อื่นๆ

เรื่องเล่าชาวหอใน เรื่องที่ 2

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องเล่าชาวหอใน เรื่องที่ 2

         เรื่องต่อมาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหอในอีกเช่นกัน แต่คราวนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนเกือบได้สัมผัสมาเองก็ว่าได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผู้เขียนอยู่ประมาณปีสอง ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้จะสอบผู้เขียนและเพื่อนจึงนัดกันว่าวันนี้จะออกไปให้เพื่อนที่หอนอกช่วยติวหนังสือให้ก่อนสอบเพราะอ่านอย่างเดียวคงจำไม่ได้แน่นอนจึงนัดกับเพื่อนไว้เรียบร้อยว่าเดี๋ยวเย็นนี้จะไปติวหนังสือด้วย

https://pixabay.com                                                                                               ที่มา https://pixabay.com

เย็นวันนั้นเราจึงเก็บข้าวเก็บของไปที่หอพักของเพื่อนซึ่งอยู่หอนอกและ กว่าที่เราจะทำธุระส่วนตัวเสร็จ เราก็มาถึงหอของเพื่อนประมาณสามสีทุ่มเห็นจะได้ ทำให้เราต้องเริ่มติวกันดึกหน่อย เมื่อเริ่มติวกันไปเรื่อยๆเวลาก็ล่วงเลยมาประมาณตีสอง ผู้เขียนเริ่มที่จะไม่ไหวแล้วเพราะง่วงมาก หากติวดึกไปกว่านี้คงจะไม่รู้เรื่องแล้ว จึงชวนเพื่อนร่วมห้องกลับหอเพื่อพักผ่อน เมื่อเรากลับมาถึงผู้เขียนมองเข้าไปในหอก็พบว่ามันมืดมากแต่ไม่ได้เอะใจอะไรนัก เพราะปกติทางเข้าหอจะปิดไฟอยู่แล้วในตอนดึก จึงชวนเพื่อนให้รีบเดินเข้าหอเพราะรู้สึกกลัวความมืด แต่เมื่อเราเดินเข้ามาข้างในหอบรรยากาศกลับดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่ เพราะมันมืดมิดไม่มีไฟเลยซักดวง เราเข้าใจว่าไฟที่ตึกคงดับ แต่พอมองออกไปดูหออื่นไฟก็ยังเปิดปกติทำไมมีแค่หอเราหอเดียวที่ดับ ตอนแรกก็คิดว่าคงจะเป็นสายไฟคนละสาย เราต่างคนต่างพากันรีบเดินคลำทางขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว ยังดีที่ว่าห้องเราอยู่ข้างบันไดชั้นสองจึงถึงห้องไวหน่อย เมื่อถึงห้องเราก็ต่างคนต่างนอนไปได้ประมาณ 10 นาทีก็รับรู้ได้ว่าไฟมาแล้วจากลมที่พัดมาจากพัดลมซึ่งเปิดทิ้งไว้ตอนไฟดับ ในตอนเช้าเราก็ไปถามเพื่อนที่อยู่หออื่นดูว่าเมื่อคืนที่หอไฟดับเหมือนกันหรือเปล่า เพื่อนก็บอกว่าไฟมาปกติ แต่ทำไมหอเราดับอยู่แค่หอเดียว แต่เราก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ

Advertisement

Advertisement

 ที่มา https://pixabay.com                                                                                               ที่มา https://pixabay.com

          หลายวันต่อมามีเพื่อนอีกคนมาถามเราว่ารู้เรื่องอะไรหรือเปล่า ผู้เขียนก็ได้แต่ส่ายหัว เพื่อนจึงเล่าให้ฟังว่า เขาลือกันมาว่าที่หอของผู้เขียนมีคนตายในหอ ซึ่งวันที่เราสงสัยกันว่าไฟดับนั้นเป็นวันที่หน่วยกู้ภัยมาทำการเคลื่อนย้ายศพโดยการห่อศพแล้วใช้เชือกผูกกลับเปลไว้แล้วค่อยๆหย่อนลงมาจากจากชั้นสี่ซึ่งเขาเข้ามาทำในเวลากางคืนเพราะกลัวว่านักศึกษาในหอจะพากันแตกตื่นและย้ายออกหมด จึงเลือกใช้วิธีนี้ ผู้เขียนกับเพื่อนรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก นี่ถ้าหากเรามาช้าอีกเดียวเราอาจจะเห็นศพห้อยลงจากตึกเป็นแน่หรือไม่ก็คงเห็นตอนที่กู้ภัยหามศพขึ้นรถ มิน่าทำไมไฟที่หอมันดันดับอยู่หอเดียวทั้งๆที่ข้างนอกมีไฟส่องสว่างอย่างกับอยู่คนละที่ และถึงแม้ว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่หอในผู้เขียนอาจจะไม่ได้เจอผีแบบเป็นตัวเป็นตนเพราะเป็นคนไม่มีสัมผัสในด้านนี้ แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าทุกๆที่ที่เคยมีคนอยู่ที่แห่งนั้นย่อมต้องเคยมีคนตายเป็นเรื่องธรรมดา

Advertisement

Advertisement

https://pixabay.com/                                                                                      ที่มา https://pixabay.com

        หลังจากนั้นไม่นานเราก็พบเห็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่เรื่อยๆเช่น มีรถมูลนิธิขับมาที่หอบริเวณเดียวกันบ้าง มีพระสงฆ์มาเข้ามาในหอหญิงบ้าง แต่ดีที่ว่าเห็นอยู่หออื่น ที่จริงเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นมันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การที่เราต้องมาเจอการเสียชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่น่าหดหู่เหลือเกิน เพราะที่แห่งนี้เป็นที่แห่งความมุ่งหวังของแต่ละคนว่าเราจะมาเพื่อมาเอาความรู้จากที่นี่เพื่อไปใช่ในอนาคต บางคนมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องทำ แต่ไม่ว่าเหตุผลใดก็แล้วแต่ที่เป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตนั้น มันก็ทำให้ความฝันทั้งของตัวเองและพ่อแม่พังทลายลงไป ผู้เขียนจึงมีความสลดใจทุกครั้งที่เห็นการเสียชีวิตภายในหอพัก จึงอยากฝากถึงน้องๆที่เข้ามาในเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยว่า การที่เราได้มีโอกาสเรียน มีชีวิตอยู่ในทุกๆวัน มันเป็นเรื่องที่ปาฏิหาริย์มากที่สุดแล้ว เราจึงควรชีวิตให้คุ้มค่าและควรตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท อย่าให้เรื่องเลวร้ายที่มันเข้ามา มาพรากชีวิตและความฝันของเราไป และให้นึกถึงคนที่รักเรามากที่สุดซึ่งนั่นก็คือครอบครัวของเรานั่นเอง

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์