ไลฟ์แฮ็ก

อย่าเสพติด "ความสำเร็จ"

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อย่าเสพติด "ความสำเร็จ"

ช่วงก่อนผมจะลาราชการมาเก็บข้อมูลวิจัยต่างจังหวัด ผมได้บังเอิญพบน้องนิสิตทีมชาติ - ใช่ครับ นิสิตคนดังกล่าวผลการเรียนเป็นเลิศในรุ่น

Geniusน้องนิสิตทีมชาติ

เมื่อผมมองดี ๆ เหมือนเห็นภาพตัวเอง สมัยผมยังเป็นเด็กปริญญาตรี ที่ชอบอ่านโน่น อ่านนี่ไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อผมได้คุยกลับพบว่า เรา 2 คนมีเป้าหมายต่างกัน กล่าวคือ น้องนิสิตคนดังกล่าว จะอ่านหนังสือเพื่อสอบให้ผ่านแล้วต้องเข้าใจ แต่ผมต้องการอ่านหนังสือเพื่อได้ที่ 1

winner การอ่านหนังสือเพื่อได้ที่ 1

ย้อนกลับไปในอดีต ผมเองยอมรับว่าเป็นเด็กหัวกะทิ ทุกปีจะต้องได้ยินโรงเรียนประกาศชื่อ นักเรียนดีเด่น ได้รับทุนการศึกษาทุก ๆ ปี กลายเป็นผมมักชินกับการเป็นที่ 1 บางครั้งที่ 1 ร่วม หรือตกเป็นที่ 2 ก็ร้องไห้ครับ พีคสุดตอนผมสอบเข้า รร.ประจังหวัด แม้จะติดแต่ไม่ได้ที่ 1 ก็ร้องยิ่งกว่าคนไม่ติด และในระหว่างเรียนทุกปี จะมีการทดสอบแข่งขันวิชาการระดับประเทศ ผลออกมาผมได้ที่ 3 ประเทศ ควรดีใจไหม? แต่ผมกลับร้องไห้เพราะไม่ได้ที่ 1 sadร้องไห้เพราะไม่ได้ที่ 1 ระดับประเทศ

Advertisement

Advertisement

จากสถานการณ์ทั้งหมดที่ผมกล่าวมานั้น ผมไม่โทษการถูกสอนมาให้รักการอ่าน-การแข่งขันจากสถาบันครอบครัว เพราะแท้จริงแล้วผมว่าผมทำมากเกินจำกัดแค่นั้น เพราะการได้ยินเสียงปรบมือ หรือมีคนกล่าวชม มันกลายเป็นสิ่งที่ผมชิน ดังนั้น ความผิดหวังจึงมาย้ำเตือนว่า ไม่มีใครที่จะสมหวังตลอด เมื่อความผิดหวังเข้ามาเคาะประตู ผมมักจะเลือกไม่เปิดรับ เพราะมันรับไม่ได้ เพราะนิสัยผมมันชินอยู่กับความสำเร็จ นี่จึงสร้างชุดความคิดส่วนตัวว่า "ไม่เครียด จัดการได้ แต่จริง ๆ เครียด" กลายเป็นเมื่อความเครียดมันสะสมเรื่อย ๆ จนบู้ม!!! กลายเป็นโกโก้ครั้นช์ >>> เส้นเลือดในสมองตีบ

เพราะฉะนั้นผมจึงอยากจะย้ำเตือนทุก ๆ คน ที่พยายามอยากจะเป็นแบบผม หรือกำลังเป็นอยู่  ปลายทางคุณอาจจะมาต้องนั่งทุกทรมาน เหมือนกับที่ผมกำลังเป็นอยู่นะครับ

Advertisement

Advertisement

แต่ผมไม่ได้บอกว่าให้ผู้อ่านไม่ต้องทำอะไร จะได้ไม่เครียด ไม่ใช่ครับ ผมแค่อยากบอกว่า ถ้าไม่มีอะไรจะทำเพราะกลัวอิน+เครียดไปหมด ให้เลือกทำอะไรที่เป็นประโยชน์เพื่อคนอื่น แล้วความสุขคุณจะได้รับเมื่อเห็นชีวิตคนอื่นดีขึ้น เพราะฉะนั้นผมจึงอยากจะอุทิศตัวเองเป็น life coach ที่ไม่มีใบอนุญาตกระดาษ แต่ผมยินดีเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาบอก มาเตือน นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมรอดชีวิต จากเส้นเลือดในสมองตีบที่แกนสมอง - ควรต้องไปเฝ้าพระอินทร์ แต่คนข้างบนคงเห็นประโยชน์ให้ผมมีชีวิตต่อ

ส่วนตัวชีวิตที่ 2 คงจะต่างกับชีวิตที่ 1 คือ "ผมจำเป็นต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของตัวเอง" ให้มากกว่าเดิม เหนื่อยก็นอน ไม่ใช่ขออีกนิด เพราะขออีกนิดคงจะได้นอนยาว ***สุขภาพไม่ใช่เรื่องล้อเล่น *** จำไว้

good healthสุขภาพดี

ท้ายนี้ขอบพระคุณภาพ

1.ปก โดย Christian Erfurt จาก unsplash

Advertisement

Advertisement

2.ที่ 1 โดย dooder จาก freepik

3.ที่ 2 โดย jcomp จาก freepik

3.ที่ 3 โดย cookie_studio จาก freepik

4.ที่ 4 โดย freepik จาก freepik

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์