อื่นๆ
สยบแพนิค EP.1 สติมาปัญญาเกิดกับบทสวดโพชฌงคปริตร ประสบการณ์จริงของนักเขียน
อย่างที่พระอาจารย์รวมถึงครูบาอาจารย์หลายท่านกล่าวไว้ว่า "ใครไม่ทุกข์จะไม่วิ่งเข้าหาธรรมะ" เราคือหนึ่งในนั้น เราเริ่มรู้ตัวว่าเป็นโรคแพนิคประมาณ 2 ปีก่อนหน้า โรคแพนิคตามหลักวิชาการคือโรคชนิดหนึ่งที่ผู้เป็นจิตใจตื่นตระหนกเกินไป กลัวเกินไป วิตกกังวลมากเกินไปจนสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติทำให้ร่างกายผิดปกติ ผิดเพี้ยนไป
ขอขอบคุณรูปภาพโดยmohamed Hassan จาก Pixabay
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจเราเริ่มรู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเกิดอาการทางกายที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ข้อ1. การเข้าห้างสรรพสินค้าไม่ได้เข้าไปแล้วอยู่ ๆ รู้สึกเหมือนจะล้ม มือไม้สั่น หายใจติดขัด เหมือนจะเป็นลมล้มพับ แต่ไม่เป็น แค่รู้สึก คือเป็นช่วงที่เราดูข่าวทหารคลั่งยึดห้างแห่งหนึ่งมาก ๆ ประจวบเหมาะกับช่วงโควิดที่เปิดปิดห้างทางเดียว มีประตูเข้าออกจำกัดช่วงนี้แหละที่ทำให้รู้สึกว่าแพนิคกำเริบ
Advertisement
Advertisement
ข้อ2. คือการขับรถยนต์ก็เกิดอาการรู้สึกจะวูบ เหมือนจะหลับไป แต่ไม่หลับ ยับยั้งชั่งใจจนสามารถขับได้ตลอดรอดฝั่งเป็นอาการที่ทรมานจิตใจมาก
ข้อ3. เรียกว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นน้อยสุดตั้งแต่เป็นแพนิคมาคือครั้งเดียวที่เป็น คือจะรู้สึกมือชาหนักมากเหมือนเส้นเลือดกำลังจะพุ่งออกจากมือเส้นเลือดในมือเต้นตุ๊บ ๆ
และสำหรับอาการมือชาแบบไม่หนักมากลักษณะมือชาเบา ๆ ก็ยังคงมีหากเกิดอาการแพนิคบ้าง
ข้อ4. หัวใจเต้นเร็วและแรงแบบไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร นั่งอยู่เฉย ๆ
หากถามว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อเกิดอาการเหล่านี้บอกได้คำเดียวทรมานใจสุด ๆ เมื่ออาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวทำให้เราค้นหาศึกษาหาข้อมูลว่ามันคืออะไร เราเป็นโรคอะไรกันแน่ สรุปได้ว่าเราเป็นโรคแพนิคนี่คือเข้าข่ายอาการแพนิค เเต่เราไม่ได้ไปหาหมอแต่อย่างใดหลังจากที่เกิดอาการแบบที่กล่าวไว้ เพราะเราจะคิดเสมอว่าถ้าเกิดอาการหนักมาก ๆ ถึงจะไป เหตุผลเพราะก่อนหน้านี้เคยไปหาหมอมาแล้วครั้งหนึ่งเพราะรู้สึกว่าเดิน ๆ อยู่เหมือนจะเป็นลม หมอตรวจร่างกายและสอบถามอาการว่าที่บอกว่าเดินแล้วจะเป็นลมมันเป็นไหม แล้วเดินล้มไหม เราบอกไม่ล้มแต่เหมือนจะล้ม หมอเลยวินิจฉัยว่าชัดเลยเกิดอาการความเครียดสะสม ให้ยาแก้นอนหลับมารับประทาน และหลังจากที่ไปหาหมอครั้งนั้นหลังจากนั้นก็มีอาการแพนิคแทรกเข้ามาเราก็ไม่ได้ไปหาหมออีกเพราะเคยตรวจร่างกายแล้วไม่มีปัญหาอะไร
Advertisement
Advertisement
และเราก็หาทางแก้ไขปัญหาแก้โรคแพนิคไม่เว้น เพราะคิดว่ายังไม่อยากไปหาหมอแล้วจะต้องทำอย่างไร ก็เลยปรึกษากับแม่ว่าทำอย่างไรดีมีอาการแบบนี้ และในเมื่อไม่อยากไปหาหมอ มันก็มีสองทางให้ปฏิบัติ ทางที่หนึ่งคือการออกกำลังกายเพราะแม่เราจะพูดบอกเสมอว่า เป็นโรคอะไรก็ช่าง หายได้ด้วยการออกกำลังกาย นั่นแหละเป็นที่มาของการออกกำลังกายของเราด้วยวิธีแกว่งแขนบ้าง เดินออกกำลังกายบ้าง เพราะเวลาออกกำลังกายจะมีสารเคมีดีหลั่งออกมาในสมอง ส่งผลต่อร่างกายในทางที่ดี
ขอขอบคุณรูปภาพโดย Klaus-Peter Katzbach จาก Pixabay
ทางที่สองนั่นคือลองหันหน้าพึ่งพระพุทธเจ้าโดยหันหน้าเข้าหาธรรมะแล้วกัน เพราะแพนิคคือการวิตกกังวลมากเกินไปจนสร้างความกลัวในใจ การหันมาศึกษาธรรมะจะลดความฟุ้งซ่านได้ เลยเป็นที่มาของการตั้งใจสวดมนต์บทรักษาโรค คือจริง ๆ กะว่าสวดมนต์แล้วจะสามารถรักษาโรคได้เหมือนมนต์วิเศษ นั่นคือสิ่งที่เราคิดแต่แรก เป็นที่มาของการสวดมนต์บทโพชฌงคปริตรซึ่งเชื่อว่าเป็นบทสวดมนต์รักษาโรคได้ เหมือนที่สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าแสดงบทโพชฌงคปริตรโปรดพระเถระ แล้วโรคภัยไข้เจ็บของพระเถระทั้งสองก็หายขาด
Advertisement
Advertisement
ภาพโดยนักเขียนนามปากกา 345Pink..
และนี่ก็บทสวดมนต์บทโพชฌงคปริตร ซึ่งเราจะสวดบทกราบพระรัตนตรัย, นมัสการพระรัตนตรัย, อิติปิโส ฯ , พระคาถาชินบัญชร แล้วก็มาสวดมนต์บทโพชฌงคปริตร และแผ่เมตตา
ภาพโดยนักเขียนนามปากกา 345 pink
โดยเราจะสวดมนต์ทุกช่วงเย็น และหากถามว่าสวดมนต์บทโพชฌงคปริตรแล้วทำให้อาการแพนิคหายไปหรือเปล่า บอกเลยว่าพูดได้เต็มปากว่า อาการแพนิคเราดีขึ้นมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ที่เผื่อไว้ 10 เปอร์เซ็นต์คือยังมีอาการอยู่ แต่ก็สามารถควบคุมได้
ความที่เราสวดมนต์บทรักษาโรคนี้ไม่ใช่ว่าสวดแล้วทำให้หายได้เหมือนมนต์วิเศษ โอมเพี้ยง สวดมนต์ปุ๊บหายปั๊บ แล้วหายแบบที่เราคิดตั้งแต่แรกอย่างที่บอก แต่สิ่งที่เราได้และใช่เลย โดนใจฉันเลยมากกว่านั้นคือบทสวดมนต์ทำให้เราเกิดปัญญาและพยายามหาหนทางมาแก้ปัญหาแพนิค ทำให้รู้ว่าต้องทำการสยบแพนิคอย่างไร
ขอขอบคุณรูปภาพโดย sippakorn yamkasikorn จาก Pixabay
ซึ่งเราก็ได้รับคำตอบแบบรู้ได้เฉพาะตนว่าเราต้องสยบแพนิคด้วยการอยู่กับลมหายใจ นี่คือกุญแจสำคัญเลยนะ ขอให้ฟังอีกรอบ แพนิคสยบได้ด้วยการเจริญอานาปานสติที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ คือการให้จิตอยู่กับลมหายใจ ไม่ให้จิตไหลไปตามอารมณ์ไม่ให้จิตไหลไปตามความคิดไม่ให้จิตไหลไปจินตนาการเรื่องราวต่าง ๆ ที่มันเข้ามากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรือกระทบผัสสะ แบบที่พระพุทธเจ้าสอนเป๊ะ หลายคนอาจจะฟังเข้าใจ แต่หลายคนอาจจะฟังไม่เข้าใจว่าไม่ให้จิตไหลไปตามอารมณ์ทำยังไง ep.หน้าเราจะมาอธิบายให้ฟังกันอีกครั้งค่ะ
แต่ตอนนี้ทุกคนคือเริ่มเลยสวดมนต์อย่างด่วน ๆ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเวลาเปล่า จิตอย่าไปจมกับคำว่าทำไมต้องมีอาการแบบนี้? ทำไมต้องเป็นแพนิค? ไม่ชอบเลย? ทำยังไงจะหาย? แต่ควรเปลี่ยนโฟกัสใหม่ไปสวดมนต์ก่อนเลยทุกคน ต้องจริงจัง อย่าเหลาะแหละโลกเลกเหมือนที่ท่านหลวงตามหาบัวแสดงธรรมะแล้วพูดไว้ว่าควรทำอะไรอย่างจริงจัง
ขอขอบคุณรูปภาพโดย truthseeker08 จาก Pixabay
ซึ่งเราไม่เคยคิดเลยว่านอกจากลมหายใจจะทำให้เรามีชีวิตอยู่แล้ว การหายใจถูกต้องแบบมีวินัยในการหายใจ มีวินัยในการดูลมหายใจเข้าออกของตัวเองก็สามารถสยบแพนิคออกไปจากหัวใจเราได้อีกด้วย ทุกวันนี้เรารู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่าลมหายใจอีกเเล้ว ใครเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลยนะบอกเลย
ใครที่อยากจะลองสวดมนต์บทโพชฌงคปริตรสามารถสวดมนต์ตามได้เลย จะมีในหนังสือสวดมนต์บางเล่มและหนังสือสวดมนต์โพชฌงคปริตรโดยตรง ส่วนเราได้บทสวดมนต์โพชฌงคปริตรมาจากแม่ เพราะแม่ไปปฏิบัติธรรมบ่อย เลยขอมาสวดมนต์เย็นซะเลย หรือใครไม่มีหนังสือสวดมนต์ที่มีบทสวดโพชฌงคปริตรสามารถค้นหาในอินเทอร์เน็ตมีเพียบ
สำหรับ EP. หน้าเราจะมาบอกวิธีหายใจสยบแพนิค ว่ามีวินัยในการหายใจทำอย่างไร บอกได้เลยว่ามันคือหลักอานาปานสติที่พระพุทธเจ้าสอนพุทธศาสนิกชนชาวพุทธไว้แล้ว เพียงแต่เราไม่นำมาปฏิบัติกันเอง จนกระทั่งเกิดทุกข์นั่นแหละเลยเห็นการศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าสำคัญขึ้นมาทันที ต้องหันมาใส่ใจศึกษาธรรมะอย่างจริงจังกันแล้ว มีแต่ดีกับดีกับชีวิตโดยเฉพาะเรื่องหลักอานาปานสติที่เราชอบมาก และวิธีการหายใจทำอย่างไร เพื่อไม่ให้บทความยาวมากเกินไปแล้วพบกันใหม่ ep.หน้าค่ะ
เราขอให้ใครที่เป็นแพนิคอยู่ในขณะนี้มีจิตใจที่หนักแน่นอย่าหลงอารมณ์อย่าจมอยู่กับมัน โฟกัสอยู่กับลมหายใจเข้าออกเยี่ยงชีวิต สู้ ๆ ทุกคน เราเป็นกำลังใจให้สวัสดีค่ะแล้วพบกันใหม่..
อัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !
ความคิดเห็น