อื่นๆ
วาเลนไทน์ที่มี 365 วัน
บ้านแม่พะยวบ เป็นหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งใน อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก หากถามว่าหมู่บ้านชนบทอันเงียบสงบแห่งนี้ จะมีเรื่องราวที่แตกต่างไปจากหมู่บ้านแห่งอื่นอย่างไร เห็นทีก็คงจะเป็นเรื่องของเด็กวัยรุ่นผู้ชายวัย 20 ปี คนหนึ่ง ผู้ซึ่งอุทิศความสนุกสนานในชีวิตวัยรุ่นของตนเองไปเพื่อช่วยเหลือคนอื่น
"วาเลนไทน์" เป็นผู้ชายตัวสูง ผิวขาว หน้าตาละม้ายคล้ายจะเป็นลูกครึ่ง แต่เวลาพูดไทยกลับติดสำเนียงเหน่ออย่างเห็นได้ชัด การแต่งตัวมักจะสวมเสื้อยืดสบายๆ ใส่กางเกงเล คาดผ้าขาวม้า แลดูไม่สมวัย เป็นชาวจังหวัดตากโดยกำเนิด และพูดคำเมืองเหนือขนานแท้
เมื่อถามหาคนชื่อ ‘วาเลนไทน์’ จากชาวบ้านในละแวกหมู่บ้านแม่พะยวบ ก็คงจะบอกได้คำเดียวว่า แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา และถ้าหากถามต่อไปว่าเขาเป็นคนยังไง คำตอบทั้งหมดก็จะพ่วงมาด้วยคำเยินยอสรรเสริญ ประหนึ่งเป็นดาวเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ไม่ปาน
Advertisement
Advertisement
ชีวิตประจำวันของ ‘วาเลนไทน์’ ถือว่าน่าสนใจ และแตกต่างจากวัยรุ่นอื่นๆในวัยเดียวกันเป็นอย่างมาก จะว่าแตกต่างกันคนละขั้วก็ว่าได้ เพราะคงไม่มีวัยรุ่นคนไหน ที่พร้อมจะใช้เวลาว่างของตัวเอง ในการเป็นมัคทายกและสัปเหร่อแน่ๆ
เพื่อที่จะได้รู้จักชายคนนี้มากขึ้นอีกนิด ทัศนคติ มุมมองต่อการมองโลกของเขา จะแตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไปอย่างไร เราได้รวบรวมบทสัมภาษณ์ไว้ ณ ที่แห่งนี้แล้ว
แม้บรรยากาศการสัมภาษณ์ เป็นไปอย่างเรียบง่าย สบายๆ แต่ก็กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งทึ่งและชื่นชมในตัวผู้ชายคนนี้จริงๆ
กรุณาช่วยแนะนำตัว
สวัสดีครับ ผม นาย พันธวัช เนื่องวัง ชื่อเล่น วาเลนไทน์ เพราะเกิดวันวาเลนไทน์ครับ เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2542 ตอนนี้ก็อายุ 20 ปีแล้ว อาศัยอยู่กับ พ่อ แม่ ยายและน้องชาย ครอบครัวก็เป็นชาวบ้านธรรมดานี่แหละครับ ปู่ย่าตายายก็ทำไร่ไถนา คุณพ่อและคุณแม่รับราชการทั้งคู่ คุณแม่เป็นพยาบาล อยู่ที่โรงพยาบาลสามเงา ส่วนคุณพ่อเป็นตำรวจ อยู่สำนักงานตำรวจภูธร อำเภาสามเงา เช่นกันครับ
Advertisement
Advertisement
ปัจจุบัน กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ คณะครุศาสตร์ เอกสังคมศึกษา ชั้นปีที่ 2 แล้วครับ
อะไรเป็นแรงบันดาลใจทำให้อยากเป็นคุณครู
สาเหตุที่อยากเป็นครู เพราะได้รับแรงบันดาลใจมาจากครูคนหนึ่ง เธอชื่อว่า คุณครู พิมพิลา สกุลไทย ท่านเป็นครูในดวงใจของผมเลยครับ มีความเมตตา มีความเอาใจใส่กับนักเรียน ดูแลเหมือนลูกคนที่2 มันทำให้ผมเกิดความประทับใจมากและอยากที่จะเป็นคุณครูขึ้นมาครับ ผมเข้ามหาวิทยาลัยมาด้วยโครงการครูคืนถิ่น เป็นโครงการที่สรรหาบุคคลที่มีความสามารถและอยากจะเป็นครู เพราะเดี๋ยวนี้คนเก่งเค้าจะเป็นวิศวะ เป็นหมอกันไปซะส่วนมาก แต่คนที่เก่งแล้วจะเป็นครูเนี่ยน้อย ผมก็เลยใช้คะแนนโอเน็ตตอนสอบม.6 ยื่นโครงการของสปอ. และจากนั้นก็ได้รับเลือกเป็นตัวแทนของจังหวัดตาก ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ พอเรียนจบก็ยังไม่ได้บรรจุเลยทันทีนะครับ ต้องสอบความรู้ทางภาษาอังกฤษให้ได้คะแนนตามเกณฑ์ก่อนปี 2566 จึงจะได้รับบรรจุเป็นข้าราชการ ในตำแหน่งครูผู้ช่วยตามสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี จึงจะย้ายไปที่อื่นได้
Advertisement
Advertisement
ผมมีแพลนไว้แล้วว่าจะย้ายมาสอนโรงเรียนใกล้บ้าน เพราะในเมืองมีครูเก่งๆเยอะแล้ว แต่โรงเรียนเล็กๆอย่างแถวบ้านผม หรือโรงเรียนแถบชนบทอื่นๆมันไม่ใช่แบบนั้น โรงเรียนแถบนี้ครูน้อยมากๆ ผมก็เลยตั้งใจว่าถ้าได้ย้ายก็จะมาเป็นครูแถวบ้านนี่แหละครับ จะได้เอาความรู้ความสามารถของตัวเองทั้งหมดที่มี มาพัฒนาบ้านเราด้วย
สาเหตุอะไรที่ทำให้เลือกสาขาสังคมศึกษา
ส่วนหนึ่งเป็นวิชาที่ชอบด้วย วิชาสังคมมันสามารถแตกแขนงไปได้หลายศาสตร์มาก จากที่เราเรียนไปตอนประถมหรือมัธยมจะเห็นว่า มีพระพุทธศาสนา เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ อาเซียน รวมอยู่ด้วย เป็นวิชากว้างขวาง สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงครับ
ช่วยเล่าชีวิตประจำวันให้ฟังหน่อย ว่าเราทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
โดยปกติแล้วผมเป็นคนตื่นเช้า เพราะว่าเข้ามาเรียนในตัวเมืองตั้งแต่ยังเด็ก และด้วยความที่บ้านไกลจากตัวเมือง ก็เลยต้องตื่นเช้าเป็นประจำ ตื่นมาก็อาบน้ำ ทำภารกิจส่วนตัว ถ้าเกิดเป็นวันที่ต้องไปเรียน ก็ต้องไปรอเรียนตั้งแต่เช้า ก่อนอาจารย์ประมาณครึ่งชั่วโมง ชีวิตมหาลัยของผม เอาจริงๆด้วยความที่มหาลัยผมมันไม่ได้ใหญ่มาก อาจารย์น้อย นักศึกษาน้อย เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ ก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรกันมากนักในเรื่องเวลาเรียน แต่ผมก็ต้องใส่ใจศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่ในแต่ละวันมากๆ เวลาเรียนนี่แทบจะไม่กระดิกตัวไปไหนเลย กลับมาก็ทำงานส่งอาจารย์ วันๆนึงก็จะวนอยู่แบบนี้ แต่ถ้าเกิดเป็นปิดเทอมอย่างช่วงตอนนี้ ชีวิตก็จะมีกิจกรรมเพิ่มขึ้นมาเยอะแยะเลยละครับ
ถ้าเป็นช่วงปิดเทอม ผมงานแน่นทุกวัน ขอเล่าย้อนหน่อยนะ ว่าตอนเด็กๆผมเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก แต่พอโตขึ้นมา ได้เจอสังคม ได้เกิดการเรียนรู้ ก็พอเป็นคนกล้าแสดงออกบ้าง จุดเปลี่ยนคือ ผมได้มีโอกาสเข้าไปเข้าอบรมเกี่ยวกับการเป็นนักพูดของกระทรวงวัฒนธรรมจังหวัดตาก เค้าสอนเกี่ยวกับการพูด การประชาสัมพันธ์ พอจบการอบรมนั้นก็มีคนติดต่อให้ผมไปทำงานเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพิธีกรตามงานต่างๆ การเป็นผู้นำทางศาสนพิธี หรือที่เขาเรียกว่า เป็นมัคทายก ปิดเทอมช่วงนี้ก็จะไปช่วยเป็นงานบวชซะส่วนมาก งานมงคล ขึ้นบ้านใหม่ หรือว่าจะเป็นทอดผ้าป่าไรงี้ ก็ใช้การเป็นโฆศก นักประชาสัมพันธ์นี้ละครับ ไปช่วยเหลือคนอื่น หาเงินมาช่วยบำรุงรักษาวัด อะไรประมาณนี้ ส่วนค่าตอบแทนอะไรก็ไม่ซีเรียสนะครับ แล้วแต่เค้าจะให้ ไม่ให้ก็ไม่เอา เพราะเราทำตรงนี้ด้วยใจอยู่แล้ว
ชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยว่าง แล้วเวลาที่ 'วาเลนไทน์’ ว่างจริงๆทำอะไรบ้าง
ถ้าเกิดวันไหนขี้เกียจก็อยู่บ้าน อาจจะเป็นการอ่านหนังสือหรือไม่ก็ดูหนัง เพราะอากาศประเทศไทยมันร้อนเหลือเกิน แต่ถ้าเกิดวันไหนขยันก็จะเข้าสวนแต่เช้า เพราะสวนผมปลูกพวกผักผลไม้ พืชสวนครัว ไม้ยืนต้น ตอนเช้าจะต้องเข้าไปดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า นอกจากนี้สวนผมยังเลี้ยงไก่พันธ์พื้นเมือง ไก่ไข่ และเลี้ยงพวกปลาในบ่อซีเมนด้วย ก็ต้องไปให้อาหารเค้าแหละครับ ที่เราทำสวนแบบนี้มีเป้าหมายคือต้องการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะการปลูกพืชผักสวนครัวตามที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สมุนไพร ขิง ข่า ตระไคร้ กระเพราะ โหระพา ชะอม พอเราปลูกเองจะได้ไม่ต้องไปซื้อที่ตลาด ก็คือทำตามแบบเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เลยครับ
รู้สึกยังไงบ้าง ที่ได้รับความรักและความชื่นชมจากชาวบ้านมากมายขนาดนี้
ตอนแรกก็ทำตัวไม่ถูกนะคับ ที่เค้ามาเรียกเราว่าเป็น ‘อาจารย์’ คือต้องขอเรียนก่อนว่าคนทางเหนือเค้าจะเรียก มัคทายก ว่าอาจารย์ ชาวบ้านก็เลยเรียกกันว่า ‘อาจารย์วาเลนไทน์’ เราถือว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่ด้วย ผมก็เพิ่งอายุ 20 ปีเองนะคับ ตอนที่เขาเรียกกันน่ะ ตอนแรกก็เขินๆ ตอนหลังก็เริ่มชินแล้ว เพราะเค้าเรียกกันเป็นปกติ
ผมก็ดีใจนะครับ ขอบคุณสำหรับความรักและคำชื่นชม ผมจะทำงานเพื่อสังคมต่อไป เพื่อให้สมกับที่ชาวบ้านนั้นไว้วางใจให้ผมได้ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานส่วนตัวของเค้า งานส่วนรวมของหมู่บ้าน ผมพร้อมจะช่วยเหลือทุกคนต่อไปอย่างเต็มความสามารถครับ
อะไรคือจุดเริ่มต้นของ Lifestyle ชีวิตวัยรุ่นที่แตกต่างจากคนอื่นทั่วไปแบบทุกวันนี้
จุดเริ่มต้น ก็คงเป็นเพราะว่าบ้านผมอยู่ใกล้วัดมั้งครับ แถมตอนเด็กมีโอกาสได้บรรพชาเป็นสามเณร จากนั้นมีโอกาศได้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้ง มันทำให้ผมรู้สึกสงบและเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นั้นมาเลยช่วยงานเกี่ยวกับวัดตลอด โดยเริ่มจากการเป็นเด็กวัดก่อน พอวันพระ หรือมีวันสำคัญทางศาสนาพุทธ ผมก็จะช่วยพระเดินบิณฑบาต ชาวบ้านเขาก็เห็นการกระทำของเราตรงนี้ก็มองว่า…เออเราเป็นคนธรรมะธรรมโม เค้าก็เลยชื่นชม เพราะตอนนั้นผมยังเด็กมาก เริ่มเข้าวัดตั้งแต่อายุแปดขวบ แล้วก็เรื่อยมาจนถึงอายุ 20 สิบกว่าปีได้แล้วมั้งครับที่เข้ามาถึงเส้นทางนี้
ต่อมามีพระที่วัดท่านมรณะภาพ แล้วเกิดขาดคนที่มาดูแลจัดการเกี่ยวกับสรีระสังขาร ผมก็เลยอาสาไปเป็นสัปปะเหร่อ มาช่วยดูแลจัดการสรีระสังขารท่านให้เรียบร้อย และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ก้าวเข้าสู่วงการ สับประเหร่อครับ ตั้งแต่นั้นก็เริ่มทำมาเรื่อยๆ
ความรู้สึกทุกครั้งที่วาเลนไทน์ได้ออกไปช่วยเหลือคนอื่น ณ ตอนนั้นเรารู้สึกอย่างไรบ้าง
ความรู้สึก ถ้าถามว่าทุกครั้งที่ผมทำงานแบบนี้ ผมรู้สึกยังไง ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจในตัวเองนะ เรามาทำแบบนี้ได้ อย่างนึงคือจิตใจเรามันไปทางนี้แล้ว ผมไม่สนหรอกนะครับว่าคนอื่นจะมองผมยังไง คนที่อิจฉาเราน่ะ ความจริงเค้าไม่ได้อิจฉาเราหรอก เค้าไม่ได้โกรธเกลียดเราหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะว่า ลึกๆแล้ว เค้าคงเกลียดตัวเองที่เค้าทำแบบเราไม่ได้ เค้าจึงเอาตัวเราไปพูดไปนินทาว่าร้ายต่างๆเพื่อหวังว่าตัวเองจะดูสูงขึ้น แต่ว่ามันก็เป็นแค่ลมปากคนนะครับ ผมก็ไม่ได้สนใจ ตั้งใจทำงานเพื่อสังคมต่อไปดีกว่า
ทุกคนต่างก็เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต เวลาวาเลนไทน์เจอเรื่องแย่ๆ มีวิธีจัดการยังไง
ช่วงแรกที่มาทำงานแบบนี้ก็เหนื่อยนะครับ เพราะว่าต่างคนต่างความคิด บางคนเขาก็ดูถูกว่าเราเป็นแค่เด็ก จะมาทำงานอย่างงี้ได้ยังไง คืองานส่วนมากงานที่ผมทำเนี่ย จะเป็นงานของผู้ใหญ่ เช่น มัคทายก หรือสัปเหร่อ เนี่ย คนหนุ่มเขาไม่ทำกัน พวกผู้ใหญ่เขาเลยจะไม่ค่อยไว้ใจเราในช่วงแรก พูดถากถางบ้างว่า ‘ตัวแค่นี้จะมาทำได้หรือ’ ‘เป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะไปรู้อะไร’ แต่ก็กาลเวลาเท่านั้นละครับ ที่จะพิสูจน์ว่าผมทำได้หรือทำไม่ได้ ซึ่งผมก็ผ่านตรงจุดนั้นมาแล้วจนเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านทั่วไป ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกเส้นทางนี้ต่อไปเรื่อย แต่ตอนนี้ก็สนใจทางด้านการเรียนซะเป็นส่วนใหญ่ หากพอมีเวลาว่าง ผมก็พร้อมที่จะกลับไปช่วยงานทางบ้านทุกงานที่ช่วยได้ครับ
ในอดีตเรามองตัวเองว่าเป็นคนอย่างไรบ้าง
อดีตไม่ได้เป็นคนแบบนี้หรอกครับ ผมเป็นเด็กมีปัญหา สมาธิสั้น อารมณ์ร้อน ตอนเรียนประถมผมนี่สนิทกับอาจารย์ในห้องปกครองมากเลย เพราะเข้าทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชกต่อย ทำร้ายร่างกายผู้อื่น แกล้งเพื่อน ผมโดนประจำ ร้ายแรงสุดก็น่าจะเป็น เคยเอาไม้บรรทัดเหล็กขว้างใส่หัวเพื่อนจนเขาหัวแตกต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นขนาดนี้เลยละครับ แต่ว่ามันก็มาเปลี่ยนตรงที่ผมได้หันมาเข้าทางธรรมของพระพุทธเจ้า ได้เข้ามาบวชเป็นสามเณร ฝึกสมาธิก็เลยทำให้ดีขึ้น จนเป็นผู้เป็นคนแบบทุกวันนี้ได้
เวลาที่เราเริ่มรู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากจะทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เราจะทำยังไง
ความขี้เกียจ มันเข้ามาและมันก็จะผ่านไป เหมือนกับทุกๆอย่างในชีวิต ขอแค่เราตั้งใจ ทุกอย่างมันอยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าเกิดจิตใจของเรามันมุ่งมันแล้ว มันจะสู้แล้ว มันก็ชนะความขี้เกียจตรงนั้นไปได้อย่างแน่นอน
ยึดหลักอะไรในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน
กัมมุนา วัตตติ โลโก - สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่างนึงที่ผมเชื่อมาเสมอและเชื่อมาตลอดก็คือ ใครทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มันเป็นอะไรที่สามัญมากๆ แต่หากคิดกลับกันแล้ว กรรมก็คือผลของการกระทำ การกระทำที่ไม่ดี ยังไงมันก็ส่งผลลัพธ์ที่ไม่ดีอยู่ยังวันยังค่ำครับ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงคำถามสุดท้าย วาเลนไทน์มีอะไรจะฝากบอกเยาวชนในยุคปัจจุบัน หรือบุคคลทั่วไป ที่จะมีโอกาสได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้มั๊ยคะ
ผมว่านะครับ เยาวชนในปัจจุบันเนี่ย เนื่องด้วยมันเป็นยุคไอที การที่ทุกคนมีโทรศัพท์ Smart Phone อยู่ในมือ อาจจะทำให้เราหลงลืมคนข้างๆไปก็ได้นะครับ ดังนั้นก็เลยหวังว่าทุกคนจะใส่ใจคนรอบกายเราบ้าง เพราะสุดท้ายแล้วเราก็มีชีวิตอยู่ในโลกความเป็นจริง ไม่ใช่ในโทรศัพท์ หากถามว่าโทรศัพท์มีประโยชน์ไหม มันมีประโยชน์มากนะครับ เราสามารถสร้างประโยชน์จาก Smart Phone ของเรานี้ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคม แต่ในการจะช่วยเหลือสังคมผ่าน Social Media นั้น มันสามารถส่งได้ทั้งผลดีและผลเสีย ในการที่เราจะแชร์บางสิ่งบางอย่าง เราก็ต้องพิจารณาด้วยเหตุผลก่อนว่า มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า หากมันไม่จริง เมื่อเราแชร์ไป มันก็อาจก่อให้เกิดเรื่องที่ผิดพลาดเกินจะแก้ไข จากหวังดีก็จะกลับกลายเป็นทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้ แล้วก็สุดท้ายนี้ที่อยากจะฝากไว้ก็คือ หวังว่าทุกคนจะมีจิตอาสา เพราะจิตอาสานี่แหละครับที่ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนพัฒนาสังคม แล้วก็อย่าลืมที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ยอมรับความเห็นต่างตามหลักประชาธิปไตย และสิ่งสำคัญที่สุดเลยเราต้องปฏิบัติตาม “แนวทางสายกลาง” ที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรานั้นได้วางไว้ให้ เพียงเท่านี้ชีวิตเราก็มีความสุขแล้วละครับ
การสัมภาษณ์ระหว่างฉันและวาเลนไทน์ได้จบลงไปซักพักแล้ว แต่เราก็ยังคุยกันสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ
การสัมภาษณ์ในครั้งนี้ เต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจ (ในทางที่ดี)
คนที่ใกล้ตัวเราที่สุด เพื่อนที่สนิทที่สุด และคิดว่ารู้จักดีที่สุด กลับกลายเป็นว่า พอยิ่งซักถาม เขาก็ยิ่งเผยด้านที่เราไม่เคยรู้ออกมาได้เรื่อยๆ
วาเลนไทน์ที่แสนวิเศษ วาเลนไทน์ที่มี 365 วัน และใช้มันไปเพื่อคนอื่น
ฉันรู้สึกว่าการได้พบเจอคนแบบนี้ในชีวิตช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเหลือเกิน
.
.
.
สัมภาษณ์และเรียบเรียง โดย JAYJira
ที่มารูปภาพ
- https://i1.wp.com/ak4.picdn.net/shutterstock/videos/13351754/thumb/1.jpg?i10c=img.resize(height:160)?resize=250,250
- https://img.freepik.com/free-photo/blank-blackboard-chalkboard-hand-writing-green-chalk-board-holding-chalk-great-texture-text-hand-teacher-holding-chalk-front-blank-blackboard-hand-writing-with-copyspace-text-nice-texture_1391-541.jpg?size=626&ext=jpg
- https://qph.fs.quoracdn.net/main-qimg-7623d9867b0f019e7a6b029f41d5660f
- https://radio.wosu.org/sites/wosu2/files/201805/View-Loneliness-A-Man-An-Island-Sea-Peace-Water-2915187.jpg
ความคิดเห็น