อื่นๆ

วันเข้าค่ายลูกเสือ กับโรตีที่หายไป

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
วันเข้าค่ายลูกเสือ กับโรตีที่หายไป

          เสียงเอี๊ยดอ๊าดๆ ของแป้นบันไดจักรยาน ที่เกิดจากลูกปืนภายในแตก ทำให้เสียดสีเกิดเป็นเสียงดังก้องกังวาลในท่ามความเงียบสงบ และมืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากหลอดใส้สีเหลืองนวล บนรถเข็นที่ติดกับจักรยาน บนรถมีกระทะทรงแบนขนาดใหญ่ กระป๋องนมอลูมิเนียมสองกระป๋อง กระป๋องหนึ่งบรรจุแป้งโรตีสีเหลือง อีกกระป๋องหนึ่งบรรจุน้ำมันพืชสำหรับทอดโรตี และน้ำตาล นมข้นหวาน อีกมากมาย มีชายหนุ่มผอมเกร็งผิวคล้ำดำแดด เป็นคนสาวเท้าปั่นจักรยานคันเก่าๆ เขาดั้นด้นเดินทางจากประเทศแถบมหาสมุทรอินเดีย มาแสวงโชคอยู่ในเมืองไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า อยู่ยังประเทศตัวเอง ก็เป็นได้เพียงชนชั้นล่าง ที่เกิดจากการแบ่งชั้นวรรณะภายในสังคมและวัฒนธรรมดั้งเดิม เขาจึงเก็บเงินสักก้อนหนึ่ง สุ่มเสี่ยงออกเดินทาง มาเผชิญโชคในประเทศไทย ประเทศเสรี ที่ยินดีต้อนรับคนทุกชาติทั่วโลก ขอเพียงแค่คุณมีเงิน บัดนี้ เขาปั่นรถเข็นจักรยานขายโรตีไปบนถนนที่มืดมิด ท่ามกลางทุ่งนาที่อยู่สองข้างทาง ของเมืองชนบทไกลปืนเที่ยง อันที่จริงเขาจะปั่นจักรยานขายในเมืองก็ได้ แต่ก็ต้องแย่งลูกค้ากับคนแขกต่างชาติคนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองเป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจ หลบออกมาในย่านชานเมือง ซึ่งเขาคาดคะเนแล้วว่า พอจะขายโรตีได้กำไรอย่างแน่นอน เพราะแม้จะเป็นเขตชนบทชานเมืองทุรกันดาร แต่ก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย โดยเฉพาะในเขตโรงเรียน วันนี้เขาขายโรตีมาตั้งแต่บ่าย ยามนี้แม้ไม่มีนาฬิกาข้อมือไว้ดูก็คาดคะเนได้ ว่ามันเป็นเพียงแค่ช่วงหัวค่ำ ไม่น่าจะเกินสองทุ่ม

Advertisement

Advertisement

ท่ามกลางความมืดมิดบนถนนทางหลวงชนบท มีเพียงหลอดไฟบนรถเข็นโรตีของเขา ที่ส่องสว่างมองเห็นไปทั่วถนน เขามุ่งหน้าไปยังโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งบริเวณบ้านพักครู จะมีคุณครู ภารโรง และครอบครัว อาศัยอยู่หลายหลังคาเรือน วันไหนโชคดีที่โรงเรียนมีงานกลางคืน เช่นเข้าค่ายลูกเสือ หรืองานเลี้ยงส่งงานเกษียณ บังเองก็อาจจะได้รายได้เพิ่มเติมขึ้นจากเดิม หากเด็กนักเรียนที่มีจำนวนมากเข้ามาซื้อโรตีแสนอร่อยของเขา แม้หนทางจะดูมืดมิด แต่ทว่าเขาไม่เคยครั่นคร้ามหรือเกรงกลัวใดๆ โดยเฉพาะเรื่องผีสาง อาจจะเป็นเพราะความเชื่อที่ต่างกันของเชื้อชาติ จะน่ากลัวก็แต่โจรขโมยที่อาจจะดักปล้นเขาเท่านั้นแหละ นี่ก็จะถึงหน้าโรงเรียน แล้วปั่นจักรยานไปอีกไม่ไกล ก็จะถึงบ้านพักครู ที่เขาไปขายโรตีเป็นประจำแล้ว เขาคิดอยู่ในใจ 

จู่ๆ ก็รู้สึกปวดเบาขึ้นมากระทันหัน อาจจะเพราะอากาศเย็นในหน้าหนาว ที่ทำให้ปวดฉี่บ่อยขึ้น บังจอดรถเทียบไหล่ทาง วิ่งลงเข้าทุ่งนาข้างทางฝั่งด้านซ้ายที่บัดนี้ นาข้าวลำต้นสูงเมตรกว่าๆกำลังออกรวงสีเหลืองอร่าม หากได้เห็นในเวลากลางวัน เขาจัดการทำธุระจนเสร็จสิ้น แล้วหันหลังกลับกำลังจะเดินขึ้นไปที่รถ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะร่างสองร่าง ที่ยืนอยู่ล้อมรอบรถเข็นโรตีของบัง เขาเพ่งมองฝ่าความมืดไปยังแสงสว่างของรถเข็นของเขา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวในขณะนี้ อ้อ......เด็กนักเรียนนี่เอง 

Advertisement

Advertisement

เด็กนักเรียนชายหญิงสองคน กำลังยืนล้อมรถเข็นโรตีของเขา คนหนึ่งเป็นผู้ชาย ใส่ชุดสีน้ำตาล มีหมวกปีกกว้างสีน้ำตาล ถุงเท้ายาวมีพู่สีแดง และรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล บังจำได้ว่า นี่คือชุดนักเรียนลูกเสือ ส่วนเด็กผู้หญิงอีกคน สวมชุดสีเขียว มีกระโปรง ใส่หมวกสีเขียวเช่นเดียวกัน บังจำได้ว่าเขาเรียกว่า ชุดเนตรนารี เขารู้สึกดีใจขึ้นมา วันนี้คงได้เงินเยอะ ในโรงเรียนคงมีงานเข้าค่ายลูกเสือแน่ๆ เขารีบวิ่งกลับไปที่รถเข็น พร้อมกับถามคำถามต้อนรับลูกค้าตามปกติวิสัยของเขา

"เอาอะไร?" บังถามสำเนียงแขกเหน่อๆ เขาพูดไทยได้ไม่มากนัก แต่ก็พูดและฟังภาษาไทยที่ใช้สำหรับการค้าขายได้อย่างคล่องแคล่ว"

"พวกหนูอยากกินโรตี ใส่ไข่ หิว....." เด็กผู้หญิงชุดเนตรนารีตอบมาด้วยเสียงที่ฟังดูเย็นยะเยือก ส่วนเด็กผู้ชาย ยืนนิ่ง ผิดวิสัยเด็กวัยมัธยม ที่ส่วนใหญ่จะวิ่งซนเป็นลิงเป็นค่าง 

Advertisement

Advertisement

บังสังเกตหน้าตาของเด็กทั้งคู่ ซึ่งดูซึมเศร้าและเศร้าหมองผิดปกติ นิ่งเงียบผิดปกติ แต่ก็คงคิด เด็กมันคงอยากกลับบ้าน ไม่เป็นไร บังจัดแจงทอดโรตีของเขาลงบนกระทะ ตอกไข่แล้วทาให้ทั่วแป้ง จะว่าไปโรตีของเขา เป็นที่ถูกอกถูกใจของชุมชนแถวนี้อย่างมาก บังนึกแล้วก็ได้แต่ภูมิใจในตัวเอง ไม่นานเท่าไหร่นัก โรตีกลิ่นหอมฉุย ดูกรอบน่ากิน ก็ม้วนลงบนแผ่นกระดาษเป็นแท่ง ใส่ถุง ยื่นให้เด็กทั้งสอง

"สองอัน ยี่สิบบาท" บังบอกกล่าวราคา พร้อมยื่นถุงให้กับเด็กหนุ่มในชุดลูกเสือ

เด็กหนุ่มในชุดลูกเสือ ควักแบงค์สีเขียวยี่สิบบาทจากในกระเป๋ากางเกง ส่งให้กับอาบัง พร้อมรับถุงโรตีไป

"ในโรงเรียนมีงานเข้าค่ายลูกเสือใช่มั้ย" บังถาม หมายจะได้คำตอบ แต่ทว่า ไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกมาจากปากเด็กทั้งสอง ซึ่งบัดนี้ ยืนมองที่รถโรตีของบังอย่างเงียบงัน

สงสัยเด็กมันไม่อยากคุย บังคิดในใจ พลางรีบกระโดดขึ้นจักรยานของเขา ปั่นมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนที่ห่างไกลไม่เกินร้อยเมตร แว่บหนึ่งเขาหันกลับมาดูเด็กทั้งสอง แต่ก็ต้องฉงนใจ เพราะมีเพียงความว่างเปล่า เด็กสองคนนี้มันเดินกันเร็วแฮะ บังคิดในใจ.....

เขาขับรถผ่านพ้นหน้าประตูโรงเรียนเข้ามาในโรงเรียน สิ่งที่เขาคิดมันต่างไป เพราะแทนที่เขาจะพบเจอกับแคมป์ไฟ หรือเสียงกลองเสียงร้องเล่นดนตรีรื่นเริงเหมือนที่เคยเจอในอดีต บัดนี้มันเป็นเพียงความมืดมิดของโรงเรียนในยามค่ำคืน ที่เปิดไฟไว้แต่ละจุดแค่ไม่กี่ดวง ดูวังเวงพิกล ไม่เป็นไร งานคงเลิกแล้ว เขาปั่นจักรยานมุ่งตรงไปยังด้านหลังโรงเรียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักครู 

กริ๊งๆ ๆ บังสั่นกระดิ่ง เป็นสัญญาณเรียกว่าโรตีมาถึงแล้ว อย่างที่เขาเคยทำประจำเมื่อนานมาแล้ว อึดใจเดียว ภารโรงผมหงอก ก็เดินดิ่งๆมาที่รถเข็นโรตี

"เอาอะไร?" บังถามเป็นปกติ

"โรตีธรรมดาอันนึง" ภารโรงผมขาวตอบกลับมา พลางยืนรอ

"คนหายไปไหนหมด วันนี้มีงานเข้าค่ายลูกเสือใช่มั้ย" บังยิงคำถามไป ทำโรตีไปอย่างชำนาญ

"ไม่มี เขาเข้าค่ายกันไปตั้งแต่เดือนที่แล้วนู้น ไปเข้ากันที่ต่างจังหวัด ถามทำไม?" ภารโรงขมวดคิ้ว พลางถามคนขายโรงตีอย่างงุนงงสงสัย

"เมื่อกี้มีนักเรียนสองคนซื้อโรตีที่หน้าโรงเรียน ใส่ชุดลูกเสือ เลยนึกว่ามีงาน" บังตอบอย่างซื่อๆ อย่างคนไม่ถนัดภาษาไทยนัก

"เฮ้ย !! ไม่มี วันนี้เขาไม่ได้เรียนลูกเสือกันนะบัง...." ภารโรงทำหน้าตกใจ

"อ้าวเหรอ....." อย่าว่าแต่ภารโรงงง เพราะบังเองก็งงเช่นกัน ยิ่งท่าทีของภารโรงที่ดูตกใจ เขายิ่งรู้สึกงุนงง 

ภารโรงจ่ายเงิน เป็นแบงค์ยี่สิบ บังต้องหยิบเงินทอนเป็นเหรียญสิบบาท คืนให้ภารโรง เขาเปิดหีบเงินทอน ที่เขาเก็บเงินไว้ในนั้น แต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ..... ใบไม้สีเขียวสดหนึ่งใบ ใบเท่าฝ่ามือ วางอยู่บนกองเหรียญเงินทอนของเขา ถัดๆไปนั้น มีแบงค์ธนบัตรวางเก็บเป็นสัดส่วน......เขาจำได้ เขาวางแบงค์ยี่สิบจากเด็กนักเรียนสองคนนั้น ไว้บนสุดของกล่อง แล้วไอ้แบงค์นั่นมันหายไปไหน และใบไม้สีเขียวสดใบนี้มันมาจากไหน..... บังหยิบขึ้นส่องดูที่หลอดไฟที่ติดบนรถเข็นของเขา ยางสีขาวของมันจากปลายก้าน ยังซึมออกมา บ่งบอกว่ามันเพิ่งถูกเด็ดมาไม่นานนี้.....

ภารโรงก้าวเดินจากไป ปล่อยทิ้งบังขายโรตีไว้ท่ามกลางความพิศวงที่หาคำตอบไม่ได้ วันนี้ดวงไม่ค่อยดี ขายก็ไม่ค่อยดี กลับบ้านดีกว่า......บังคิด เขาปั่นจักรยานกลับทางเดิม ผ่านหน้าโรงเรียน ในใจเฝ้าครุ่นคิดสงสัย ถึงเด็กนักเรียนลูกเสือเนตรนารีสองคนนั้นเป็นใคร และใบไม้ในกล่องใส่เงินมาจากไหน ยิ่งคิดยิ่งสงสัย แต่บัดนี้เหมือนเขากำลังจะได้คำตอบ.....

สายตาของเขา มองเห็นเด็กนักเรียนลูกเสือเนตรนารีสองคนนั้น ยืนอยู่ริมถนนที่เดิม......แต่ทว่าคราวนี้ ชุดลูกเสือและชุดเนตรนารีที่เคยเป็นสีสดใส ถูกฉาบทาไปด้วยเลือดเลอะเทอะเปรอะเปรื้อน ใบหน้าของเด็กทั้งสอง มีน้ำตาไหลออกมาจากตา แต่ทว่าน้ำตานั้น มันคือเลือด.... ใบหน้าที่ดูเศร้าหมองนั้น มองตามเขาที่ปั่นจักรยานผ่านไปอย่างไม่วางตา บัดนี้ บังรู้แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร เขาทำได้แค่รีบจั้มปั่นจักรยานออกห่างจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด ในใจคิดแค่เพียงว่า อาทิตย์หน้าคงต้องลาแล้วเมืองไทย......

ลูกเสือ เนตรนารี"ทำไมเดี๋ยวนี้โรตีมันไม่มาขายนะ........??" ผมรำพึงรำพันกับตัวเอง หลังโรตีเจ้าประจำ ไม่มาขายหลายอาทิตย์แล้ว ลุงภารโรงเดินมาโน่นแล้ว 

"ลุงๆ เห็นรถโรตีมั่งมั้ย??" ผมถามคำถามกับลุงภารโรง 

"ลุงว่า มันคงกลับต่างประเทศไปแล้วล่ะ....... แกจำเรื่องเด็กนักเรียนลูกเสือกับเนตรนารี ที่ถูกรถชนตายที่หน้าโรงเรียนเมื่อเดือนที่แล้วได้มั้ย???" ลุงภารโรง เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่บังได้ประสบพบเจอในวันนั้น บังย้อนกลับมาเล่าให้ลุงภารโรงได้ฟังในตอนกลางวันของสองวันถัดมา ก่อนที่บังจะตัดสินใจกลับประเทศของตัวเอง

ผมจำได้ เหตุการณ์วันนั้น มันเป็นวันเข้าค่ายลูกเสือ ที่จะต้องไปเข้าค่ายกันที่ต่างอำเภอ ในช่วงต้นฤดูหนาว ก่อนจะเริ่มรวมพลนักเรียน เด็กนักเรียนสองคนนั้นขับรถมอเตอร์ไซค์มาเพื่อไปรอขึ้นรถ เตรียมเดินทางไปเข้าค่ายลูกเสือที่ต่างจังหวัด แต่ทว่าเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น รถกระบะคันหนึ่ง ขับย้อนศรมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนเอาเด็กนักเรียนชายหญิงพี่น้องคู่นั้นที่ขับรถซ้อนท้ายมาด้วยกัน ร่างของทั้งคู่กระเด็นลงไปตกลงในทุ่งนา ซึ่งอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณหน้าโรงเรียนร้อยเมตร..............ทั้งคู่คอหักตาย!!!

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์