อื่นๆ
ตาที่สามใคร ๆ ก็ฝึกได้
ตาที่สาม คำนี้ในกลุ่มคนที่สนใจเรื่องพลังงาน ศาสนา วิทยาศาสตร์ ถามว่ามันเป็นเรื่องวิเศษมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติขนาดไหน ไม่ขนาดนั้นหรอกคะถ้าเราวางใจให้เป็นกลาง มันก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถของ "จิต" ไม่ใช่สมองนะคะ "จิต" ถ้าจะให้นึกภาพออกต้องคนที่เคยดูภาพยนต์ เรื่อง เดอะเมทริกซ์ จะเข้าใจว่าโลกของพลังงานเป็นแบบนั้นคะ ตาเนื้อมนุษย์มองเห็นได้ไม่ถึงเศษเสี้ยวของสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสนามพลังงาน
ตาที่สามหรือตาใน คือ มโนจิตนั่นเอง สามารถฝึกฝนได้คะไม่ยากเย็นอะไร แต่ใช้ความสม่ำเสมอและดูกายเคลื่อนไหวแบบไม่จ้องไม่เพ่ง การเห็นด้วยตาที่สามไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาเนื้อมนุษย์คะ มโนจิต หรือตาในนี้จะมาในลักษณะภาพในความคิด บางทีจู่ๆก็นึกขึ้นได้ หรือบริเวณไหนที่มีกลุ่มพลังงานแตกต่างกันจะมีมีอาการทางกายเตือนก่อน เช่น ขนลุก หนาวเย็น บางคนก็เหมือนจะเป็นลม อึดอัดหายใจไม่ออกก็มีขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นมีสัมผัสในเรื่องอะไรบ้าง
Advertisement
Advertisement
ส่วนมากตาในจะไม่เห็นด้วยตาเนื้อว่าเออตรงนี้มีผีนะ ตรงนั้นมีพญานาคนะ ตรงโน้น....คือ ถ้ามนุษย์เห็นได้ทุกอย่างเป็นบ้าคะ ธรรมชาติจึงมีข้อกัดมาให้เรียบร้อยว่าเราขอบเขตของมนุษย์ตาเนื้อนั้นเห็นได้มากน้อยแค่ไหน แล้วคนที่เขาเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาเนื้อหละมีจริงหรือเปล่า ไม่ขอออกความเห็นนะคะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ถ้าสิ่งเหล่านั้นที่เขาบอกกล่าวมีเหตุมีผลอยู่ที่เจตนานั้นว่าคิดดี พูดดี ทำดีหรือเปล่า? บางทีการเห็นสิ่งต่าง ๆ ด้วยตาเนื้อในอีกภพภูมิหนึ่งก็ไม่ใช่จะได้เห็นแต่สิ่งสวยงามคะ เลือกไม่ได้เหมือนไปซื้อของเซเว่น สุดแต่บุญกรรมสัมพันธ์จะเห็นสิ่งใด เอาเป็นว่าเป็นคนธรรมดาที่อยากรู้อยากเห็นนิด ๆ หน่อย ๆ พอจรรโลงใจก็พอคะ
การฝึกตามที่สาม หรือตาใน ให้เกิดการรับรู้เร็วขึ้นในสัมผัสต่าง ๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไรคะ เอาง่าย ๆ เวลาเราหลับตาเนื้อ ตาที่สามจะทำงาน ก่อนจะตื่นนอนพอรู้สึกตัวอย่างเพิ่งลืมตาทันที ให้ขยับร่างกายก่อนเบา ๆ ช้า ๆ เช่น กระดิกนิ้วเท้าซ้าย - ขวา, กำ - แบ ฝ่ามิอ ขณะที่เราหลับตาอยู่ ทำไมเรารู้ว่าเรากระดิกเท้าขวาหรือเท้าซ้ายโดยที่ไม่ต้องลืมตาดู นั่นแหละคะ การเห็นของตาที่สาม อีกตัวอย่างนึง เวลาล้างหน้าเราหลับตาสบู่ถู ๆ ทำความสะอาดหน้า ทำไมเรารู้หละว่าตรงนี้ปาก จมูก คิ้ว แก้ม ใครยังนึกภาพไม่ออก อีกตัวอย่างหนึ่ง แค่พูดถึงของเปรี้ยวเราก็น้ำลายสอแล้วยังไม่ทันได้กินเลย นั่นแหละคะอาการรับรู้ของตาที่สาม เห็นไหมคะ ไม่ใช่เรื่องพิศดารอะไร พอเราทำบ่อย ๆ ต่อไปตาที่สามหรือตาในของคุณจะทำงานอัตโนมัติด้วยการรับรู้ จะบอกคุณในลักษณะลางสังหรณ์ อะไรอยู่ตรง จะไปทางไหน คนนี้มาดีมาร้าย จะซื้อหวยก็ให้เชื่อตัวเองว่าซื้อเลขนี้แหละ เพียงแต่เราไม่เคยสังเกตแค่นั้นเอง
Advertisement
Advertisement
ถึงแม้ว่าเราจะมีความสามารถในการเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติด้วยตาเนื้อหรือตามที่สามได้ก็ตาม ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจแค่นั้นคะ จะรู้เห็นไปถึงสวรรค์ชั้นไหน ๆ ไปมาแล้วแดนพญานาค เห็นมาหมดป่าดงพญาไฟ "แต่" "ถึงรู้อื่นเป็นหมื่นแสน ไม่มาดแม้นเท่าสูรู้ตัวเอง" เพราะพอเราลืมตายังหายใจอยู่ เราคือมนุษย์ที่มีร่างกายและจิตใจรวมกัน ยังต้องดำรงชีวิตหาอยู่หากิน ดูแลตนเอง ครอบครัว หน้าที่การงาน การฝึกตาที่สามหรือตาใน ก็ควรเป็นไปเพื่อให้เรามีสติอยู่เสมอกับกายกับใจของเราในการดำเนินชีวิต พอเรามีสติเวลาจะพูดอะไรก็พูดดีไว้ก่อน จะคิดอะไรก็คิดดีไว้ก่อน จะทำอะไรก็ทำดีไว้ก่อน ไม่เบียดเบียนกันและกัน สะสมบุญกุศลเป็นเสบียงบุญไว้สำหรับการเดินทางของจิตที่เราเองก็ยังไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อใด ขอให้ตั้งจิตไว้หวังไปที่แดนนิพพานที่เดียวคะ หนทางจะไปเจอไฟเขียวไฟแดงช่างมัน ตีตั๋วไปท่องไว้ไปนิพพานเท่านั้นเป็นพอ......ว.บุญแสงทอง
Advertisement
Advertisement
ภาพปกจาก: Enrique Meseguer จาก Pixabay
ภาพที่ 1 จาก: Stefan Keller จาก Pixabay
ภาพที่ 2 จาก: cocoparisienne จาก Pixabay
ภาพที่ 3 จาก: truthseeker08 จาก Pixabay
ภาพที่ 4 จาก: Murtaza Ali จาก Pixabay
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น