อื่นๆ
แสงสว่างปลายอุโมงค์
แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาระหว่างที่ผมนั่งรถไฟสายหนึ่ง ลมพัดโบกเย็นสบายโดนตัวเป็นระยะๆ สายตาของผมจดจ้องไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามจากทุ่งหญ้าเขียวขจี ผมมองไปบนท้องฟ้าเห็นนกที่บินผ่านไปตามสายลม มันทำให้ผมเผลอชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถไฟเพื่อซึมซับเอาความสวยงามเหล่านั้น แต่ทันใดนั้นเอง ผมก็มองเห็นอุโมงค์ๆหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า มันค่อยๆเข้ามาใกล้ในขณะที่รถไฟก็กำลังเคลื่อนผ่านเข้าไปอย่างช้าๆ แสงสว่างจากทิวทัศน์ที่เห็นโดยรอบก็ค่อยๆมืดลงและมืดลงจนมองอะไรไม่เห็นอีกเลย มันทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังจะจมดิ่งลงสู่ห้วงมหาสมุทรที่เย็นเฉียบและมืดมิด ผมหลับตาลง นั่งฟังเสียงอึกทึกที่สะท้อนจากผนังอุโมงค์ มันกึกก้องไปทั่วราวฟ้าถล่ม มันทำให้ผมอยากออกไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด
"ไม่ไหวแล้ว" ผมภาวนาในใจ
Advertisement
Advertisement
"เสียงดังเหลือเกิน" ผมเริ่มใจสั่นและหวาดวิตก
แต่ก็คิดว่ายังไงๆผมก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ จนเวลาผ่านไปชั่วครู่ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้น ผมมองเห็นแสงสว่างค่อยๆกลับมา มันสว่างขึ้นๆจนในที่สุดแสงสว่างก็ปรากฎขึ้นมาพร้อมๆกับรถไฟก็โผล่พ้นออกมาจากอุโมงค์นั้น สายตาของผมได้มองไปข้างนอกอีกครั้ง มันทำให้ผมนึกถึงประสบการณ์หนึ่งที่ผมเองไม่เคยลืม
ประสบการณ์ครั้งนั้น มันทำให้ผมผ่านอุโมงค์อันมืดมิดมาด้วยความยากลำบาก ผมเหมือนคนเดินทางที่มีเพียงแค่เทียนไขในมือที่พร้อมจะดับลงตลอดเวลา ด้วยความเครียดที่สะสมมานานรวมกับอาการโรคซึมเศร้า ทำให้แสงเทียนไขส่องทางของผม ค่อยๆลดลงจนมองไม่เห็นและส่องจนไม่เห็นทางออก ผมเดินทางไปเรื่อยๆแบบมองไม่เห็นจุดหมาย ผมกลายเป็นคนป่วยจนต้องเข้ารับการรักษา แห่งแรกที่ผมได้เข้ารับการรักษาก็คือโรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นมิหนำซ้ำอาการยังกำเริบขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงได้ปรึกษากับทางญาติผู้ใหญ่ ท่านแนะนำมาว่ามีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งรักษาโรคนี้ได้ดีมาก ความรู้สึกตอนนั้นคือผมยังมีทางออกสุดท้าย พ่อของผมซึ่งพักอยู่ใกล้โรงพยาบาลแห่งนั้นจึงติดต่อจองคิวกับโรงพยาบาล แต่เรื่องมันยังไม่จบและเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก ไม่มีคิวว่างสำหรับผม วันๆหนึ่งผมได้แต่นั่งคิดในใจ
Advertisement
Advertisement
"ไม่อยากอยู่แล้ว....ทำไมโลกใจร้ายกับเราแบบนี้" ความคิดฟุ้งซ่านวนเวียนอยู่ในสมอง
โรคซึมเศร้าพรากทุกสิ่งทุกอย่างจากผมไปจนหมดไม่เหลือ แม้กระทั่งตัวตนที่เคยสดใส ร่าเริง มันเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นคนคิดลบและเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา
ภาพจาก : Henrik Pfitzenmaier / Pexels
แต่สุดท้ายในเรื่องราวที่แย่มักจะมีเรื่องที่ดีเสมอ อยู่มาวันหนึ่งพยาบาลก็โทรมาแจ้งว่ามีคิวว่าง ผมไม่รอช้ารีบจองตั๋วเครื่องบินแล้วเดินทางทันที ผมเดินทางไปถึงที่พัก ที่นั่นมีทั้งพ่อและพี่ชาย ผมนอนพักที่นั่น1คืนก่อนเข้ารับการรักษา ความรู้สึกเหมือนเปลวเทียนไขของผมค่อยๆเริ่มจุดติดอีกครั้ง เมื่อไปถึงโรงพยาบาลทั้งหมอและพยาบาลต่างพูดคุยกับผมด้วยความจริงใจและพร้อมแก้ปัญหาให้ในสิ่งที่ผมเผชิญอยู่ จนมาถึงตอนนี้ครบเดือนที่ 2 แล้ว ผมรู้สึกว่าเทียนไขเล่มนั้นกลับมาติดอีกครั้ง มันค่อยๆสว่างขึ้นและพร้อมส่องทางให้ผมได้เดินไปสู่ปลายอุโมงค์ต่อไป
Advertisement
Advertisement
ขอขอบคุณภาพปกสวยๆจาก : Elisabeth Fossum / Pexels
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น