อื่นๆ
มิกกี้ กับ มินนี่ ไม่ใช่หนู
อย่างที่บอกไว้ตามชื่อของบทความเลยครับ ทั้งมิกกี้ แล้วก็มินนี่ ไม่ใช่ตัวละครหนูในการ์ตูนของวอลท์ ดิสนี่ย์ ที่แสนโด่งดังและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกแต่อย่างใด แต่มิกกี้ กับ มินนี่ ณ ที่นี้ เป็นแมวครับ แถมเป็นแมวที่กำพร้าทั้งพ่อ และแม่เลยทีเดียว ที่สำคัญ ทั้งคู่เป็นกำพร้า ตั้งแต่ตัวแดงๆ ตายังไม่เปิด โดยปกติลูกแมวในวัยนี้ หากขาดแม่ มักจะไม่รอด ยกเว้นว่าจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม เรื่องราวของทั้งสองแมวเริ่มจากตรงนี้ครับ
ย้อนหลังไป 5-6 ปี จะมีแมวสามี ภรรยาคู่นึง ที่มักจะแวะเวียนมาขอข้าวกินที่บ้านเป็นประจำ และเราเอง (หมายถึง ผมกับแฟน) ก็จะแบ่งอาหารแมวให้ทั้งคู่จนเป็นกิจวัตร โดยตัวผู้ เราตั้งชื่อว่าเจ้าขาว ส่วนตัวเมีย ก็ตั้งชื่อง่ายๆ ว่าเหมียว แบบไม่ได้คิดมากสักเท่าไร เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้รับรู้หรอกว่าตัวมัน ได้ถูกตั้งชื่อเป็นเรื่องเป็นราวเรียบร้อยแล้ว จนผ่านมาเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เราสังเกตว่าเจ้าขาวได้หายๆ ไป เหลือแต่เจ้าเหมียว ที่ยังคงแวะเวียนมาบ้าง นานๆ ครั้ง ในที่สุดเราก็พบว่ามันกำลังตั้งท้อง
Advertisement
Advertisement
จนวันนึง จำได้ว่าเป็นวันเสาร์ ช่วงบ่ายแก่ๆ หลังจากเสร็จธุระนอกบ้าน เราพบเจ้าเหมียวนอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ตรงสนามหญ้าข้างๆ บ้าน ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ท้องก็แฟบลง น่าจะคลอดลูกออกไปแล้วที่ไหนสักแห่ง เรารีบช่วยกันอุ้มเจ้าเหมียวนำไปโรงพยาบาลสัตว์ คุณหมอยืนยันว่าต้องให้เจ้าเหมียวอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะดูแล้วอาการไม่สู้ดีนัก
ในค่ำวันนั้นเอง ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าเจ้าเหมียวไม่รอด เพราะมีอาการมดลูกอักเสบจากการติดเชื้ออย่างหนัก เราเลยแจ้งฝากร่างของเจ้าเหมียวไว้ที่โรงพยาบาลก่อน ตั้งใจว่าจะไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ และจัดการศพเจ้าเหมียวในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นเราเข้านอนด้วยความรู้สึกที่เศร้าใจ เพราะถึงอย่างไร เจ้าเหมียวก็เป็นแมวที่เราคุ้นเคยมาหลายปี ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยงดูกันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้นก็ตาม
รุ่งเช้า แฟนผมได้ยินเสียงลูกแมวร้องอยู่ที่ด้านข้างๆ บ้าน จึงเดินออกไปดู แล้วต้องตกใจ เพราะพบลูกแมวตัวเล็กๆ เหมือนหนู ยังไม่ลืมตา 2 ตัว นอนร้องแข่งกันในพงหญ้าใต้พุ่มไม้ ห่างจากบริเวณที่พบเจ้าเหมียวเมื่อวานไม่กี่ก้าว แฟนผมพยายามคุ้ยหาบริเวณโดยรอบ เผื่อว่าจะมีตัวอื่นๆ อีก แต่ก็ไม่พบ จึงรีบนำลังกระดาษบุด้วยผ้านุ่มๆ เท่าที่หาได้ตอนนั้นให้เป็นที่อยู่จำเป็นของเจ้าตัวเล็ก จะทำยังไงดี เราพูดกัน เพราะไม่มีประสบการณ์การดูแลลูกแมวเล็กขนาดนี้มาก่อนเลย และเท่าที่ทราบมาลูกแมวเพิ่งคลอดที่ขาดแม่ไปมักจะไม่ค่อยรอด แต่ผมก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ กับความอดทนของลูกแมวทั้งสองตัว ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ผ่านมาทั้งคืน ร่วมสิบกว่าชั่วโมง โดยไม่ได้กินอะไรสักนิด
Advertisement
Advertisement
เรานำลูกแมวไปที่โรงพยาบาลสัตว์ เพื่อขอคำแนะนำ และเคลียร์เรื่องเจ้าเหมียวไปด้วยพร้อมกัน โชคดีที่ทางโรงพยาบาลยอมรับอนุบาลลูกแมวทั้งสองฉุกเฉิน เพราะน้องทั้งคู่เริ่มขาดน้ำแล้ว แต่เราต้องเข้าไปรับกลับก่อนโรงพยาบาลปิด เนื่องจากตอนกลางคืนจะไม่ใครดูแลน้อง เพราะลูกแมวอายุไม่กี่วันแบบนี้ จะต้องกินนมตลอด ทุกๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ทั้งกลางวันกลางคืน เรามองหน้ากันเลิกลั่ก เอาล่ะสิ มหกรรมอดนอนมาถึงแล้ว...
วันนั้น ผมพยายามทำการบ้าน ก่อนไปรับลูกเจ้าเหมียวทั้งสองตัวกลับ ทั้งโทรหาคนที่มีประสบการณ์ หาตามเพจ และบทความต่างๆ เพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพราะถ้าพลาด นั่นหมายถึงชีวิตของทั้งสองเลยทีเดียว และเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแน่ๆ ซึ่งผมพบว่าการดูแลลูกแมวเล็กขนาดนี้ มีรายละเอียดมาก และต้องระมัดระวังในทุกขั้นตอนด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น
Advertisement
Advertisement
ที่นอน จะต้องอบอุ่น เพราะแมวเล็กๆ จะไม่สามารถปรับอุณหภูมิร่างกายได้ จึงต้องมีที่นอนที่อบอุ่นราว 37 องศาเซลเซียส เหมือนกับเวลาได้นอนซุกอยู่กับอกแม่ของมัน ผมต้องหาลังกระดาษขนาดเหมาะๆ บุผ้านุ่มๆ แล้วก็ใช้โคมไฟส่องแสงให้ความอบอุ่นแทน โดยจะต้องเอามือไปทดสอบตรงที่นอนว่าจะไม่ร้อนจนเกินไป หรือใช้ที่วัดอุณหภูมิ ตั้งไว้เพื่อจะสังเกตได้ โดยผมใช้วิธีปิดฝาลังไว้ครึ่งนึง เผื่อว่าลูกแมวจะถดหนีเข้าไปหากรู้สึกร้อนเกินไป
การป้อนอาหาร หลักๆ ก็คือนม แต่ต้องไม่ใช่นมวัว เพราะน้ำตาลแลคโตสในนมวัว ลูกแมวจะไม่สามารถย่อยได้ ข้อมูลบางแหล่งให้ใช้นมแพะแทน แต่ผมยังไม่ไว้ใจ และทราบว่ามีนมยี่ห้อ KMR ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้แทนนมแม่แมวโดยเฉพาะ รวมทั้งมีสารอาหารที่จำเป็นเลียนแบบนมแม่แมว เราก็เลยต้องออกไปหาซื้อมาเพื่อการนี้จนได้ ส่วนการป้อนก็เป็นปัญหาพอสมควร เพราะตอนแรกๆ ลูกแมวไม่ชินกับการใช้หลอดฉีดยาในการป้อนเลย ผมต้องหาหลอดยางสะอาดๆ มาสวมที่หัวหลอดฉีดยาอีกที เพื่อให้ยาวและนุ่มขึ้น แรกๆ หากยังไม่ยอมดูด ต้องค่อยๆ หยดน้ำนมตรงบริเวณปากลูกแมว เพื่อให้เรียนรู้ว่านี่คือหัวนมที่จะให้นมเค้า ต้องระวังไม่ให้เข้าจมูกเด็ดขาด เพราะอันตรายมาก และน้ำนมจะต้องอุ่นอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส หากเย็นเกินไปอาจทำให้นมไม่ย่อยได้ โดยช่วงสองสัปดาห์แรก ผมต้องตื่นสลับกับแฟนมาเตรียมนม และป้อนนมให้ลูกแมวทุกๆ 2 ชั่วโมง ช่วงนั้นเรียกว่าเป็นช่วงที่ทรมาน แต่จะว่าไปก็ระคนความสุข
การจัดท่าป้อนก็สำคัญ เพราะลูกแมวจะไม่นอนหงายให้เราป้อนนมเหมือนเด็กๆ แต่ต้องป้อนในท่านอนคว่ำ เมื่อน้องแมวรู้จักการดูดแล้ว การป้อนนมจะง่ายขึ้นมากทีเดียว เพราะจะสามารถดูดนมจากหลอดเองโดยเราแทบไม่ต้องดันก้านหลอด ลูกแมวจะเอามือดันไปข้างหน้าเหมือนกำลังดูดนมจากแม่ เราเพียงคอยควบคุมไม่ให้ลูกแมวสำลักเนื่องจากดูดเร็วไป เพราะช่องทางออกของหลอดน่าจะให้นมปริมาณที่มากกว่าธรรมชาติแม่แมวแน่ๆ และเมื่อลูกแมวเริ่มอิ่ม หรือดูดช้าลง ก็ไม่ควรไปกดเพื่อป้อนเพิ่ม เพราะอาจทำให้สำลัก ทำให้ปอดอักเสบเสียชีวิตได้ เมื่ออิ่มแล้ว ก็ต้องทำให้ลูกแมวเรอด้วย โดยการวางไว้บนตักหรือบนผ้านุ่ม ลูกหลังเบาๆ หรือใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางเคาะอย่างเบามือที่หลังเพื่อกระตุ้นให้เรอทุกครั้ง
เมื่อกินอาหาร ก็ต้องมีการขับถ่ายของเสีย ลูกแมวควรขับถ่ายทุกๆ วัน ทั้งหนัก และเบา จำได้ว่าน่าจะวันละหนึ่งถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ง่าย เพราะลูกแมวจะไม่ถ่ายเองหากไม่โดนกระตุ้น หากมีแม่แมว แม่แมวจะใช้วิธีเลียก้น เลียพุงลูกเพื่อให้ถ่ายหนักถ่ายเบา แต่สำหรับพ่อแม่จำเป็น จะใช้วิธีแบบเดียวกันนั้นคงไม่ไหว จากท่านผู้รู้หลายท่านกล่าวไว้ว่าให้ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นๆ บีบให้หมาดๆ เช็ดท้องน้อยเช็ดก้นลูกแมวแทนเพื่อเลียนแบบธรรมชาติ จำได้ว่าครั้งแรกที่ทำสำเร็จ เรารู้สึกว่าเหมือนถูกล็อตเตอรี่เลยทีเดียว และเมื่อเสร็จแล้ว ก็ต้องใช้น้ำอุ่น เช็ดทำความสะอาดเจ้าลูกเหมียวตัวน้อยๆ ด้วยทุกครั้ง
ทั้งหมดที่กลาวไป ก็เป็นเพียงหัวข้อหลักๆ เท่านั้น ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย ปัญหาต่างๆ ที่หากนำมาเล่าคงจะยาวเกินไป แต่ทั้งหมดเราทั้งสองคิดไว้ตลอดว่ามันจะต้องผ่านไปได้ เพราะหากพลาดพลั้ง ก็จะไม่สามารถแก้ไขได้อีก เราเฝ้าดูพัฒนาการของทั้งมิกกี้ แมวเพศผู้ และมินนี่ แมวเพศเมีย ที่ค่อยๆ โตขึ้น รู้เรื่องมากขึ้น ในขณะที่ก็ต้องแก้ปัญหาต่างๆ ไปด้วยเกือบทุกวัน ถึงแม้จะเหนื่อยหนัก แต่ก็เต็มไปด้วยความสุข เราหวนนึกไปถึงแม่แมว...เจ้าเหมียว แล้วคิดว่าเจ้าเหมียวคงรู้ตัวว่าไม่รอด จึงได้พยายามพาลูกของมันมาทิ้งไว้ที่บ้านของเราตรงจุดนั้น เพื่อจะให้พวกเราช่วยดูแลลูกของมันต่อไป ขอบใจที่ไว้ใจเรา เราดูแลให้อย่างดีแล้วนะเจ้าเหมียว เราได้ช่วยให้ทั้งมิกกี้ และมินนี่ ที่ตัวเล็กเหมือนหนูในวันแรกที่เราพบ ได้เติบโตขึ้น จนเป็นแมวที่แข็งแรงน่ารักในวันนี้ ซึ่งก็ผ่านมาถึง 3 ปี แล้ว เมื่อเรามองหน้าของมิกกี้ และมินนี่ เราจะรู้สึกภูมิใจตลอดว่าเราสามารถทำได้ แม้มันจะยาก ที่ทำให้หนูในวันนั้น เปลี่ยนเป็นแมวหนัก 6 กิโลในวันนี้ได้ก็ตาม
เรื่องโดย : มนุษย์ขอบตาดำ
ภาพ : ขอขอบคุณแฟนมนุษย์ขอบตาดำผู้บันทึกภาพ
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น