อื่นๆ

คนดวงตก

2.6k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
คนดวงตก

คนดวงตก

ว่ากันว่า คนที่กำลังดวงตกมากๆ มักจะมองเห็นผี คุณว่าจริงหรือไม่คะ...สำหรับฉัน มันมากกว่าการเห็นผี แต่มันถึงขั้น ตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ฉันอายุ 27 ปี ซึ่งฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงชีวิตที่ตกที่สุดสำหรับฉัน เพราะคนส่วนใหญ่ จะเฝ้าระวังตัวเองเมื่อตอนเข้าสู่เบญจเพส คือ 25 แต่สำหรับฉัน ตอนอายุ 25 นี่ผ่านฉลุย ไม่แต่เรื่องดีๆ ด้วยซ้ำไป แต่พออายุ 27 ปี บริบูรณ์เท่านั้นแหละ อะไรๆ ก็เริ่มประเดประดังเข้ามา

มันเริ่มขึ้น หลังจากวันเกิดครบรอบ 27 ปี ของฉัน

คืนนั้นฉันฝันว่า มีคนมาชวนฉันไปอยู่ด้วย เธอเป็นผู้หญิง หน้าตาสะสวยมาก และในฝัน ฉันก็รู้สึกชอบเธอ และตอบตกลงตามเธอไป และเมื่อฉันเดินตามเธอคนนั้นไป จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตกฮวบลงไปในเหวอันมืดมิด ใจมันหายวูบไปเลย จากนั้นฉันก็สะดุ้งตื่น

Advertisement

Advertisement

หลังจากวันนั้น ฉันก็พบกับปัญหาบางอย่าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องความรัก เรื่องงาน เรื่องเงิน เหมือนที่คนอื่นเขาเจอกันในยามดวงตก แต่ฉันกลับเจอแต่เรื่องที่แปลกกว่านั้น...

วันหนึ่ง ฉันตื่นแต่เช้า เพื่อไปทำงานตามปกติ ตอนนั้นฉันออกรถเก๋งมาไว้ขับไปทำงานคันนึง ซึ่งฉันก็ขับมันมานานพอสมควรแล้ว ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหรือเฉี่ยวชนกับใคร แต่อยู่ดีๆ เช้าวันนั้น ฉันก็ถอยรถชนประตูบ้านตัวเองเข้าโครมใหญ่ ฉันเองก็สงสัย ว่าตัวเองถอยไปชนได้ยังไง แต่ก็ยังไม่อยากคิดอะไรมาก คิดว่าคงเป็นเพราะความง่วงในยามเช้า เลยทำให้ตัวเองเผลอไผลไป

แต่เชื่อมั้ยคะ? ว่าฉันถอยรถชนประตูบ้านตัวเอง 3 วันติดๆ กัน จนคนในบ้านก็แปลกใจ ว่าฉันเป็นอะไรของฉัน ท้ายรถนี่บุบแล้วบุบอีก ส่วนประตูบ้านก็ต้องซ่อมใหม่ จนแม่บอกว่า

“เหมียว ช่วงนี้เหมี่ยวเป็นอะไรน่ะลูก ดูเหม่อลอย มีปัญหาอะไรทำงานรึเปล่า”

Advertisement

Advertisement

“เปล่านี่คะแม่ หนูก็ปกติดี”

“แม่ว่าช่วงนี้ เหมียวอย่าขับรถไปทำงานเลยนะ นั่งแท็กซี่ไปดีกว่า”

“ก็คงต้องอย่างนั้นล่ะค่ะแม่ ท้ายยุบซะขนาดนั้น เข้าอู่ก่อนจะดีกว่า”

เช้าวันนั้น ฉันจึงไม่ขับรถไปทำงาน พอกำลังเดินออกจากบ้านจะไปนั่งแท็กซี่ อยู่ดีๆ ฉันก็หันหลังกลับไปมองที่รถตัวเอง แล้วก็เห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง คือ เหมือนมีคนนั่งอยู่บนรถของฉัน ที่เบาะหลัง มันทำให้ฉันอดไม่ได้ ที่จะเดินย้อนกลับไปดูใกล้ๆ แต่พอเข้าไปใกล้ตัวรถ มันก็หายไป ฉันขยี้ตา 2-3 ครั้ง คิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป แล้วก็ไปขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปทำงาน

ฉันนั่งเบาะหลังแท็กซี่ และบอกจุดหมายที่จะไป ก่อนปิดประตูรถ

“ไปแยกสุทธิสารค่ะ”

“ครับ...เอ่อ แล้วอีกคนนึงเขาไปคนละทางเหรอครับ ถึงไม่ขึ้นมาด้วยกัน”

“ใครเหรอคะ”

“ก็ผู้หญิงผมยาวๆ ที่ยืนอยู่หน้าบ้านกับคุณเมื่อกี้”

Advertisement

Advertisement

“อำกันแต่เช้าแลยนะคะ”

“ผมไม่ได้อำนะครับ ผมพูดจริงๆ”

ฉันกับคนขับแท็กซี่ทำหน้าเหวอใส่กัน ต่างคนต่างไม่แน่ใจว่าใครพูดเล่นพูดจริง ตอนนั้นเองฉันก็คิดว่าโดนคนขับแท็กซี่อำเล่น แต่คิดไปคิดมา ก็เริ่มรู้สึกว่า อาจจะมีบางอย่างแปลกปลอมในชีวิตฉัน เพราะหลังจากนั้น เหตุการณ์ต่างๆ มันก็ยิ่งบีบคั้นมากกว่าเดิม

หลายวันผ่านไป

“กลับมาแล้วเหรอลูก พาใครมาด้วยน่ะ” แม่เอ่ยทักฉัน ในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่ฉันเลิกงาน แล้วก็ขับรถกลับบ้าน

“อะไรนะคะ...พาใครมาด้วย? มีใครที่ไหนล่ะแม่ หนูกลับมาคนเดียว” ฉันตอบอย่างงงๆ

“ถามจริงๆ เถอะเหมียว รถที่ลูกซื้อมามันมีอะไรรึเปล่า”

“มันเป็นรถมือหนึ่ง ป้ายแดงเลยนะแม่ จะมีอะไรได้ไงอ่ะ”

“แม่มักรู้สึกว่า มีใครนั่งมากับเหมียว หรือบางทีก็นั่งอยู่ในรถเหมียวบ่อยๆ แต่พอมองดีๆ ก็ไม่มีอะไร”

อย่าว่าแต่แม่เลย ที่รู้สึกแบบนี้ ฉันเองก็รู้สึกมาตลอด ยิ่งมีคนมาพูดอย่างนี้ ฉันยิ่งกลัวไปกันใหญ่ แล้วมันไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนี้ด้วยนะ ที่ฉันเจอ บางทีฉันก็รู้สึกว่า ฉันเห็นอะไรแปลกๆ บ่อยมาก

อย่างเช่นวันหนึ่ง ขณะที่ฉันขับรถติดไฟแดงอยู่ ฉันก็กวาดสายตามองไปเรื่อยเปื่อย จู่ฉันก็มองขึ้นไปบนตึก เห็นเหมือนคนกำลังนั่งอยู่ที่ขอบระเบียง แล้วเธอก็กระโดดลงมาต่อหน้าต่อตา ฉันตกใจมาก พยายามมองรอบตัวว่ามีใครเห็นเหมือนฉันไหม แต่ทุกคนและทุกอย่างดูนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือที่ฉันเห็นไม่ใช่คนโดดตึก

พอกลับไปบ้าน ฉันรีบเสิร์ชดูในอินเตอร์เน็ต ถึงข่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ว่ามีใครฆ่าตัวตายบริเวณนั้นหรือเปล่า แล้วมันก็มีจริงๆ คือผู้หญิงอกหัก กระโดดตึกตาย ที่ดียวกับที่ฉันเห็น

นั่นแสดงว่า สิ่งที่ฉันเห็น เป็นเพียงวิญญาณอย่างนั้นหรือ...

ครั้งถัดมา มันเริ่มร้ายแรงขึ้น ตรงที่ คราวนี้ ฉันเห็นผี จะจะ คาตาเลย ที่บริษัทของฉัน ที่มั่นใจมากๆ เลยว่าเป็นผี เพราะฉันเห็นพี่คนที่ตายไปแล้ว มานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเดิม ซึ่งตำแหน่งนั้นยังคงว่างอยู่ ประกาศรับสมัครเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็นได้คนมาทำงานสักที วันนั้นฉันลงไปกินข้าวเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะลง ฉันปิดไฟทั้งออฟฟิศ แต่เหลือบไปเห็นแสงคอมเครื่องหนึ่งยังวูบวาบอยู่ และมีคนนั่งอยู่

เขาหันหน้ามามองฉัน แล้วยิ้มให้ ฉันจำได้ไม่เคยลืม ว่าพี่คนนี้ คือคนที่เสียชีวิตไปหลายเดือนแล้ว ฉันรู้สึกตกใจมาก รีบวิ่งลงไปกินข้าว แต่ก็ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง

ฉันริ่มจิตตกกับการเห็นผีของตัวเอง บางครั้งมันก็บ่อย บ่อยเสียจนน่าแปลกใจ นี่ฉันกลายเป็นคนเห็นวิญญาณไปได้ยังไง พอฉันไปเล่าให้ใครฟังมากๆ เขาก็หาว่าฉันเครียด คิดมากไป บ้างก็ว่าฉันเพี้ยนไปแล้ว

และที่หนักที่สุด ก็เห็นจะเป็นตอนที่ฉันนอน บ่อยครั้งที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ฉันมักรู้สึกเหมือนถูกผีอำ ขยับตัวไม่ได้ และเมื่อฉันพยายามลืมตาเพ่งมอง ฉันมองเห็นใครบางคน ยืนอยู่ที่ปลายเท้าของฉัน เห็นเป็นแค่เงารางๆ พอฉันเริ่มตั้งสติได้ สักพัก ใครคนนั้นก็หายไป

เรื่องราวบ้าๆ บอๆ เหล่านี้ เกิดกับฉันนานเกือบปี ฉันเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็พาไปทำบุญ แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะดีขึ้น ยังคงหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จากที่ฉันเป็นคนกลัวผีมาก พอเจอเข้าบ่อยๆ ก็เริ่มชิน แต่เรื่องหนึ่งที่ฉันยังคงกลัวอยู่ นั่นก็คือ การที่มักจะมีคนชวนไปอยู่ด้วย

ตั้งแต่อายุครบ 27 มา นอกจากจะเห็นวิญญาณและสิ่งลี้ลับบ่อยๆ แล้ว ฉันยังรู้สึกว่า ตัวเองต้องเจอเรื่องที่ฉียดตายหลายครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น เดินๆ อยู่ ก็มีเครื่องมือที่เขากำลังก่อสร้างหล่นลงมา เฉียดฉันไปแค่นิดเดียว บางทีเดินข้ามถนน รถก็เกือบจะชน เหมือนมองไม่เห็นฉัน ขับรถก็มักเกิดเรื่องที่เกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้ง แต่ก็แปลก ที่มันแค่เฉียดทุกครั้ง เหมือนมีอะไรคอยช่วยฉันอยู่

และเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวที่สุด ก็คือ ตอนที่ใกล้จะถึงวันเกิดครบ 28 ปีของฉันในอีกไม่กี่วัน ฉันกำลังจะนอน รู้สึกสลึมสลือกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่คราวนี้ฉันไม่ได้โดนผีอำแต่อย่างใด ฉันมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง มายืนอยู่ที่ข้างเตียงของฉัน เห็นชัดๆ กับตาทั้งสองข้างนี้เลย ผู้หญิงสวยๆ คนนั้น คนที่ฉันเคยฝันถึง

“ถึงเวลาแล้ว ไปด้วยกันเถอะ” เธอพูดเท่านั้น แล้วก็หันหลังเดินออกไป

แล้วอยู่ๆ ฉันเองก็ลุกขึ้นจากเตียง เดินตามเธอไปทันที

ฉันเดินตามเธอไปได้ไม่กี่ก้าว ก็หันกลับมามองที่เตียงนอนของตัวเอง สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจ ก็คือ...

ฉันเห็นร่างของตัวเอง ยังคงนอนอยู่ที่เตียงนั่น!

“เฮ้ย! นี่เราตายแล้วเหรอ” ฉันพึมพำอยู่ในใจ

พอฉันเริ่มตั้งสติขึ้นมาได้ ฉันก็รีบวิ่งกลับไปที่ร่างของตัวเอง แล้วพยายามที่จะนอนทับลงไป เหมือนที่เคยดูในหนังทันที หลังจากนั้น ฉันก็สะดุ้งตื่นขึ้น

ฉันเอามือจับร่างตัวเอง ให้แน่ใจว่าฉันกลับมาที่ร่างแล้ว จากนั้นก็พยายามมองซ้ายมองขวาทั่วทั้งห้อง ไม่มีอะไรผิดปกติ

“นี่...เราแค่ฝัน หรือว่าเมื่อกี้นี้ เราออกจากร่างไปจริงๆ กันแน่ๆ” ฉันพึมพำกับตัวเองออกมา

จะจริงหรือฝันไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเอามากๆ ฉันรีบวิ่งไปเคาะห้องแม่ แล้วขอนอนด้วย โดยที่ไม่ยอมเล่าอะไรให้แม่ฟังสักคำ

พอรุ่งเช้า ฉันถึงเล่าสิ่งที่เกิดกับฉันให้แม่ฟัง รวมทั้งอีกหลายๆ เรื่องที่ฉันเก็บไว้ ไม่ได้เล่าให้แม่ฟังทั้งหมด เพราะกลัวท่านจะเป็นห่วง และเมื่อแม่ฉันได้ฟังฉันพูดแบบนี้ จึงรีบพาฉันไปหาหมอดูที่ท่านรู้จัก ซึ่งแม่บอกว่าเขาเก่งมาก แต่ว่าอยู่ไกลมากเช่นกัน แต่ถึงจะไกลแค่ไหน แม่ก็พาฉันไป เพราะกลัวฉันจะเป็นอันตราย

เมื่อหมอดูได้ตรวจดวงชะตาของฉัน เขาก็พูดว่า

“มันเป็นเรื่องของกรรมเก่าน่ะ ปีนี้ดวงนังหนูมันตกมาก ถึงกับชะตาขาด เจ้ากรรมนายเวรขาก็จ้องมาทวงเอาตอนนี้ พวกภูติผี สัมภเวสีมันก็สื่อถึงเราได้ เพราะดวงชะตาเราอ่อน แต่นังหนูมันก็ยังมีบุญที่หนุนนำให้แคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ต้องห่วงหรอก พ้นอายุ 28 ไปได้ ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“พ้นไปได้! แล้วถ้าพ้นไม่ได้ล่ะคะพ่อหมอ” แม่รีบถามขึ้นทันที

“ผ่านมาได้ขนาดนี้แล้ว จะพ้นไปไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปสิวะ แค่หมั่นไปทำบุญทำทาน กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเขาซะบ้าง”

หลังจากได้ฟังคำทำนายจากหมอดู ฉันก็พอจะเข้าใจสิ่งที่กิดขึ้นกับฉัน และฉันก็หมั่นทำบุญกรวดน้ำทุกวัน โดยเฉพาะในวันเกิดของฉัน ฉันขอให้แม่จัดงานเลี้ยงพระใหญ่เลย ฉันหวังว่าบุญกุศล จะช่วยให้เจ้ากรรมนายเวรขาเลิกจอง  เวรฉัน รวมทั้งภูติผีเหล่านั้น เลิกมาให้ฉัเห็นสักที

แล้วก็เป็นดังว่า หลังจากวันเกิดฉันผ่านไปแล้ว ฉันก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ เหล่านั้นอีกเลย ราวกับว่า มันไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป

.......................

ภาพโดย Stefan Keller จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์