมชาติเชื้อเชิญต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเยือกเย็นเป็นที่สุด ด้วยสถานที่ที่สวยงาม มีป่าไม้นานาพรรณ โขดหินผา ธารน้ำตกที่เป็นชั้น ลดหลั่น เสียงน้ำตกไหลแรงฟังแล้วรู้สึกถึงความสดชื่น เป็นที่สุดและที่สำคัญที่ทุกคนไปแล้วต้องเล่นกิจกรรมนี้ ไม่เล่นถือว่าไม่ถึง คือ ล่องแก่ง ด้วยการคล้องยาง แล้วปล่อยตัวสไตล์จากธารน้ำตกไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงและนี่เป็นที่มาของเรื่องราวอาถรรพ์ ที่พูดต่อ ๆ ถึงการเป็นตัวตายตัวแทนที่เกิดขึ้นในทุกปีในช่วงเวลานั้น มีบางคนที่ไปยังสถานที่แห่งนี้ แล้วอาจไม่ได้กลับมาอีก ทั้งนี้ทางอุทยานได้จัดเจ้าหน้าที่กู้ชีพรวมทั้งกั้นโซนที่อันตรายห้ามลงเล่น มีรถฉุกเฉิน พร้อมกฎข้อห้ามต่าง ๆ ป้ายปิดประกาศไว้ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวนักท่องเที่ยวเอง แต่กระนั้นก็ยังแต่ละท่านที่ผ่านความเป็นความตายมาได้ มาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์เฉียด !!
Advertisement
Advertisement
สถานที่แห่งนี้ในช่วงนั้น ไปท่องเที่ยวกันได้ตลอดปี ชาวหมู่คณะนิยมไปเที่ยวในช่วงน้ำหลาก หน้าน้ำช่วงปลายฝนจะสัมผัสถึงความแรงของน้ำหลากมากเป็นพิเศษ และที่นี่เองผมได้ผ่านเรื่องราวที่จะไม่ลืม จนถึงทุกวันนี้
คณะของเราเดินทาง ด้วยรถบัสรับจ้างรถเมล์ทัวร์กลางเก่าก็ไม่ปาน ตัวถังรถพ่นลายสีกราฟิกพร้อมบริการอุปกรณ์ฉิ่งฉาบ กลองบรรยากาศ หมกเมากันเต็มที่ พวกนั่งหลังตีกลองเคาะขวด ดื่มน้ำสีทองอำพันธ์ในขวดใสยอดนิยมชนิดยกล้อ กระดกเข้าปากตามด้วยน้ำเปล่า เพียว ๆ โชว์ความเกรียน กาก หมอกควันพวงพุ่งจากรถกระป๋องลูกกวาดวิ่งได้ บวกกับ ควันจากสิงห์อมควันยาสูบ ดึงดูดอัดเข้าเต็มปอดแล้วพ่นควันออกเหมือนควันเทียม อารมณ์ประมาณเวทีคอนเสิร์ตช่วงนั่นก็โลกดนตรี ลูกหลาน รุ่นปัจจุบันคงไม่ทราบ มันเป็นยุค 80’ 90’ เสียงปรบมือเสียงร้องตะโกน ะคนเสียงตีกลอง ดังสนั่นตลอดเส้นทาง ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครบ่น ทั้งคันรถอบอวนไปด้วยความสุขกันถ้วนหน้า
Advertisement
Advertisement
เมื่อมาถึงจุดจอดรถบัสหน้าอุทยาน ฯ สมัยนั้น ใช้บริการรถสองแถวพาเข้าไปถึงตัวน้ำตกอีกทอด เนื่องจากเส้นทางยังแคบ เป็นทางดินธรรมชาติ ธารน้ำและโขดหินธรรมชาติแห่งนี้อยู่ลึกเข้าไปกลางดง รถขนนักท่องเที่ยว อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ผมยืนห้อยท้ายรถกับเพื่อนอีกสองสามคน
เสียงร้องทำนองเพลงยังดำเนินต่อไป ระหว่างที่รถเคลื่อนไปตามเส้นทาง มือหนึ่งก็ยกขวดน้ำสีชาขึ้นดื่ม ปากคอขม จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ บาดคอ ผมขาดสติถ่มน้ำลายลงพื้น หลายครั้ง ใกล้ๆจะถึงอุทยาน โป๊กกก !! เสียงถูกของแข็งกระแทกหัว เจ็บเหมือน ถูกตีอย่างแรงที่กลางศีรษะ มันไม่ใช่การตบหัวจากมือเพื่อนแน่นอน เพราะแรงมากจนเจ็บระบมทั้งหัว
ผมหันมองที่มาของแข็งนั้น หันหลังมองที่พื้นดินต้องพบกับกิ่งไม้ท่อนนั้นมองซ้ายมองขวามองทั่วอีกทีแต่ไม่เห็นกิ่งก้านอะไรเลย มีแต่ทางดินเปียกใบไม้แห้งกิ่งไม้ก้านเล็กเท่านิ้วก้อย ผมก็พยามมองไปที่เพื่อนข้างๆนะ แต่มันก็ดูเนียนไม่ได้สนใจมอง มาที่ผมเลย มันยังโหนมือจับเหล็กแน่น ผมพูดถาม เอ็งนี่เนียนนะ ตบหัวข้าแล้วทำเฉย มันตอบแบบ ทำหน้างง งง อะไรของแก ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยผมด่าไปที่เพื่อน ที่ยืนท้ายรถอีกคนตบหัวข้าแรงไปปะเพื่อน ผมตะโกนด่ามัน มันก็ทำท่าเรียบ ๆ เปล่าทำอะไรแกเลย ยิ่งกลัวจะตกรถอยู่จะเอื้อมไปตบหัวแก นะมั่วละเพื่อน ข้าไม่ได้ทำ มันสวนตอบ ผมแอบมองจับผิดพวกมัน จะมีใครยิ้มในแผนการนี้ ไม่มีใครแสดงอาการให้เห็น และเอาจริงผมเองตอนนั้นก็ไม่ติดใจอะไร
Advertisement
Advertisement
รถนำคณะเรา มาถึงลานกว้างริมน้ำตก ช่วยกันหาที่หาทางปูเสื่อ นั่งเล่นนั่งกิน เฮฮาไป ใครเล่นน้ำตกก็ลงเล่นกันไป ตามที่ชอบ ผมเดินดูมาชมวิวอยู่ริมฝั่งน้ำ น้ำตกไหลเป็นธารกว้างเชี่ยวแรงมาก เสียงลำน้ำไหลกระทบหินผาดังก้องทั่วอุทยาน อวดความสดชื่นและยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ผมเดินเล่น ลงไปมันมีทั้งหินและกรวด ความแรงนี่ใครขาไม่แข็งแรงพอ มีพลัดตกลำน้ำแน่ บางกลุ่มนักท่องเที่ยว เลือกไปนั่งเล่นตามชั้นโขดหิน หรือช่องลำธารที่มีน้ำตื้น ผมตัดสินใจนั่งกินดีกว่า ใครเล่นน้ำ ล่องแก่งก็เล่นกันไป ดื่มน่าเหมาะกับผมเวลานี้เพราะเริ่มติดลม
นั่งดื่มกินเพลินได้สัก สามชั่วโมงกว่าแล้ว ใกล้เวลาที่เราตกลงกับคนรถไว้ว่าเราใช้เวลาเที่ยว 4 ชั่วโมง ไอ้เพื่อนกลุ่มที่เล่น ล่องแก่ง มันก็ชักชวนน่าดู เรียกแล้วเรียกอีก ลงมาเลย มันเล่นน้ำอยู่หลายรอบ ผมโบกไม้โบกมือตอบไป จากนั้นมีเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ประกาศขณะนี้มีปริมาณน้ำที่ไหลมาสมทบจากต้นทางสูงขึ้น มีอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง ขอความร่วมมือให้นักท่องเที่ยวใช้ความระมัดระวังในการเล่นและให้เวลาเล่นไม่เกินหนึ่งชั่วโมงขอให้งดการเล่น ล่องแก่งครับ
มาถึงตอนนี้ เหมือนมีอะไรดลใจให้ผมลุกขึ้น อยากไปลงเล่น มาถึงทั้งที จะมานั่ง อยู่อย่างที่เพื่อนมันบ่น กลับไปจะเป็น ประเด็นขี้ปากเพื่อนเอาไปเผาแน่ ผมทำเป็นเก่ง โชว์ เดินลงไปที่กลางธารน้ำแรง ขณะนั้นมีห่วงยางใหญ่ คงหลุดลอยมา มันเป็นยางในรถสิบล้อนะผมว่า ยางพุ่งกระแทกตัวผม ผมล้มเสียการทรงตัว ลอยไปตามกระแสน้ำไหลเชี่ยว เริ่มใจไม่ดี ตั้งสติไว้ไม่อยู่ โชคดีมือผมยังยึด กอดห่วงยางไว้แน่น พยายามรวบรวมกำลัง ด้วยความแรงของสายน้ำ ผมไม่สามารถปล่อยมือข้างใดข้างหนึ่งออกไปได้ สายน้ำบ้าคลั่งพัดพาร่างผมมาตามแรงไหลเชี่ยว ขา บั้นท้ายทั้งครูด ทั้งกระแทก กับหินใต้น้ำ ผมพยามตะโกนขอความช่วยเหลือ หันมองลนลาน ขอความช่วยเหลือ เห็นเพื่อน ๆ ยืนมองดูด้วยความตกใจ
ร่างผมกระแทก กับโขดหินดำมันวาว ก้อนใหญ่ มือผมลื่นพลัดหลุดจากห่วงยาง ผมพยามยืดสุดตัวเพื่อคว้า แต่ก็ไม่สำเร็จ ตัวผมกับห่วงยางแยกกันไปคนละทาง ขณะนั้นผมรู้สึกถึงพลังแห่งสายน้ำเชี่ยวที่น่ากลัวที่สุด ขาผมไม่ติดพื้นอีกต่อไป มันวูบวาบดึงตัวผมลงไป เป็นแอ่งน้ำวนลึก ผมรู้สึกได้ถึงเสียงแรงดันน้ำเข้ามาในหู ร่างผมหมุนตามแรงน้ำวน ตัวจมลงไปอย่างรวดเร็ว มือไม้ผมไขว่คว้า ปากสัมผัสรสชาติน้ำเต็มลำคอ มันเหมือนจะขาดใจ สำลักแสบไปทั้งโพงจมูก เหมือนปอดจะพองแน่นหน้าอก ร่างผมเกร็งกระตุก จิตแตกกระเจิง
จิตผมคิดถึงแม่ มันนำพาผมกลับมาบ้าน ในมโนภาพชัดเจน วูบนั้นผมมายืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วนอกบ้าน สายตามมองผ่านเหล็กประตู เห็นคุณแม่กับคุณน้านั่ง ปอกผัก เป็นก้านมะรุ่ม ผมเห็นชัดเจน บนแคร่ไม้ไผ่หน้าลานบ้าน มีกาละมัวสังกะสีวางอยู่ด้วย ในภวังค์ ผมรู้สึกตื้นตัน ที่ได้พบแม่ ผมเรียกหาท่าน แม่ครับ แม่ แม่ น้าบูร น้าครับ ตะโกนเรียกแต่เสียงมันไม่ออกมา มันเงียบ เห็นทั้งสองท่านเต็มทั้งสองตาแต่ไม่มีใครหันมามองเราเลย เหมือนไม่มีผมตรงนั้น ก็ใช่นะสิ ! สติผมกลับมา เหมือนวิญญาณ กลับเข้าร่างผมเห็นมวลน้ำขุ่นโคลน รอบ ๆ ตัว เห็นโขดหินเป็นหลุมใหญ่สีดำใต้น้ำ ทั้งพืชใต้น้ำ
ผมไม่มีแรงอีกต่อไปแล้ว ความตายมันเป็นอย่างนี้เอง ผมกำลังจะตายจริง ๆ หรือนี่ ? ผมบอกกับตัวเอง เป็นเรื่องจริงอย่างหนึ่งที่ผมเคยได้ดู สารคดีต่างประเทศ การลอยตัวในทะเล เมื่อตัวนิ่งไม่เกร็ง ตัวจะลอยขึ้นและจมลมอีก ส่วนใหญ่ในคนทั่วไปจะมีโอกาสนี้ 3 ครั้ง ตัวผมลอยขึ้น จริง แต่ไม่ถึงผิวน้ำ กลับจมลงมาอีก แล้วกลับลอยขึ้นมาอีกซ้ำแบบนี้จนสุดท้าย ปอดผมคงเต็มไปด้วยน้ำ ภาพใบหน้าแม่ พ่อ คนที่เรารัก ปรากฎขึ้น
เหมือนมีอะไรบางอย่างจากแรงดันของกระแสหมุนใต้น้ำก้อนใหญ่ ช่วยดันผมขึ้นมา จนถึงผิวน้ำ ทันทีที่รู้สึกถึงอากาศบนผิวน้ำ ผมสูดอัดอากาศเข้าทางปาก มือผมตะเกียกตะกายวักน้ำ ตาพร่ามัวเห็นผู้คนลางเลือน เห็นสีส้มของ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ยืนอยู่รอบ ๆ ริมฝั่ง หนึ่งในชุดกู้ชีพ โยนเชือกมาให้ผมคว้าไว้ได้ แล้วผมรู้สึกเสียงพูดดังขรมไปหมด ไม่รู้เสียงอะไรฟังไม่ได้ศัพท์ จับแน่น ๆ ประโยคเดียวที่ได้ยิน จับเชือกไว้ก่อน กู้ภัยท่านหนึ่ง พระกระโดดเข้ามาช่วยดึงผมจากด้านหลัง พาผมขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล ผมจำได้ มีทีมกู้ชีพทำ CPR.ช่วยผม เบื้องต้น ผมสำลักน้ำออกมา แล้วทุกอย่างเหมือนจะนิ่งเงียบสนิทไป ผมถูกพาตัวขึ้นรถกู้ชีพฉุกเฉิน นอนบนเปลรัดตัวแน่น พร้อม ออกซิเจนช่วยหายใจ มาถึง ที่โรงพยาบาล ทีมกู้ชีพและเจ้าหน้าที่กรูเข้ามา
ผมเห็นเลือนลาง แต่มีสติ ยกเปลี่ยน ผมจากเปล ขึ้นเตียงเข็น ผมรู้สึกปลอดภัยและเพลียมากจนหลับไป กลิ่นยาโชยผมรู้สึกตัวลืมตาขึ้นช้า ๆ มีแสงส่องผ่าน ถึงปลายเท้า ผมมองไปรอบ เห็นสายน้ำเกลือ เห็นม่านปิดอยู่ รู้ว่าเป็นหอผู้ป่วย เริ่มทบทวนเหตุการณ์ สักครู่ผมเห็นแม่และเพื่อน ๆ เข้ามายืนรอบเตียง
เป็นอย่างแม่เตือนบอกแล้ว เจ็บตรงไหนบ้าง คำถามแม่เหมือนดุไปด้วยพร้อมกัน ผมมองหน้าเพื่อน ทุกคนยิ้มเข้ามาจับไม้จับมือ ปลอดภัยดีแล้วเพื่อน ผมยกมือสวัสดีแม่และขอโทษ ที่ทำให้ท่าน เป็นห่วง ขอบใจเพื่อน ๆ ที่เป็นธุระ รับแม่มาตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืน ผมปลอดภัย มีชีวิตอยู่ต่อได้ด้วย พระคุณของแม่จริง ๆ ที่แม้ในยามที่เราอยู่ในเวลาความเป็นความตายพลังแห่งความรักที่แม่มีให้ ยังส่งตรงมาถึงได้ เกิดเป็นกำลังใจ ให้เราได้สติ ประกอบกับ ความโชคดีด้วยกระมังที่เจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน ทุกหน่วย พร้อมทำหน้าที่เป็นอย่างดี
ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุกฝ่ายครับ ที่ช่วยชีวิตผมไว้ ทั้งทีมแพทย์พยาบาล ในโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นอย่างมาก หลังเหตุการณ์ผ่านไปผมทบทวนดู เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ที่ต้องใช้ความไม่ประมาทส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งของความเชื่อ มาช้านาน คือการเคารพในสถานที่ เราอาจไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้ แม่บอกผมว่าตอนเย็นวันนั้นแม่และน้าได้นั่งเตรียมทำอาหาร นั่งบนแคร่ไม้หน้าบ้านปลอกฝักมะรุมอยู่จริงๆ เหมือนที่ผมเห็นในภวังค์ขณะเกิดเหตุวันนั้น ตรงกันเลยที่เดียว อยู่ ๆ ก็นึกถึงผมขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่อธิบายยาก บางครั้งเรานึกถึงคนไกลบ้านแล้วอยู่ ๆ ก็โทรมาหาบ้าง ใครเป็นบ้าง ที่เรียกว่าจิตสัมพันธ์กัน ย้อนต่อไปอีกถึงตอน โหนท้ายรถสองแถวเข้ามาที่สถานที่นั้น ตอนอะไรบางอย่าง กระทบที่หัว โดยยังไม่ทราบสาเหตุ แม่เล่าให้ฟังว่า นั่นหละ เราไปมึนเมา ขาดสติ เทวดา เจ้าที่เจ้าทาง ไม่ชอบ ( อันนี้ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ) ดีที่แค่มาเตือนนะ ตัวตายตัวแทนเขาอาจมาเลือก ตีตราไว้ แต่มีอะไรบางอย่างที่เหนือเหตุผล มาช่วยไว้ จะอะไรก็ตามผมต้องขอโทษและขอบคุณในสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น นำไปเป็นบทเรียน ขอบคุณ คท่านผู้อ่านทุกท่าน ช่วยกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้เล่าสู่กันฟัง ในโอกาสต่อไปครับ ตาคำ
รูปภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน ครับ
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น