อื่นๆ

ผีเปรตที่วัดท้ายไร่

271
ผีเปรตที่วัดท้ายไร่

               ภาพประกอบของผู้เขียน

               เขาว่าคนที่เจอผีจะโชคร้าย ถ้าผีมาขอส่วนบุญล่ะเราจะทำอย่างไร!

               ใครว่าผีไม่มีจริงในโลก คนที่กล่าวเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยเจอผีเพราะผีจะปรากฏตัวให้เห็นเฉพาะคนที่เขาต้องการให้เห็นจริง ๆ เท่านั้น

แล้วทำไมผีจะต้องปรากฏตัวให้เห็นซึ่งฉันก็ไม่ทราบจริงๆ

            น้าตันหรือชื่อเต็มๆ ว่าบุญตัน แกเป็นเพื่อนบ้านที่เห็นหน้าคร่าตากันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยและฉันเห็นน้าตันดื่มเหล้าทุกวัน

เหล้าขาวบ้าง เหล้ายาดองบ้าง น้าตันจะดื่มตอนเช้าก่อนเข้าไร่และตบท้ายตอนเย็นอีก 1 เป๊ก  แกบอกว่าดื่มเหล้าแล้วจะกินข้าวอร่อย ฉันคิดว่าเป็นข้ออ้างมากกว่า นอกจากนิสัยชอบดื่มเหล้าแล้วถ้าหากว่าบ้านไหนทำบุญ น้าตันก็จะไปช่วยงานตั้งแต่เช้าแล้วก็ดื่มเหล้าทั้งวัน

               น้าตันเมาแล้วจะสนุก เมื่อเมาได้ที่แกก็ร้องรำทำเพลง ทุกคนจึงชอบเพราะแกไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร

Advertisement

Advertisement

               ทว่ามีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้น จากการบอกเล่าของคนในหมู่บ้าน เขาว่าน้าตันถูกผีหลอกที่วัดท้ายไร่จนแกจับไข้ ถ้าโชคร้ายผมอาจจะร่วงก็ได้

               วัดท้ายไร่มีประวัติน่าสนใจไม่น้อย เมื่อก่อนมีพระรูปหนึ่งเดินธุดงค์แล้วปักกลดอยู่ท้ายไร่ของลุงพร ชาวบ้านจึงพากันนำอาหารไปถวายแล้วสนทนาธรรมกับท่าน

               ลุงพรขอเป็นโยมอุปัฏฐากแล้วบริจาคที่ท้ายไร่ของแกสร้างวัด จากนั้นนิมนต์หลวงพ่อเป็นเจ้าอาวาสและตั้งชื่อวัดว่า วัดท้ายไร่

               ก่อนหน้าที่จะสร้างวัดมีคนทรงจากประเทศเพื่อนบ้านบอกว่าที่ดินตรงท้ายไร่ เมื่อหลายร้อยปีเคยเป็นชุมชนเก่ามาก่อน กระทั่งเกิดโรคระบาดผู้คนล้มตายจึงกลายเป็นหมู่บ้านร้าง เขาแนะนำลุงพรว่าทางที่ดีที่ตรงนี้ควรที่จะทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับศาสนาแล้วทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่สัมภเวสี ลุงพรจึงบริจาคที่ส่วนนี้สร้างวัด  

Advertisement

Advertisement

                คราวนี้เรามาเข้าเรื่องน้าตันถูกผีเปรตหลอกกันเลยค่ะ เริ่มจากเมื่อหลายวันก่อนมีงานทำบุญกระดูกบรรพบุรุษญาติน้าตันซึ่งแกก็ไปช่วยงานแต่เช้าแล้วแกดื่มเหล้าจนเมา

ผีเปรต               ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ Pixabay

               น้าตันรู้ตัวอีกทีก็มืดแล้ว ทุกคนที่มาช่วยงานต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน น้าตันเช่นกันแกเดินโซซัดโซเซไปตามทาง บ้านน้าตันจะต้องผ่านวัดท้ายไร่ ขณะนั้นประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ พอแกเดินผ่านวัดเท่านั้นแหละ เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอด ๆ ตามด้วยเสียง วิ๊วๆ ซึ่งเป็นเสียงเล็กๆ น้าตันเงี่ยหูฟังสักพักแล้วมองไปรอบ ๆ ตัว

               อากาศตอนนั้นเย็นและวังเวงเสียจนแกเสียวสันหลัง จากที่มึนหัว กลับรู้สึกสร่างเมาจนยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความกลัว

               น้าตันไม่เคยกลัวผี เมื่อเจอกับบรรยากาศชวนสยองอย่างนี้ แกเริ่มใจไม่ดี กลัวจะโดนผีหลอกจึงเร่งฝีเท้าเดินอย่างรวดเร็ว

Advertisement

Advertisement

               “วิ้ว ๆ”

               เสียงวิ้ว ๆ กรีดแทรกมาในอากาศอีกครั้ง น้าตันจึงรู้ว่าเสียงมาจากบนฟ้า แกเงยหน้าขึ้นมองและเห็นอะไรดำๆ เหมือนต้นตาล แกมองไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนคอตั้งบ่า

              พอเห็นภาพชัดเท่านั้น ผมแกลุกทั้งหัวและหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ทั้ง 2 ร่างไม่สวมเสื้อผ้า ยืนเคียงคู่กัน ผมยาวเป็นกระเซิง แต่แกเห็นหน้ามันไม่ชัด มือใหญ่ราวกับใบตาลกวัดแกว่งไปมาตามจังหวะที่หมาหอน

น้าตันไม่รั้งรออะไรอีกแล้ว แกตะโกนสุดเสียงว่าผีหลอกและวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ทันทีที่ถึงบ้านแกกระโดดเข้ามุ้งแล้วนอนคลุมโปงจนตัวสั่น

               รุ่งเช้าน้าตันจับไข้ ไม่สบายหนัก แกเพ้อแต่คำว่าผีเปรตๆ จนญาติพาไปรดน้ำมนต์กับเจ้าอาวาสเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ เจ้าอาวาสบอกให้แกทำบุญให้ผีเปรตเพราะเขามาให้เห็นอย่างนี้คงมาขอส่วนบุญส่วนกุศล น้าตันก็ตามทำ จากนั้นญาติก็พาแกส่งโรงพยาบาล รักษาตัวหลายวันจึงกลับบ้าน

               ต่อมาไม่นานน้าตันได้ลาภลอยเป็นเงินหลักหมื่น เขาว่าผีเปรตมาให้โชค แกจึงทำบุญไปให้ผีเปรตและสัมภเวสีทั้งหลาย

               หลังจากน้าตันถูกผีเปรตหลอก แกไม่เคยย่างเท้าออกจากบ้านในเวลากลางคืน แม้แต่เสียงหมาหอนแกยังผวา จนใครๆ พากันพูดว่า น้าตันกลัวผีจนขึ้นสมอง

               ภูต เภตรา