อื่นๆ
เรื่องเล่าพิธีกร ( มือใหม่ )

สวัสดีผู้อ่านที่เคารพทุก ๆ ท่านที่คลิกเข้ามาอ่าน เรื่องเล่าพิธีกรมือใหม่นะครับ เรื่องที่ผมจะเล่าให้ท่านผู้อ่านนั้น ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์เลยครับ ซึ่งนั่นก็เพราะผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรเลย ด้านความสามารถอยู่ในระดับปานกลางในแทบทุก ๆ ด้านแต่ผมไม่เห็นจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของผมเลย แต่แล้ววันหนึ่งด้วยความกล้าพูดกล้าแสดงออกของผม คุณครูจึงให้ผมเป็นเด็กกิจกรรม เมื่อมีการแข่งขันอะไรต่าง ๆ คุณครูก็มักจะให้ผมไปแทบทุกงาน เท่าที่ผมจำความได้ การแข่งขันครั้งแรกที่ผมได้ถือไมโครโฟนต่อหน้าสาธารณชน คือ การแข่งขันร้องทำนองเสนาะ ซึ่งผมไม่ได้มีความรู้หรือทักษะเกี่ยวกับการร้องทำนองเสนาะเลย ยิ่งไปกว่านั้นผมยังไม่รู้เลยว่าการร้องทำนองเสนาะคืออะไร กว่าจะรู้ก็ตอนที่ครูสอนร้องนี่เอง ซึ่งตอนนั้นผมยู่เพียงแค่ระดับชั้นประธมศึกษาปีที่ 3 ( ป.3 ) อยู่เลยแต่การแข่งขั้นคือตั้งแต่ ชั้น ป.1 จนถึง ม.3 ซึ่งผลที่ออกมาคือผมได้ รองชนะเลิศอันดับ 2 ( ได้ที่ 3 ) จากจุดที่ไม่รู้จักการร้องทำนองเสนาะเลย ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ไล่ตามแข่งขันกิจกรรมเกี่ยวกับงานวิชาการ แทบทุกรายการ ซึ่งเหมือเดิมครับ ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับการหัวข้อหรือเนื้อหาประเด็นในการแข่งขัน แต่ผมลงชื่อสมัครไปก่อนทุกครั้งแล้วค่อยมาฝึกเองบ้างให้ครูสอนให้บ้างในภายหลัง แต่ผมก็ติดหนึ่งใน 4 ของผู้ชนะแทบทุกรายการในทุกครั้งที่แข่งเช่นเดิม ( อาจเป็นเพราะนักเรียนในโรงเรียนที่ผมเรียน คือโรงเรียนอิสลามศึกษา ที่มีนักเรียนทั้งโรงเรียนประมาณ 600 กว่าคนเอง จึงทำให้ผมมีคู่แข่งน้อย ) ผมใช้ชีวิตแบบนี้ไปทุกวัน โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรเป็นพิเศษ และ เป็นสิ่งที่ตัวเองชอบเลย จนกระทั้งผมขึ้นชั้น ม.3 (โรงเรียนอิสลามศึกษามีระดับชั้นที่สูงที่สุดคือ ม. 3 ) ผมได้เป็นสภานักเรียน แต่ไม่มีตำแหน่งของตัวเอง ผมจึงไปขอตำแหน่งงานจากครู ครูก็บอกนี่ไงตำแหน่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่างอยู่พอดีเลยเอาตำแหน่งนี้ไปก็แล้วกัน แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้มาพูดหน้าเสาธงด้วยนะ แล้วดำเนินกิจกรรมหน้าเสาธงด้วย ผมตื่นเต้นมากเพราะทุกๆรุ่นก่อนที่จบไปจากโรงเรียนอิสลามศึกษานี้ ที่เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ แค่มาพูดหน้าเสาธงเล็กน้อย แต่การดำเนินกิจกรรมหน้าเสาธงยังไม่เคยมีนักเรียนรุ่นไหนทำมาก่อนเลย
Advertisement
Advertisement
วันแรกผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรสักอย่าง ผมรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาว่า ขณะนี้เสียงระฆังดังขึ้นแล้วขอให้เพื่อน ๆ และน้อง ๆ มาเข้าแถวหน้าเสาธงด้วยครับ แต่เมื่อผมพูดไปได้สักพักก็มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะผมไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการพูดหน้าเสาธงเลย นอกจากนี้ผมไม่ได้ซ้อมพูดมาเลย ทำให้ผมหยุดชะงัก แล้วไปต่อไม่ถูก แต่วันนั้นโชคดีที่มีครูท่านหนึ่งเดินเข้ามาช่วยดำเนินกิจกรรมต่อให้จนเสร็จ ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็กลับบ้านไปซ้อมพูดทุกวันแล้วมาพูดหน้าเสาธง แต่ผมก็ยังมีการผิดพลาดเรื่อยๆ เพราะต้องดำเนินกิจกรรมทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่ การเรียกนักเรียนมาเข้าแถว จัดแถว ขอพรยามเช้า อ่านบทความให้ฟัง นำอ่านพระคัมภีร์ อัลกุรอาน อ่านข่าวยามเช้า และนำร้องเพลงชาติ แล้วส่งนักเรียนเข้าห้องเรียนในคาบแรก เนื่องจากขั้นตอนมันเยอะ ผมจึงผิดพลาดบ่อย ๆ จนผมเริ่มคล่องขึ้นเรื่อย ๆ และผมก็เริ่มชอบการพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมได้กลายเป็นพิธีกรนักเรียนประจำโรงเรียนเลย แต่ก็ไม่ค่อยได้ออกงานมากเพราะโรงเรียนที่ผมเรียนเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ
Advertisement
Advertisement
ดังนั้นเมื่อผมจบ ม.3 ผมก็สมัครเข้าโรงเรียนสรรพวิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอที่ผมอาศัยอยู่ ผมก็ขอครูพูหน้าเสาธง และเมื่อมาถึงวันแรกของการพูดหน้าเสาธง ผมรู้สึกตกใจมากเพราะทุกสายตาของคนทั้งโรงเรียนจับจ้องมาที่ผม ซึ่งเป็นสายตาเกือบ ๆ 4000 คู่ ผมลืมบทพูดทั้งหมดเลย จึงตัดสินใจหยิบ กระดาษที่ผมจดไว้ขึ้นมาอ่านเลย ผมรู้สึกอับอายมาก ทั้ง ๆ ที่ผมฝึกพูดเกี่ยวกับเรื่องที่จะพูดมาแล้ว แต่ก็ยังจะมาตัวแข็งหน้าผู้คน ทั้ง ๆ ที่ผมมีประสบการณ์พูดหน้าเสาธงมาตั้ง 1ปี แล้วแต่ก็ยังมาพลาดจนได้ ผมจึงตัดสินใจไปฝึกพูดที่บ้านเพิ่มขึ้นอีก เรื่อย ๆ และวันต่อมาผมก็มาขอครูพูดหน้าเสาธง แต่วันนี้ผมทำผลงานออกมาได้ดี ทุก ๆ ต่างชมว่าเป็น คนละคน กับเมื่อวานเลยนะ ผมรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น จึงขอพูดหน้าเสาธงทุก ๆ 2 – 3 วันครั้ง ผมทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
Advertisement
Advertisement
จนมีครูท่านหนึ่งให้ผมไปเป็นวิทยากร พูดเกี่ยวกับประวัติของโรงเรียน และส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยการออม ผมรีบรับปากและฝึกซ้อม แล้วมาพูด หลังจากวันนั้นก็มีครูหลาย ๆ ท่านให้มาช่วยพูดต่าง ๆ นานา ผมรับปากทุกงานและทำได้ดีทุกงาน จนกระทั่งวันหนึ่งผมก็ได้เป็นพิธีกรงานใหญ่มาก ที่มีทั้ง ผู้อำนวยการจากโรงเรียนต่าง ๆ และมีผู้ใหญ่อีกมากมาย ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ครั้งนี้ผมจะไม่พลาดเหมือนทุกๆครั้งแล้ว ผมตั้งใจพูดตลอดงานจนจบ หลังจากวันนั้นมาครูก็ให้ผมเป็นพิธีกรหลักในการจัดกิจกรรมในทุก ๆ ครั้งเลย ผมรู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมากที่ผมได้มีโอกาสก้าวมาถึงวันนี้ ผมขอขอบพระคุณคุณครูทุก ๆ ท่านที่คอยสอนและแนะนำ ให้โอกาสผมมาตลอด ผมสัญญาว่าจะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ครับ
“ติดต่อผมได้ที่ Facebook : Arafat janthon
รับจ็อบเป็นพิธีกรงานต่างๆ ไม่ซีเรียสเรื่องเงินครับ”
รูปปกและรูปภาพในบทความจาก เจ้าของบทความ Alone Fat
ผู้แต่ง เจ้าของบทความ Alone Fat
ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์
ติดกระแส
หนังและซีรีส์
รีวิว It Ends with Us ร่องรอยแห่งรักเรา หนังรักที่ไม่ควรพลาดแห่งปี ดูได้แล้วที่ทรูไอดี

ฉันท์ชมา
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
ข้อตกลงและเงื่อนไข|Copyright © True Digital & Media Platform Company Limited. All rights reserved
ติดกระแส
หนังและซีรีส์
รีวิว It Ends with Us ร่องรอยแห่งรักเรา หนังรักที่ไม่ควรพลาดแห่งปี ดูได้แล้วที่ทรูไอดี

ฉันท์ชมา