รางวัลที่ 1 กับคนไทยและทำไมคนไทยต้องซื้อ “หวย”

รางวัลที่ 1 กับคนไทยและทำไมคนไทยต้องซื้อ “หวย”

คำถามที่ผู้เขียนก็ถามตัวเองมาตั้งแต่จำความได้...

ครั้งแรกที่จำได้คือตอนประมาณ ป.4 คุณปู่ชอบจูงมือไปซื้อหวย จนตอนนี้จบปริญญาตรีมาเกือบสิบปีแล้ว

....คุณปู่เสียไปเกือบสิบปีแล้วเหมือนกัน จำไม่ได้แล้วว่าท่านซื้อหวยมากี่ปี แต่ที่แน่ ๆ ที่จำได้คือ ท่านไม่เคยถูกหวยเลยสักครั้ง

ภาพที่ 1 ถ่ายโดย Tima Miroshnichenko จาก Pexels

เมื่อถามท่านว่า “ทำไม ? ต้องซื้อหวยคะปู่” ท่านก็ลูบหัวเราเบา ๆ แล้วเอ่ยตอบยิ้ม ๆ

“คนจนซื้อหวย คนรวยซื้อหุ้นไงลูก เราไม่รู้จักหุ้นเราก็เลยต้องซื้อหวย ปู่เรียนมาน้อย ซื้อพอได้ลุ้นแล้วแต่เทวดาท่านช่วยเหลือ”

ภาพที่ 2 ถ่ายโดย omar alnahi จาก Pexels

ภาพที่ 3 ถ่ายโดยDavid McBee จากPexels

ประโยคนี้สะท้อนอะไรบ้าง ?

1. การศึกษามีผลหรือเปล่า ? เพราะคนไทยได้รับการศึกษาเรื่องธุรกรรมทางการเงินน้อยมาก เรื่องการสร้างรายได้จากเม็ดเงินช่องทางอื่น เช่นหุ้น ตราสารหนี้ กองทุน เหรียญดิจิทัล หรือแม้แต่ช่องทางการทำเงินอื่น ๆ

6. สนุกตอนตรวจเลข และเงินเหลือ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ? ข้อสุดท้ายที่ผู้เขียนวิเคราะห์นี้มาจากที่พบเห็น คนดัง คนรวย ดารา นักแสดง หลาย ๆ ท่าน ที่ซื้อหวยแบบยกแผง ล้างกระดานกันเลยทีเดียว ไม่ต้องเลือกว่าเลขไหน ตรงกับที่อยากได้หรือเปล่า และหลายท่านก็ถูกหวยและนำเงินไปทำบุญ บริจาคต่อ ทำให้เห็นว่า

แล้วหวยจะหายไปไหม ?

ผู้อ่านทุกคนคงนึกภาพออกว่าตอนนี้ผู้เขียนกำลังส่ายหัวไปมาอยู่ แน่นอนว่าหวยไม่ได้เพิ่งเกิดมาในระยะเวลา 2-3 ปีมานี้ แต่ถือกำเนิดมานานมาก จากความยากจนของประชาชน ที่ไม่ยอมจับจ่ายใช้สอย จึงต้องหาวิธีการดึงเงินผู้คนออกมาใช้จ่าย ด้วยการเสี่ยงโชค ระยะเรียก “ฮวยหวย” ใช้ป้ายเล็กๆ 34 ป้ายเขียนชื่อผู้มีชื่อเสียง และให้ผู้คนลงเงินทายกัน และมีพัฒนาการมาเรื่อยๆ กระทั่ง 2482 เปลี่ยนชื่อมาเป็น “ลอตเตอรี่” ดังนั้นจึงมีสาเหตุที่หวยจะไม่มีทางหายไปจากสังคมไทย อย่างแน่นอน

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ธุรกิจหวยส่งผลต่ออะไรบ้าง ?

ธุรกิจใบ้หวย ธุรกิจคนทรงเจ้า เจ้าพ่อท้องถิ่น ธุรกิจกิจหวยใต้ดิน เงินกู้ทั้งในและนอกระบบ ซึ่งหากมีการใช้จ่ายเงินในส่วนนี้ไปเกินกำลัง ยังคงมองไม่เห็นเลยว่าจะได้มากกว่าเสียหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ซื้อหวย เดือนละ 500   บาท ทุกเดือน 12 เดือน X 500 = 6,000 บาท ซึ่งไม่รู้ว่าใน 1 ปีนี้จะถูกสักกี่ครั้ง แต่หากลงเปลี่ยน นำ 500 นี้มาลงทุนในส่วนอื่น เช่น หุ้น หรือตราสารหนี้ที่จะได้กำไรคืนกลับมาอย่างแน่นอน และไม่เสียเงินต้นไปด้วยนั้น จะดีกว่าหรือไม่ ?

แต่เมื่อพูดมาถึงตรงนี้...

ก็จะย้อนกลับไปประโยคที่ว่า “เพราะคนไทยมีความรู้เรื่องเหล่านี้น้อยมาก”

“จะเป็นไปได้หรือไม่ที่การศึกษาไทย ควรมีการบรรจุเรื่องเหล่านี้เข้าไปตั้งแต่ระดับมัธยม เพื่อให้เขาได้นำไปใช้จริงเมื่อเรียนจบ”
ภาพที่ 4 ถ่ายโดย Thought Catalog จากPexels

ภาพหน้าปก ตกแต่งด้วย Canva

NANOMI

อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !