อื่นๆ

ฉันไม่ได้ไว้ผมยาว

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ฉันไม่ได้ไว้ผมยาว

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านเรื่อง แม่ผู้ไม่เคย(รู้ว่า)เจอผี ดิฉันจะขอเล่าคร่าวๆเกี่ยวกับสถานที่ ที่เกิดเรื่องชวนขนหัวลุกนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งสถานที่เดียวกันนี้ได้เกิดเรื่องราวสยองขวัญกับคนในครอบครัวดิฉันเองถึง 2 ครั้งด้วยกัน 

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ขอนแก่นดินแดนไดโนเสาร์ ยังเป็นเพียงเมืองห่างไกลความเจริญ บรรยากาศเงียบเชียบ มีถนนหนทางน้อยเส้น แสงไฟส่องตามเส้นทางต่างๆก็มีไม่มาก บางเส้นทางก็ไม่มีเลย สถานที่เกิดเรื่องน่าสะพรึงนี้ ก็เป็นหนึ่งในเส้นทางน้องใหม่เพิ่งได้รับการพัฒนาและยังไร้แสงไฟส่องสว่างในยุคนั้น แต่เส้นทางสายนี้มีประวัติที่ไม่ธรรมดา เพราะเคยเป็นสถานที่ฝังศพคอมมิวนิสต์ และเคยเป็นทางเดินเล็กๆเปลี่ยวๆ ข้างทางเป็นต้นหญ้าป่าละเมาะ ที่มีโจรผู้ร้ายคอยดักซุ่มคอยทำร้ายจี้ปล้นผู้สัญจร เพื่อชิงทรัพย์ นอกจากเหตุโศกสลดที่เกิดขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วนจะนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นที่มาของเรื่องราวสยองเกล้าที่เกิดขึ้นต่อเนื่องอยู่นานหลายปี ก่อนจะกลายมาเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน

Advertisement

Advertisement

เส้นทางสายนี้ มีรั้วสีขาวสะอาดขนานไปทั้งสองฝั่งซ้ายขวา ประกอบกับพุ่มไม้ริมทางและร่มไม้หนาทึบ สวยงามในยามฟ้าสว่าง แต่ในยามค่ำคืนกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนวังเวงใจ และเรื่องราวที่จะเล่าในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในเรื่อง แม่ผู้ไม่เคย(รู้ว่า)เจอผี แต่ในครั้งนี้ผู้ที่ให้ความกระจ่างกับแม่ในครั้งนั้น กลับกลายเป็นผู้ที่พบเจอกับเหตุการณ์สยองขวัญเสียเอง

น้าสาวของดิฉันทำงานไม่ใกล้ไม่ไกลจากเส้นทางสายนี้ ปกติแล้วน้าสาวของดิฉันใช้เส้นทางสายนี้เป็นประจำในช่วงเวลากลางวัน แต่จะหลีกเลี่ยงที่จะสัญจรเส้นทางสายนี้ในเวลากลางคืน เพราะพิจารณาดูแล้วว่าผู้หญิงเดินทางคนเดียวท่าทางจะไม่ปลอดภัยนัก แม้ว่าเส้นทางสายนี้จะร่นระยะทางในการเดินทางไปได้มากโข น้าสาวของดิฉันเลือกที่จะใช้เส้นทางเก่าที่อ้อมไปอีกไกล เพื่อความสบายใจทั้งของตนเองและคนในครอบครัว เนื่องจากในช่วงนั้นยังคงมีอาขญากรคอยก่อเหตุอยู่เป็นระยะๆ แม้จะไม่มากมายเท่าในช่วงแรกๆแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม น้าสาวของดิฉันก็มักจะใช้เส้นทางสายนี้กลับบ้านเป็นประจำเพราะไม่เคยเลิกงานจนดึกดื่นมืดค่ำเลย

Advertisement

Advertisement

แต่แล้วในคืนหนึ่ง เหตุการณ์ที่ปกติไม่ค่อยจะเกิดขึ้น ก็ได้เกิดขึ้น น้าสาวของดิฉันต้องเลิกงานดึก! เพราะมีการประชุมของฝ่ายบริหารซึ่งใช้เวลาในการประชุมยาวนานกว่าปกติ เมื่อเลิกประชุมเวลาก็ล่วงเลยไปจนประมาณสามทุ่มแล้ว  ในที่สุดเมื่อจัดการงานทุกอย่างภายในหน้าที่จนเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต่างทยอยแยกย้ายกันกลับบ้าน น้าสาวของดิฉันเห็นว่าวันนี้เลิกงานดึกมากแล้ว ประกอบกับน้ำมันรถก็ใกล้จะหมด ถ้าใช้เส้นทางเก่าน้ำมันอาจจะหมดก่อนกลับถึงบ้าน น้าสาวจึงตกลงใจที่จะใช้เส้นทางที่คอยหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะในยุคที่แสงสว่างจากเสาไฟมีไม่เพียงพอ ยุคที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ปั๊มน้ำมันมีจำนวนน้อย และตู้โทรศัพท์ก็มีแต่ในจุดไฟฟ้าสว่างความเจริญมาถึงแล้ว การเสี่ยงขับรถกลับด้วยเส้นทางลัดน่าจะอบอุ่นใจมากกว่าเพราะตัวจะได้ไปถึงบ้านเร็วกว่า

Advertisement

Advertisement

 เมื่อตกลงใจได้แล้วก็สตาร์ทรถจักรยานยนต์คู่ใจ มุ่งหน้ากลับบ้าน ไม่นานก็มาถึงเส้นทางสายนั้นที่ตอนนี้ มีเพื่อนร่วมทางอยู่พอสมควร ทำให้น่้าสาวของดิฉันใจชื่นขึ้นมาได้บ้าง.... เมื่อขับมาได้สักพัก เพื่อนร่วมทางก็หายไปหมด ไม่แน่ใจว่าหายไปตอนไหน พร้อมกันนั้นรถก็เสียการทรงตัวไปชั่วขณะ! คล้ายกับมีของหนักตกลงมาที่ตรงเบาะด้านหลังพอดี... เหมือนมีใครกระโดดขึ้นมาซ้อนท้าย... น้าสาวรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง และน้ำหนักที่กดให้เบาะยุบยวบลงไป คิดว่าคงมีอะไรหล่นลงมา จึงไม่ได้หันกลับไปดูคิดว่าสักพักของสิ่งนั้นคงจะหล่นลงไปเอง แต่เมื่อขับต่อไปน้ำหนักที่กดทับลงบนเบาะส่วนหลังนั้นก็ยังคงอยู่ น้าสาวจึงตระหนกตกใจคิดว่าเจอมิจฉาชีพแน่แล้ว ความหวาดหวั่นพุ่งพล่านไปทั่วกาย น้าสาวกลัวแทบไร้สติกำลัง ไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง แต่น้าสาวของดิฉันก็พยายามคิดว่าจะเอาตัวรอดจากมิจฉาชีพได้อย่างไร  จึงพยายามบิดคันเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่มือจะมีกำลัง เพื่อเอาตัวเองออกมาจากที่มืดให้เร็วที่สุด พร้อมกับรวบรวมความกล้าหาญ หันกลับมองไปยังกระจกมองหลังเพื่อจดจำรายละเอียดของผู้ร้าย.....  จึงได้พบว่า...เงาในกระจกสะท้อนให้เห็นเส้นผมสีดำยาวสยายพริ้วไสว แต่น้าสาวของดิฉันไม่ได้ไว้ผมยาว!  ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเมื่อมองกระจกมองหลังอีกด้าน ก็ปรากฏโครงหน้าด้านข้างของหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอดำมืดไร้มิติพร้อมกับเส้นผมที่ปลิวไสว... เธอคงสวมกระโปรงสินะ ถึงได้นั่งซ้อนท้ายหันหน้าออกไปด้านข้างแบบนี้..... จู่ๆความกลัวตายจากการถูกทำร้ายด้วยมิจฉาชีพ ก็เปลี่ยนแปรเป็นความกลัวอีกแบบ น้าสาวสัมผัสได้ถึงความเย็นวาบที่เข้าประทะทั่วทุกอณูร่าง พร้อมกับขนกายที่ลุกชันทั่ว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายก็เกร็งแข็งควบคุมไม่ได้ ในขณะที่มือเท้าอ่อนแรงแทบควบคุมขับเคลื่อนยานพาหนะไม่ไหว เพราะความกลัวมันมาจนสุดขีดแล้วจริงๆ!      แต่ใจนักสู้มีอยู่ในสายเลือดของพวกเรา น้าสาวจึงตั้งสติฮึดสู้ "เอาหละ ตายเป็นตาย!"  ว่าแล้วน้าสาวก็เริ่มสวดมนต์ในใจ และไม่หันไปดูกระจกมองหลังอีก เพราะกลัวใบหน้านั้นจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น หรือหันมาสบตา แต่ถึงกระนั้นน้ำหนักด้านหลังก็ยังคงไม่หายไป!  เมื่อการสวดมนต์ไม่ช่วยให้เธอจากไป น้าสาวของดิฉันจึงได้แต่ตั้งสติบึ่งรถจักรยานยนต์อย่างแน่วแน่มั่นคง  พอจะหมดระยะเส้นทางสุดสยอง หน้าสาวก็เหลือบไปดูกระจกมองหลังอีกครั้ง แน่นอนว่าภาพสะท้อนนั้นยังคงปรากฏเส้นผมของเธอสยายพริ้วปลิวไหวอยู่เช่นเดิม  ทำให้ความหวังที่คิดว่าอะไรๆจะดีขึ้นเพราะเกือบจะสุดเส้นทาง ก็ดับวูบลงไปในทันที  น้าสาวของดิฉันจึงหันกลับมามองที่ท้องถนน ในใจก็เฝ้าคิดว่าเธอจะติดตามไปไกลแค่ไหน เธอจะซ้อนท้ายกลับไปถึงบ้านเลยรึเปล่า  แต่ทันทีที่สิ้นสุดเส้นทางรถก็เสียการทรงตัวอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำหนักที่เบาะด้านหลังได้หายไป พร้อมๆกับเงาสะท้อนของเธอในกระจกมองหลังนั้นเอง  ราวกับว่าเธอได้กระโดดลงจากรถแล้ว  แต่น้าสาวของดิฉันก็ไม่ถึงกับโล่งใจ ยังคงขนลุกขนพองสยองเกล้าอยู่ไม่หาย ตลอดระยะทางแม้กระทั่งเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็ตาม  และแน่นอนว่าน้าได้แบ่งปันเรื่องราวนี้ให้กับทุกคนในครอบครัวในวันต่อมา ซึ่งแน่นอนว่าน้าสาวของดิฉันยังคงขนลุกขนพองไปทั้งตัว แม้กระทั่ง ณ เวลาที่เล่าเรื่องดังกล่าวในวงล้อมที่อบอุ่นของครอบครัวในมื้อเย็น  จากนั้นน้าสาวของดิฉันก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เธอ และเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ตัวเองด้วย 

ณ ปัจจุบันนี้ แม้เส้นทางสายนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปมาก มีไฟฟ้าสว่างไสว และกลายเป็นสถานที่จัดกิจกรรมบันเทิงใจต่างๆมากมาย แต่เรื่องราวสยองขวัญเหล่านี้ก็ยังคงเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานเตือนใจ ให้ทุกๆคนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน และรวมถึงการใช้ชีวิตอีกด้วย เพราะเราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าวันไหนจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเรา ในเวลาขับขันมีเพียงสติเท่านั้น ที่จะทำให้เราสามารถประคองชีวิตให้รอดพ้นจากภยันตรายต่างๆได้  และที่สำคัญก็คือ มั่นทำบุญให้กับตัวเองกันไว้นะคะ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องจากโลกนี้ไป เราจะได้มีบุญเพียงพอ พาให้ตัวรอดพ้นจากภพภูมิที่มืดมิดไปได้ ไม่ต้องตกอยู่ในกายร่างที่ไม่ชวนมอง และไม่วนเวียนอยู่ในที่ไม่น่ารื่นรมย์  กุศลใดที่ช่วยให้ผู้อ่านเกิดสติในการดำเนินชีวิตจากการอ่านเรื่องนี้ ดิฉันขออุทิศให้กับเธอ.... ผู้ซึ่งยังคงติดอยู่ในที่มืดค่ะ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์