อื่นๆ

พนักงานขายฝึกหัด

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
พนักงานขายฝึกหัด

TrueID In-Trendฉบับที่ 3 พนักงานขายฝึกหัด

โดย ลุงแอ็ด ถาวรมาศ

อันว่า “การขาย” นั้น มันตีความได้หลายรูปแบบ จะ “ขายตัว” ก่อนก็ได้ แล้วจึงขายสินค้า หรือจะ “ขายสินค้า” ไปก่อน แล้วอย่าลืม “ขายตัว” ตามหลัง  เพราะเมื่อเราขายตัวได้แล้ว ต่อไปจะออกไปเป็นเถ้าแก่ อาเฮีย อาซ้อ   ก็ขายได้ง่ายแล้ว เพราะเราได้ “ขายตัว” ของเราได้เรียบร้อยแล้ว  แต่ที่สำคัญที่สุด คือ “ต้องขายให้ตัวเอง” ก่อนเสมอคือ ขายความก้าวหน้า ขายความตั้งใจ ขายวินัย ขาย Spirit ขายความอดทน ขายความรอคอย ขายโอกาส...โอย เจียระไนไม่หมด ไว้ตอนหลังลุงจะเล่าให้ฟังตอนนี้ ก็มาถึง  จะทำอย่างไร ให้อาเฮีย แกยอมรับลุงเข้าทำงานที่ บริษัท ยิบอินซอย ให้ได้    เขาบอกว่า (วิชาการขายนั่นแหละ..บอกลุง) ว่า “มนุษย์นี่แปลก เวลาจะพิจารณาเรื่องอะไร ก็ใช้เหตุผล เหตุผล เหตุผล เข้ามาประกอบการพิจารณาเป็นกระบุงเกวียน แต่พอจะ “ตัดสิน หรือ จะตกลงใจ” เรื่องนั้น ก็มักจะใช้ “อารมณ์” เป็นตัวหลักในการตัดสินเสมอไป ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องน้อย หรือเรื่องใหญ่แค่ไหน ดังนั้น คนที่จะขายของให้ใครได้ ก็จะต้อง “ใช้ทั้งเหตุผล และอารมณ์” ในถูกกาลและเวลา  เฮียเขาบอกว่า จะถึงบริษัท เจ็ดโมงครึ่ง (ไปทำไมตอนเช้านักหนาก็ไม่รู้...) ลุงเลิกจากไนต์คลับตอนสองยาม พาทน่ง พาร์ทเนอร์ไม่สนใจมันแล้ว รีบกลับหอ   ข่มใจหลับ   เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ  เพื่อจะไปที่บริษัทก่อนที่เฮียจะมาถึง

Advertisement

Advertisement

อมร ถาวรมาศ พนักงานขายของบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ลุงไปถึงบริษัท เจ็ดโมงตรง ประตูยังไม่เปิด ต้องเข้าทางประตูหลัง อีกสิบห้านาที เฮียก็มา...แกเห็นลุงแล้ว  ก็ยิ้มเล็กน้อย ลุงก็รีบยิ้มให้แก ..พลางแลบลิ้นให้เมื่อแกหันกลับไปที่โต๊ะทำงาน พอเจ็ดโมงครึ่งเป้ง แกก็พาลุงไปที่อีกห้องหนึ่ง  เข้าไปในห้อง โอ้โห  มีคน 4-5 คนนั่งรออยู่แล้ว แต่งตัว ผูกไทต์สีต่างๆ ลุงเดาเอาว่าเป็นพนักงานขายของบริษัท ภายใต้การควบคุมของเฮีย “อั๊วขอแนะนำนายถาวร อมรมาศ   เด็กรับใช้คนใหม่ของเรา” ทุกคนก็หันมายิ้มให้ลุง พลางปรบมือเปาะแปะต้อนรับ   “ขอให้พวกเราใช้นายถาวร  เดี๋ยวนะ ลื้อชื่ออะไรวะ   นายอะไรนะ อ๋อ นายอมร....ขอให้ทุกคนใช้นายอมร ให้สุดความสามารถ จัดสรรกันเอาเองว่า จะใช้ให้ทำอะไร ไปที่ไหน ให้นายอมรยกเครื่องให้ก็ได้ตอนไปเดโม่”  แล้วแกประชุมเซลล์ต่อไปตามปกติ    ลุงเลยถึงบางขวาง...เฮ้ย ไม่ใช่ บางอ้อ ว่า ทำไมแกรีบรับลุง เพราะนอกจากให้ทำงานฟรีแล้ว แกโดนรีเควสจากบรรดาเซลล์ว่า เวลาเอาเครื่องไป Demo ให้ลูกค้า จะขอเบิกค่าแท็กซี่ เพราะแบกขึ้นรถเมล์มันหนัก แบกไม่ไหว  ดังนั้น พอแกรับลุงปั๊บ วันนั้น ก็มีพวกเซลล์รุ่นพี่ ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า “พี่เซลล์” จองตัวกันหมุบหมับไปหมด “วันนี้ เช้าไปสุขุมวิทกับพี่..จะเอาเจ 524 ไป Demo ให้ลูกค้าดู”    ”บ่ายกลับทันไหม อั๊วจะพาไปพระประแดง ลูกค้าเขาอยากดูเครื่องมานานแล้ว”  อีกคนบอกว่า “เฮ้ย ขออั๊วไปนนทบุรีก่อน นัดเขาหลายอาทิตย์แล้ว”

Advertisement

Advertisement

ยิบอินซอย - เด็กนักเรียนกำลังสนใจเครื่อง เบอร์โร่ส์ ลุงก็นั่งเฉยๆ ไม่ออกความเห็นอะไร ปล่อยให้พี่ๆ เขาตกลงกันเอง แล้วลุงก็ได้แบกเครื่องขึ้นรถเมล์ (ในสมัยนั้น ใครมีรถเก๋งเป็นของตัวเอง เขาบอกบ้าแล้ว ทุกคนขึ้นรถเมล์กันกิจวัตรประจำวันกันทั้งนั้น เพราะรถมันไม่ติดเป็นตังเมอย่างทุกวันนี้)  ในวันว่าง ไม่มีใครชวนไปไหน ลุงก็นั่งจัดแคตตาล็อกให้เป็นหมวดหมู่ (เพราะพี่เซลล์เขาเอาแต่หยิบๆ แล้วกองทิ้งไว้   มันปะปนกันอีนุงตุงนัง) บางทีว่างๆ ก็เอาแคตตาล็อกมาดูรูป (ก็อ่านออกเสียที่ไหนเล่า...มันเป็นภาษาปะกิดไปทั้งหมด) พลางคิดว่า...เจ้าเครื่องบวกเลข เอ๊ย  ใครหนอจะมาซื้อเจ้า  ราคาเครื่องละตั้ง 6,000.- บวกได้อย่างเดียว ลบก็ไม่ได้ คูณก็ไม่ได้  มันจะสู้ลูกคิดอันละ 5 บาท ได้หรือเปล่าวะ   ก็ได้แต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามประสาเด็กรับใช้ นอกจากจะอำนวยความสะดวกในการยกเครื่องตามรุ่นพี่ ขึ้นรถเมล์แล้ว เจ้านายคนที่ตัดสินว่า “จะรับ  หรือ ไม่รับ” นายอมรคนนี้เข้าทำงาน ก็คือ “ตั้วเฮีย” คนนั้น  ที่ลุงจะต้องเอาใจเป็นพิเศษ ลุงเห็นแกมาทำงานตอนเช้าๆ ทีไร แกก็สั่งเจ้าหนูเดินกาแฟในตอนเช้าว่า “โอเลี้ยงแก้ว....” เป็นประจำทุกทีไปไม่ได้ขาด พอโอเลี้ยงมาถึง แกก็ยกขึ้นมาแ-ก เอ๊ย....ดื่มเฮือกใหญ่ พลางบ่นพึมพำว่า “ไม่อร่อย...แม่มันชงจืดอิ๊บอ๋าย” วันที่สองแกก็สั่งโอเลี้ยงกับเจ้าหนูคนเดิม แล้วก็บ่นพึมพำ “จืด...” วันที่สาม แกก็เหมือนเดิม จนลุงอดรนทนไม่ได้ ก็ไปถามพี่เซลล์คนหนึ่งว่า ทำไมแกสั่งแต่โอเลี้ยง แล้วบ่นว่าจืดทุกวัน แล้วแกทนกินอยู่ได้อย่างไร

Advertisement

Advertisement

ยิบอินซอย - คุณอมร เดินสาย โชว์เครื่องบวกเลข เครื่องจักรลงบัญชี ที่ปากน้ำโพ  ไอ้เจ้าพี่เซลล์คนนั้นก็บอกว่า “เฮ้ย...แกบ่นของแกอย่างนี้มาเป็นปีแล้ว...บอกให้แกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น แกก็ไม่ยอมเปลี่ยน”  วันที่สี่ ลุงเดินตามเด็กส่งกาแฟเข้าไปในตรอกข้างวัดมหาพฤฒาราม ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟที่ขายอยู่ในซอกนั้น พลางไปเล่าให้เจ๊ที่ชงกาแฟฟัง แกถามว่า เฮียคนไหนบ่น ลุงก็บอกว่าเฮียคนอ้วนๆ ที่คุมแผนกขายเครื่องบวกเลขนั้นนะ เจ๊แกก็ขำกลิ้ง...TOT พลางบอกว่า “เฮียแกก็บ่นมาอย่างนี้ตั้งเป็นปีสองปีแล้ว  ก็แก้วละ 50 สตางค์ จะเอามันๆ ข้นๆ ได้ยังไง   เอ้า ถ้าลื้ออยากชงเอง ขอเป็นแก้วละบาท แล้วชงเอาเอง”  ลุงตกลงควักให้เจ๊แกอีก 50 สตางค์ เป็นบาทหนึ่ง แล้วจัดการใส่กาแฟลงในถุงเพิ่มขึ้น ใส่น้ำตาลเพิ่มขึ้น เอามาชิมดูว่า มันเข้มข้นแล้วยัง...เสร็จแล้วก็สั่งให้เด็กส่งกาแฟเอาโอเลี้ยงไปส่ง พลางกำชับว่า อย่าไปบอกให้ใครรู้เชียวนะว่าลุงชงเอง พอเฮียดื่มเข้าเท่านั้น (ลุงไปแอบมองแก..) แกทำหน้าประหลาดใจ พลางนึกว่า “เฮ้ย...โอเลี้ยงมันทำไมเข้มข้น หวานมันอย่างนี้ ว้าว !!!.” ลุงงี้ แอบมองด้วยความภูมิใจเป็นล้นพ้น

เห็นไหม น้องๆ ที่รัก การจะทำอะไร มันก็ต้อง “ลงทุน” ไปก่อนทั้งนั้น ไอ้ที่ให้ “รวย” แล้วจับเสือมือเปล่านั้น มันไม่มีในโลกนี้หรอก  ลุงก็รับใช้ทั้งเซลล์รุ่นพี่และเฮียไปพร้อมๆ กันอย่างนี้ โดยใช้สูตร "รับใช้พี่เซลล์เขาโดยเหตุผล และผลงานเป็นที่ตั้ง  และรับใช้ตั้วเฮียโดยใช้อารมณ์เป็นหลัก" ตามหลักการเปะ  จนครบหนึ่งเดือน ก็เลียบๆ เคียงๆ ไปถามแกว่า “ว่าอย่างไรครับเฮีย” เฮียแกก็ลูกเล่นเหลือกำลัง  “ถาม....เรื่องอะไรวะ”  “ก็งานของผมนะซิครับ ตกลงจะรับผมเข้าเป็นพนักงานขายหรือเปล่า ถ้าไม่รับ พรุ่งนี้ผมจะไปฝึกต่อที่บริษัท โอลิมเปีย  นี่เขาเรียกตัวมาแล้ว”  เท่านั้นเอง เฮียก็เผยไต๋ออกมาให้ได้รู้ว่า เมื่อวานตอนเย็น แกเรียกประชุมเซลล์ แล้วถามว่า “ไอ้เด็กยกเครื่องมันเป็นไงบ้างวะ”  ทุกคนลงมติว่า เห็นควรจะจ้างไว้ เป็นเด็กยกเครื่อง เพราะมันทำงานดีเหลือหลาย อาเฮียแกก็บอกว่า ตำแหน่งนี้ไม่มีในองค์กรของบริษัท มีแต่ “พนักงานขายฝึกหัด” ตกลงเมื่อแกประชุมกับเซลล์เรียบร้อย แกก็ทำเรื่องขออนุมัติรับ “พนักงานฝึกหัด” หนึ่งตำแหน่ง ในอัตราเงินเดือน 650.-บาท เมื่อออกฟิลด์แล้ว ก็จะเบิกค่ารถเมล์ได้ตามความจริง และเจ้านายก็อนุมัติลงมาให้แล้ว

ยิบอินซอย - คุณอมร ในเครื่องแต่งการเต็มยศของเซลล์แมน เฮียแกสอนลุงอย่างหนึ่งว่า  ลื้อยังออกไปขายไม่ได้หรอก ลื้อยังต้องฝึกอีกเยอะ ในโรงเรียนที่สอนลื้อมา อั๊วก็รู้ว่าเขาสอนอะไร แต่เรื่องของ “การขาย” มันไม่มีอะไรตายตัวหรอกวะ ลื้อต้องมีประสบการณ์ โดยการตามรุ่นพี่ๆ เขาออกไปทำงานก่อน ค่อยเรียนรู้ไปทีละขั้น แล้วก็ค่อยออกไปขายจริง ๆ แล้วประการที่สอง เรื่องของงานขายนั้น มันไม่มีการ “ลองขาย” ลื้อต้องทำงานจริงๆ รักงานขายจริงๆ ทำงานแล้วมีความสุขจริงๆ คนที่จะมา “ลองทำงานขาย” ดู ไม่มีใครประสบความสำเร็จสักราย ลื้อต้องทำจริงๆ ขยัน อดทน ต่อสู้จนกว่า “จะมีเทคนิคการขายเป็นตัวของลื้อเอง” จำไว้ว่า “งานขายนั้น มันเลียนแบบกันไม่ได้” และอีกประการหนึ่ง  (แกพูดต่อ เมื่อเห็นลุงขยับตัว จะกราบลา..เพราะตาจะหลับอยู่แล้ว) สุดท้าย แต่ยังไม่ท้ายที่สุด “งานขาย เป็นงานที่ดีที่สุดในโลก เหมาะสำหรับเด็กจนๆ อย่างลื้อ ที่มีแต่ความหวังและไฟในตัวเอง เพราะลื้อจะได้ทำทุกอย่างที่ลื้อต้องการ เป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวสุดๆ  อั๊วคงไม่ผิดหวัง ที่รับลื้อเข้าเป็นพนักงานขายฝึกหัดของอั๊วนะ”  ลุงกราบลงบนโต๊ะ (ความจริงอยากลงไปกราบแกที่ตักเสียด้วยซ้ำ) ด้วยความตื้นตันอย่างพูดไม่ออก บอกไม่ถูก น้ำตามันจะไหลเสียให้ได้

"ครับ...ผมจะไม่ทำให้เฮียผิดหวังครับ” ลุงพูดได้แค่นั้นจริงๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา...เฮียหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้แล้วก็ลุกจากโต๊ะไป  ถึงตอนนี้ ผู้ฟังในห้องสัมมนา เงียบกริบ  แล้วลุงก็ควักผ้าเช็ดหน้าออกมา เพื่อซับน้ำตาที่มันทำท่าจะไหลรินออกมาอีกแล้ว   แล้วก็ขอเบรกที่ประชุม เพื่อไปกินกาแฟ ส่วนลุงก็ขอไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ล้างเสียให้มันสดชื่น เดี๋ยวพบกันใหม่นะขอรับ

ลุงแอ็ด ถาวรมาศ (นายอมร  ถาวรมาศ)

152/9 ถนนนนทบุรี 1 อ.เมือง จ. นนทบุรี 11000

E- Mail : [email protected]

Line ID : AMORNTAR  Tel : 081 619 8071

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์